ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 558
บทที่558
จากนั้นอีกไม่กี่วิ ฉีฉีก็ยิ้มให้กับไป๋ยี่เฟยแล้ว
ไป๋ยี่เฟยอยากจะเหลือกตาใส่เธอ สีหน้านี่เปลี่ยนไวอย่างกับเปลี่ยนหน้าหนังสือเลยนะ มันทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย แม่นี่คิดจะทำอะไรอีกแล้ว?
แต่ ฉีฉีกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เกาะนี้ ชื่อว่าหลันเต่า”
“หือ?” ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสงสัย ทำไมชื่อของเกาะนี้มันดูคุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน?
ฉีฉีพูดต่อ “ที่นี่ใหญ่พอๆ กับมณฑลขนาดเล็กมณฑลหนึ่ง”
ไป๋ยี่เฟยตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก “งั้นก็แสดงว่า ที่นี่มันใหญ่เท่าประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งเลยไม่ใช่รึไง?”
“นี่มันค่อนข้างเล็กอ่ะนะ” ฉีฉีตอบ “ดังนั้น ถ้าเราข้ามเขาไปอีกสองลูกก็จะเห็นเมืองแล้ว”
“เมืองเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยรู้สคกตกใจมากกว่าเดิมอีก
นี่มันน่าตกใจมาก
เขาเคยศึกษาแผนที่มาก่อน แต่จำไม่เห็นได้เลยว่ามีเกาะนี้อยู่บนแผนที่ด้วย ที่สำคัญ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมที่นี่ยังไม่ถูกค้นพบอีกล่ะ?
ฉีฉีมองออกว่าไป๋ยี่เฟยกำลังสงสัย เธอจึงพูดไปว่า “ความจริงเกาะนี้มันเล็กมาก เมื่อสิบห้าปีก่อนคนของสหพันธ์ธุรกิจมาเจอเกาะนี้เข้า พวกเขาวิจัยออกมาได้ว่านี่คือเกาะที่ถูกซ่อนอยู่ในพื้นดิน มันเหมาะที่จะถมที่เพื่อสร้างเป็นแผ่นดินผืนใหม่”
“ในเวลาเดียวกัน พวกเขายังสำรวจจนรู้ว่าที่นี่มีแร่มากมายที่สามารถขุดไปใช้ได้”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็อึ้งไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
จากเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง ต้องขุดเกาะเล็กอีกมากมายเพื่อถมให้เกาะนี้ใหญ่ขึ้น ค่าใช้จ่ายระหว่างนี้มันรู้ๆ กันอยู่แล้ว
การลงทุนนี้มันดูจะใหญ่ไปหน่อยนะ!
ในเวลาเดียวกัน ฉีฉีก็ได้หยิบขวดยาสีขาวขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ของเธอ จากนั้นก็เอายาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วยื่นให้ไป๋ยี่เฟย “กินวะ”
พอไป๋ยี่เฟยรับไป เขาก็มองมาที่ฉีฉีด้วยความระแวง
“ไม่ต้องห่วง มันคือยารักษา มันส่งผลดีกับบาดแผลของนาย” ฉีฉีพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วย? ถ้ามันเกิดเป็นยาพิษขึ้นมาล่ะ?
ฉีฉีขำประชดไปทีหนึ่ง “ถ้าฉันจะฆ่านายคงฆ่าไปนานแล้ว! จะรอให้ถึงตอนนี้ทำไม?”
