ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 555
บทที่555
“เบื้องหลังของคุณนั้นมันแข็งจริงๆ นั่นแหละ” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
หลิ่วจาวเฟิงได้ใจยิ่งกว่าเดิม พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “เข้าใจแล้วก็ดี ต่อไปถ้าเจอฉันก็รีบเดินอ้อมไปเลยไม่อย่างนั้น ถ้าฉันสั่งให้แกมาเลียรองเท้าแกก็ต้องทำตามที่สั่ง!”
“ถ้าแกกล้า……”
“ฉึก!”
หลิ่วจาวเฟิงพูดได้ครึ่งเดียวก็ต้องหยุดไป
เพราะมีดในมือของไป๋ยี่เฟยได้แทงเข้าไปในท้องของหลิ่วจาวเฟิงอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด จากนั้นยังมีการบิดมีดด้วยจนลำไส้ที่อยู่ในท้องฉีกขาด
“อ้า!”
หลิ่วจาวเฟิงเบิ่งตากว้าง แล้วมองไป๋ยี่เฟยด้วยแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นค่อยรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ไป๋ยี่เฟยจ้องไปที่หลิ่วจาวเฟิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ที่น่าเสียดายคือ คุณมาแตะต้องฟางเส้นสุดท้ายของผม ดังนั้น ต่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังคุณเป็นคนที่มีอำนาจขนาดไหน มันก็ไร้ค่า!”
หลิ่วจาวเฟิงรับรู้ได้ว่าลำไส้ของตัวเองได้ขาดไปแล้ว คงไม่มีทางรอดต่อไปได้แล้ว เขาจึงจ้องไปที่ไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง “แก……บ้าไปแล้วเหรอ!”
คนของสหพันธ์ธุรกิจบอกฆ่าก็คือฆ่า ถ้าไม่ใช่บ้าแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?
จางหัวปินที่อยู่ทางนั้นอยากจะเข้ามาห้าม แต่มันก็สายไปแล้ว สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างอับจนหนทางเท่านั้น
หลี่เสว่ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ไป๋ยี่เฟยได้ฆ่าหลิ่วจาวเฟิงไปแล้วจริงๆ ส่วนฟางเส้นสุดท้ายที่เขาว่าเธอเองก็เข้าใจมันดีด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้เธออึ้งอยู่กับที่
ทันใดนั้นเอง ภายในกลุ่มคนเหล่านั้น มีใครบางคนตะโกนขึ้นมา
“บุก!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง ผู้คนมากมายที่แฝงตัวอยู่บนดาดฟ้าเรือก็ได้หยิบมีดจากกระเป๋าของตัวเองออกมา แล้วหันไปแทงใส่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ
………
ห้องพักภายในเรือ อาจถูกพนักงานธรรมดาคนหนึ่งของทางสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงเรียกมา
“ใครเรียกผมมาเหรอ?” สวี่ชางมาถึงที่หมายแล้ว แต่ยังไม่เห็นใครเลย
พนักงานคนนั้นชี้ไปที่ด้านหลัง “พวกเขาไงครับ”
สวี่ชางหันหลังไป จู่ๆ ก็มีคนสิบกว่าคนยืนอยู่ข้างหลังอย่างไม่รู้ตัว
………
บนดาดฟ้าเรือตอนนี้สู้กันมั่วซั่วไปหมดแล้ว แขกคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ กำลังนอนเอามือกุมหัวแล้วกรีดร้องอยู่ข้างๆ
ไป๋หู่และคนอื่นๆ ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย พวกเขาแค่ยืนล้อมอยู่รอบๆ ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ ปกป้องพวกเขา ถ้ามีใครเข้ามา พวกเขาก็จะจัดการทิ้ง
ไป๋ยี่เฟยกำลังนั่งอยู่บนพื้น ดึงมีดออกมา จากนั้นก็แทงกลับเข้าไปอย่างไม่ปรานี
ในหัวของเขายังคงเป็นภาพที่หลิ่วจาวเฟิงรังแกหลี่เสว่ กับภาพของหลงหลิงหลิงที่มีแผลเต็มตัว จากนั้นมือของเขาก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ดึงออกแล้วแทงกลับ
ครั้งแล้วครั้งเล่า
หลี่เสว่มองดูทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เธอได้แต่อ้าปากด้วยความช็อก เธอไม่เคยเห็นไป๋ยี่เฟยเป็นแบบนี้มาก่อน และไป๋ยี่เฟยที่เป็นแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
ทันใดนั้น ก็ได้มีเงาดำอันหนึ่งพุ่งเข้ามาทางพวกเขา
ไป๋หู่รีบรุกหน้าไป ตั้งใจจะใช้หัวไหล่ที่บึกบึนของเขากระแทกคนๆ นั้นให้กระเด็นออกไป
แต่แล้ว ภาพที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจก็เกิดขึ้น
เมื่อจู่ๆ เงาร่างนั้นก็กระโดดขึ้นไป เขากระโดดสูงถึงสามเมตร นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้เลย
ไป๋หู่กระแทกเข้ากับอากาศ ตอนที่เขาตั้งใจจะหันมาโจมตี ก็ถูกคนๆ นั้นถีบไปหลายที จนเขาต้องถอยหลังตามแรงถีบไปหลายก้าว การถีบครั้งสุดท้ายทำให้ไป๋หู่ถึงกับกระเด็นออกไป
“ปั้ง!”
