ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 568
บทที่ 568
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเข้ามายืนแล้ว ก็หันไปมองเคาน์เตอร์อื่นๆ ก็พบว่าเชฟทุกๆคนล้วนแต่สวมชุดเชฟสีขาวกันทั้งนั้น แต่ข้างหลังของพวกเขา ก็มีผู้ช่วยอยู่คนสองคน
มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น
เชฟคนอื่นๆเริ่มสังเกตเห็นไป๋ยี่เฟย โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ๆกับไป๋ยี่เฟยคนนั้น
“เห้ย นายมาทำอะไรที่นี่?”เชฟคนนั้นถามไป๋ยี่เฟย ประเด็นคือไป๋ยี่เฟยไม่ได้สวมเสื้อผ้าของเชฟ
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเล็กน้อย ท่าทีดูเป็นมิตรมาก“ทำอาหาร ผมก็เป็นเชฟเหมือนกัน”
เพราะว่าประโยคประโยคนี้ นอกจากเสียงที่ออกมาจากเคาน์เตอร์แล้ว เสียงอย่างอื่นก็เงียบลงทันที
เชฟรอบๆข้างหันมามองไป๋ยี่เฟยกันทุกคน
จากนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังกระหึ่มขึ้นมา
“ฮ่าๆ……”
“สภาพแบบนายเนี่ยนะ ก็เป็นเชฟเหมือนกัน?”
“ไม่ใส่เสื้อผ้าไม่ว่านะ แต่เพิ่งจะยี่สิบกว่าๆ เชฟอะไรกันวะเนี่ย?”
“ใช่น่ะสิ เข้ามาเล่นมากกว่ามั้ง?”
“นี่ไอน้อง นายรีบออกไปให้เร็วดีกว่านะ อย่ามาเสียเวลาพวกเราทำอาหารเลย”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้ามึนงงไม่เข้าใจ“มันน่าตลกตรงไหน? ผมเป็นเชฟแล้วมันมีปัญหาอะไรเหรอ?”
เชฟที่อยู่ข้างๆเขาคนนั้นเห็นแบบนี้ก็พูดขึ้น“ไอ้น้อง คืออย่างแรกนายไม่มีผู้ช่วย สองนายดูไม่เหมือนเชฟเลย จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองซะเปล่าๆ!”
“ที่นี่เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจ้าว ถ้าอาหารที่นายทำไม่อร่อยล่ะก็ ถึงตายได้เลยนะ!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตระกูลจ้าวป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ทำอาหารไม่อร่อยก็เอาถึงตายเลยเหรอ?
เชฟคนนั้นพูดขึ้นต่อ“ไอ้น้อง ดังนั้นนายรีบไปซะจะดีกว่า!ถ้าถึงตอนนั้นนายมีแต่ตายกับตายแน่ๆ ขนาดจะร้องก็ยังไม่มีที่ให้ร้อง!”
ไป๋ยี่เฟยมึนงงสุดๆ สรุปแล้วคนพวกนี้กำลังหัวเราะเยาะเขา? หรือว่าหวังดีกับเขากันแน่?
ในเวลานี้เอง พนักงานคนนั้นกลับมา พูดกับบรรดาผู้คน“เอาล่ะ คนมาครบแล้ว ตอนนี้พวกคุณเริ่มได้เลย เวลาครึ่งชั่วโมง ทุกๆเคาน์เตอร์ต้องได้อาหารรสเลิศหนึ่งอย่าง”
พูดจบ พนักงานก็ไม่สนใจอะไร เดินออกไปทันที
พวกเชฟก็ไม่มีกะจิตกะใจจะมามุงดูอะไรแล้ว แต่รีบกลับไปโฟกัสที่เคาน์เตอร์ของตัวเอง เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับของรางวัลที่มีมากมายมหาศาล แล้วก็รวมถึงชีวิตของตัวเองด้วย
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ก็มองสำรวจรอบๆ ไม่ได้ทำอาหาร แต่เดินไปยังห้องน้ำ
เขาพูดกับคนที่อยู่ในหูฟังบลูทูธ“ฮาโหล ต่อไปผมต้องทำยังไงต่อ?”