ไป๋ยี่เฟย “……”
“อีกอย่างนะ อาจารย์อาของฉันเป็นอาจารย์ของนาย ฉันไม่กล้าทำให้นายตายหรอก” ฉีฉีพูดไปยังขำออกมาอย่างไม่ชอบใจอีก “ศิษย์พี่เต้าจ่างอย่าฆ่านาย พออาจารย์รู้เข้า ท่านก็บุกไปอาละวาดกับอาจารย์ไปรอบหนึ่ง อาจารย์ที่จนปัญญา จึงสั่งให้ฉันไปเตือนศิษย์พี่ เต้าจ่างให้”
พอไป๋ยี่เฟยฟังจบ เขาก็อึ้งไปเลย
คำพูดพวกนี้มันมีไม่มาก แต่ข้อมูลเยอะมาก
เต้าจ่างกับฉีฉีนั้นมีความสัมพันธ์แบบศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ส่วนฉีฉีก็เรียกจื่ออีอาจารย์ของเขาว่าอาจารย์อา ก็แสดงว่าอาจารย์ของฉีฉีกับเต้าจ่างเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกับจื่ออีอาจารย์ของเขา
ตอนนี้เต้าจ่างเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง การที่เต้าจ่างต้องการฆ่าเขา ก็เท่ากับสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงจะฆ่าเขาด้วย
แต่เรื่องนี้ก็ถูกจื่ออีรู้เข้า เธอจึงไปคุยกับศิษย์พี่ของเธอ จากนั้นศิษย์พี่ของเธอก็สั่งให้ ฉีฉีไปเตือนเต้าจ่าง
เมื่อคืน การวางแผนลอบสังหารที่มีขึ้นเมื่อคืน เป้าหมายก็คือสวี่ชาง สวี่ชางเป็นน้องชายของเต้าจ่าง การฆ่าสวี่ชางก็คือคำเตือนที่มีให้เต้าจ่างนั่นเอง
เช่นเดียวกันนั้น หลันเต่าแห่งนี้ทางสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงเป็นคนบุกเบิกเอง การมาในครั้งนี้ ก็มาเพื่อตักเตือนรึเปล่านะ?
แต่ ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเต้าจ่างต้องอยากฆ่าเขาด้วย?
เห็นทีหลังที่ออกไปจากที่นี่ ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนแล้ว
ไป๋ยี่เฟยไม่มีอะไรให้สงสัยแล้ว เขาจึงกินยานั้นเขาไปอย่างไม่ลังเล
พอฉีฉีเห็นอย่างนั้น เธอก็ยิ้มออกมา” คืนนี้เราจะนอนที่นี่”
ไป๋ยี่เฟยต้องไม่ขัดข้องแน่นอน เพราะเขาเดินไม่ไหวตั้งนานแล้ว
หลังพระอาทิตย์ตกดิน ไป๋ยี่เฟยกับฉีฉีก็ต่างคนต่างหาที่นอนของตัวเอง
ในขณะที่ไป๋ยี่เฟยกำลังนอนอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถอดเสื้อผ้าของเขาออก
จากนั้น ก็มีมือเล็กๆ คู่หนึ่งแตะมาที่ตัวเขา
ไป๋ยี่เฟยสะดุ้ง รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่
เขาอยากจะตื่นขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงกู้ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ตื่นได้
จากนั้น ตำแหน่งที่เป็นแผลของไป๋ยี่เฟยก็ค่อยๆ รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังไหม้อยู่ตรงนั้น
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็นังไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อยู่ดี
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมาแล้ว
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเหมือนตัวเองเหงื่อออกอีกแล้ว แต่เสื้อผ้าของเขาก็ยังอยู่ดี เขาถึงได้เบาใจลง
ที่แท้ก็แค่ฝันไปเท่านั้น!
ฉีฉีที่นั่งเล่นมือถืออยู่ข้างๆ พอเห็นเขาตื่นแล้ว ก็หยิบขนมปักก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนให้เขา “กินซะ ฉันจะได้เดินทางสะดวก” ไป๋ยี่เฟยฉีกถุงออก แล้วเขมือบขนมไปลงท้องไปทันที เนื่องจากคอแห้งมาก ขนมปังเลยติดคอเล็กน้อย
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็มองไปข้างๆ แล้วเห็นมะพร้าวลูกหนึ่งตกอยู่ แต่มันยังไม่ได้แกะ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วทุบลงไป
มะพร้าวลูกนั้นถูกทุบจนแตก น้ำมะพร้าวมากมายไหลออกมา แต่มันก็ยังพอเหลือให้ดับกระหายได้
ฉีฉีนั่งขำอยู่ข้างๆ
พอดื่มน้ำมะพร้าวเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินทางต่อ
ระหว่างทาง ไป๋ยี่เฟยก็คิด ยาที่ฉีฉีให้เขากินนี่ได้ผลจริงๆ แฮะ นี่แค่คืนเดียว ตอนที่เขาทุบมะพร้าวเมื่อกี้แผลมันก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว
ทั้งสองเดินไปเดินไป แล้วก็ข้ามเขาไปอีกลูก
ไป๋ยี่เฟยที่หมดแรงแล้ว เขาก็นั่งลงอีกครั้ง
พอฉีฉีเห็นอย่างนั้น เธอก็หยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋าเล่มหนึ่ง “ไปเอากิ่งไม้มาทำเป็นไม้เท้าไป”
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นมีดสั้น เขาก็ถามออกมาอย่างทนไม่ได้ “ในเมื่อมีคนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ งั้นแสดงว่ามันก็ต้องมีถนนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอจะไปทางนั้นเลยไม่ได้รึไง?”