ไป๋หู่ล้มลงกับพื้น
พอสวีลั่งเห็นอย่างนั้น เขาก็รีบหยิบมีดสั้นของตัวเองออกมา แล้วกระโดดออกไป
เงาดำไม่ได้ร้อนรนเลยสักนิด เขาแค่หมุนตัว แตะไปที่มีดสั้นเบา แล้วอาศัยแรงส่งหมุนตัวไปเตะไปหนึ่งที
การเตะในครั้งนี้ เตะเข้าที่หัวไหล่ของสวีลั่งพอดี แล้วเสียง “ปั้ง” ก็ดังขึ้น สวีลั่งกระเด็นออกไปอีกคน
พอเงาดำเตะคนเสร็จ ก็ลงพื้นมาอย่างมั่นคง มายืนอยู่ตรงหน้าของไป๋ยี่เฟย
ส่วนไป๋หู่กับสวีลั่งกลับถูกจัดการลงภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น
ความสามารถขนาดนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยต้องตกใจ ตอนนี้เขาหยุดทรมานหลิ่วจาวเฟิงไปแล้ว แต่กำลังจดจ้องไปที่คนตรงหน้าด้วยความจริงจัง
แต่แล้ว ในตอนที่เขายังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร คนๆ นั่นก็ยื่นมือออกมา บีบคอของไป๋ยี่เฟยเอาไว้
ในตอนนั้น ทุกคนถึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่า คนๆ นี้คือผู้หญิง แถมเธอยังใส่หน้ากากของเล่นเอาไว้ด้วย
จากนั้น ก็ได้ยินเธอพูดขึ้นมาอย่างเรื่อยเปื่อยว่า “การตอบสนองช้ามาก ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอาจารย์อาไปถูกใจตรงไหนของคุณเข้า?”
คำพูดของเธอไม่ได้เป็นที่สนใจของทุกคน แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนสนใจคือ เสียงที่เธอพูดออกมานั้นเป็นเสียงของตุ๊กตา
จงเหลียนถือโอกาสนี้หยิบมีดสปาต้าของตัวเองออกมา แล้วคิดจะโจมตีหญิงสาวจากทางด้านหลัง แต่หญิงสาวถีบไปทางด้านหลังโดยไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ แล้วจงเหลียนก็ได้กระเด็นตามไปอีกคน
ในตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังรู้สึกร้อนรนอยู่นั้น เขาก็คงสีหน้าที่สงบเอาไว้ “คุณเป็นใคร?”
ทันทีที่พูดจบ หญิงสวมหน้ากากออกแรงบิด แล้วไป๋ยี่เฟยก็หมดสติไปเลย
หญิงสวมหน้ากากรับไป๋ยี่เฟยเอาไว้ เอาเขาขึ้นบ่า แล้วเตรียมที่จะเดินจากไป
พอหลี่เสว่เห็นอย่างนั้น เธอก็ตกใจมาก เธอจึงรีบวิ่งไปขวางหน้าหญิงสวมหน้ากากเอาไว้ “ห้ามไปนะ!”
หญิงสวมหน้ากากมองมาที่หลี่เสว่ด้วยความรำคาญใจ แล้วพูดด้วยเสียงตุ๊กตาว่า “หลีกไป! ไม่อย่างนั้นฉันจะลงมือกับเธอนะ!”