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันมาที่นี่” ฉีฉีพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
ไป๋ยี่เฟยโกรธจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
สุดท้าย พวกเขาก็ข้ามเขาไปอีกลูกหนึ่ง
ในตอนนั้น ฟ้าได้มืดไปแล้ว
ไป๋ยี่เฟยยืนอึ้งอยู่กับที่
ถ้ามองจากตรงที่เขายืนอยู่นี้ จะสามารถมองเห็นเมืองขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟที่ส่องสว่าง
ไม่สิ มันไม่ใช่แค่เมืองเดียว แต่เป็นหลายเมือง ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ตรงกลางเขา จึงสามารถมองได้ไกลมากขึ้น ในที่ไกลๆ ยังมีแสงไปอยู่อีก
ฉีฉีจ้องมาที่ไป๋ยี่เฟย แล้วพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “นี่แหละคือหลันเต่า สถานที่ที่ให้สี่ตระกูลใหญ่มาแย่งกัน”
สี่ตระกูลใหญ่มาแย่งที่นี่กันสินะ?
แล้วไป๋ยี่เฟยก็นึกขึ้นได้ ตอนนั้นที่ทางสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงตั้งค่าหัวไป๋หยุนเผิง ข้อเสนอที่ตั้งไว้ก็คือ :ใครที่ฆ่าไป๋หยุนเผิงได้ ก็จะได้รับสิทธิ์ในการบุกเบิกหลันเต่าไปครอง
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที
“ไป” ฉีฉีไม่เปิดโอกาสให้เขาได้คิดไปมากกว่านั้น
ทั้งสองเดินลงเขาไป พอลงจากเขามา ก็มีรถออฟโรดคันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้น
พอไป๋ยี่เฟยเห็นเข้า “เชี่ย! มีรถด้วย!”
สิ้นเสียง ฉีฉีก็เดินตรงเข้าไป หยิบกุญแจออกมา เปิดประรถ
ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจมาก “นี่รถของเธอเหรอ?”
ฉีฉีขี้เกียจอธิบาย “ขึ้นรถ!”
ไป๋ยี่เฟยจำต้องตามขึ้นไป ระหว่างทาง ฉีฉีไม่ได้พูดอะไรเลย ส่วนไป๋ยี่เฟยก็เอาแต่นั่งเงียบ
พอขับรถมาแค่ครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็เข้าเมืองมาแล้ว จากนั้นก็ผ่านสวนหน้าบ้านไป
พอลงรถมา ไป๋ยี่เฟยก็ถามขึ้นว่า “นี่บ้านเธอเหรอ?”
ฉีฉีไม่ได้ตอบ พอลงจากรถ เธอก็ถอดกุญแจออกแล้วหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูสวน
พอประตูเปิดออก ไป๋ยี่เฟยก็ได้เห็นว่า มันคือวิลล่าขนาดเล็กที่มีสามชั้น ดูจากภายนอกมันดูไม่ใหญ่มาก แต่การตกแต่งถือว่าใช้ได้เลย
ฉีฉีเปิดประตูออก แล้วบอกกับไป๋ยี่เฟยว่า “เข้ามา”
ไป๋ยี่เฟยเดินตามเธอเข้าไป ฉีฉีพาเธอขึ้นไปชั้นสอง แล้วชี้ไปที่ห้องนอนสำหรับห้องหนึ่ง “นี่ห้องของนาย”
“มีห้องอาบน้ำมั้ย?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ฉีฉีตามมาอย่างเรียบเฉย “มี แต่ฉันว่านายอย่าอาบน้ำจะดีกว่า ถ้าแผลโดนน้ำมันจะติดเชื้อเอาได้”
ไป๋ยี่เฟยเหงื่อออก วันก่อนก็ไข้ขึ้น เมื่อคืนก็เหงื่อออกอย่างงงๆ แล้วจะไม่ให้อาบน้ำได้ยังไงล่ะ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันใช้เทปพันแผลเอาไว้ก็ได้”
ฉีฉีถาม “นายมีเทปด้วยเหรอ?”