เสียงตุ๊กตานั่นไม่ได้มีผลอะไรเลย แต่ความสามารถที่เธอเพิ่งแสดงออกมานั่น ทำให้ไม่มีใครกล้าดูถูกเธอทั้งนั้น
หลี่เสว่เองก็ไม่ต่างกัน แต่เธอก็ยังดึงดันที่จะยืนขวางหญิงสวมหน้ากากเอาไว้ จะปล่อยให้ไป๋ยี่เฟยถูกเอาตัวไปไม่ได้เพราะถ้าถูกพาไป ไป๋ยี่เฟยก็จะ……
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เสว่ไม่ยอมหลีกทางให้
หญิงสวมหน้ากากเห็นเข้าก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา และไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอแค่ยกขาขึ้นมาตั้งใจจะถีบหลี่เสว่ทีหนึ่ง
ในช่วงเวลาที่คับขัน จางหัวปินก็เข้ามาผลักหลี่เสว่ออกไป แล้วรับเท้าแทนหลี่เสว่ไป
“ตุ๊บ!”
ผลลัพธ์เหมือนเคย
พอเห็นอย่างนั้น หลี่เสว่ก็รีบเข้าไปประคองจางหัวปินเอาไว้
ส่วนหญิงสวมหน้ากากก็แบกไป๋ยี่เฟยเดินไปอีกทาง
ในตอนนั้น สวี่ชางได้เดินออกมาจากในห้องพักแล้ว ในมือของเขายังมีเลือดที่เปียกชุ่มอยู่ เห็นได้ชัดว่า กลุ่มคนที่อยู่ในเรือนั้นได้ถูกสวี่ชางจัดการไปแล้ว
พอเขาเห็นหญิงสวมหน้ากากแบกไป๋ยี่เฟยไว้ เขาก็รู้สึกแปลกใจมาก
หญิงสวมหน้ากากกับสวี่ชางอยู่กันใกล้มาก จึงมองไม่เห็นการกระทำของทั้งคู่ ได้ยินเพียงแค่สวี่ชางที่ร้องด้วยความเจ็บปวด เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ส่วนหญิงสวมหน้ากากก็ใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนเข่าข้างนั้นของสวี่ชาง
จากนั้น หญิงสวมหน้ากากก็ก้มลงไปเก็บมีดที่ตกอยู่บนพื้น แล้วแทงมันลงไปที่ขาของสวี่ชาง
“อ้า!”
สวี่ชางเจ็บจนเหงื่อตก
หญิงสวมหน้ากากผ่อนแรงลง ยังคงแบกไป๋ยี่เฟยเอาไว้ จากนั้นก็หันไปพูดกับสวี่ชางอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อาจารย์ฝากฉันมาเตือนพี่คุณว่าอย่าทำเกินไป พอมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันคิดว่าฝากคุณไปเตือนเขาน่าจะเหมาะกว่า”
“กลับไปบอกพี่คุณว่าให้เพลาๆ ลงบ้าง”
พูดจบ หญิงสวมหน้ากากก็แบกไป๋ยี่เฟยจากไป
ทุกๆ คนต่างก็จนปัญญาที่จะหยุดเธอเอาไว้ เพราะเธอคนนั้นเก่งมาก ไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้หรอก
หลังจากที่หญิงสวมหน้ากากจากไป พวกคนที่ลงมือเมื่อกี้ก็จากไปด้วย
ไม่นาน เรือสำราญก็เงียบสงบลง
แต่เป็นความสงบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด พอมองไป ก็เห็นศพนอนเกลื่อนอยู่บนดาดฟ้าเต็มไปหมด
ทุกคนต่างก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึมแบบนี้
หลิวเสี่ยวอิงพาบุคลากรทางการแพทย์เริ่มทำการช่วยเหลือทันที
ส่วนไป๋หู่และคนอื่นๆ ก็ถูกจางหัวปินเรียกไปรวมตัวกันที่รถเพื่อคุยกันว่าจะเอายังไงต่อกันดี
ส่วนหลี่เสว่นั้น เธอเอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ มองดูภาพที่เกิดขึ้นบนดาดฟ้าด้วยสมองที่ว่างเปล่า
……
สวี่ชางที่ทำแผลเสร็จแล้วได้เดินกะเผลกๆ มาที่หลี่เสว่ แล้วขอโทษเธอ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ คืนนี้มันเป็นการลอบสังหารผม คุณเลยถูกดึงเข้ามาเดือดร้อนด้วยเลย”