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”
“ห้องน้ำ”
“รอตรงนั้นก่อน”
“ได้”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ทำตามที่ฉีฉีบอก ออกมาจากห้องน้ำ ไปยังห้องโถงชั้นสอง
ห้องโถงชั้นสองล้วนแต่เป็นหน้าต่างกระจกแบบเต็มตัว ส่วนคนที่อยู่ในห้องโถงชั้นสอง ดูโหดเหี้ยมยิ่งกว่าคนที่อยู่ชั้นหนึ่งเล็กน้อย
ดูแล้วพวกคนที่อยู่ชั้นสองพวกนี้คงจะเป็นตัวสำคัญของงานเลี้ยงแน่ๆ
ไป๋ยี่เฟยเดินมาอยู่ข้างหน้ากระจก เนื่องจากเป็นกระจกหน้าต่างแบบเต็มตัว ดังนั้นตึกสูงที่อยู่ตรงกันข้ามตึกนั้น ก็สามารถมองเห็นชั้นสองได้อย่างชัดเจน
“นายไปชั้นสองทำไม?”เสียงของฉีฉีดังขึ้นมาในหูฟัง
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง“หลงทาง”
“โง่!รีบกลับลงมาเดี๋ยวนี้!” ฉีฉีพูดขึ้น
ไป๋ยี่เฟยเตรียมลงข้างล่างอย่างนิ่งๆ
ในเวลานี้เอง ไป๋ยี่เฟยเห็นคนหัวล้านคนหนึ่งเดินตรงมายังเขา ตอนที่คนหัวล้านคนนั้นเดินเฉียดกับเขาก็หันมามองเขาหนึ่งที จากนั้นก็ตรงไปยังห้องน้ำ
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิด แล้วก็เดินตามไป
หลังจากเข้าไปแล้ว คนหัวล้านก็เข้าไปในห้องส้วมห้องหนึ่ง จากนั้นก็รีบหยิบกระดาษปากกาที่เตรียมมาไว้ก่อนแล้วออกมา แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป หลังจากที่เอากระดาษไปแปะเอาไว้ตรงประตู แล้วก็ออกมา
ในเวลานี้เอง ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกับอีกสิบห้านาที
ไป๋ยี่เฟยเดินตรงไปยังประตู ก็ชนเข้ากับคนดำรูปร่างกำยำหนึ่งคนเข้าพอดี
คนดำคนนั้นสบถออกมาหนึ่งคำ‘FUCK’จากนั้นก็พูดเป็นภาษาที่ไป๋ยี่เฟยฟังไม่เข้าใจ
แต่ไป๋ยี่เฟยมองจากสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว ก็พอจะรู้ว่าคนคนนี้จะต้องกำลังต่อว่าเขาอยู่แน่นอน!
ไป๋ยี่เฟยกำมือแน่นกำลังจะออกแรงลงมือ ในเวลานี้เอง เสียงของฉีฉีก็ดังขึ้นมาก่อน
“อย่าผลีผลามใจร้อน!”
“มันด่าผม!”
“ฉันบอกว่าอย่าผลีผลามทำอะไร!อย่าทำให้แผนพวกเราพัง!”เสียงของฉีฉีเยือกเย็นลงไปเยอะ
ไป๋ยี่เฟยหมดหนทาง“ได้ๆๆ ผมไม่ผลีผลามใจร้อนก็ได้”
พูดพลาง ไป๋ยี่เฟยรีบยิ้มให้กับคนดำทันที“มาด่าบ้าด่าบออะไร ฉันชนแกแล้วไม่ใช่หรือไง? ถ้าแกบอกว่าฉันไม่ดูตาม้าตาเรือ แกก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าคนดำคนนี้ฟังไม่รู้เรื่อง จริงดูแล้วก็ไม่น่าจะฟังรู้เรื่องจริงๆ
เพราะว่าคนดำเห็นไป๋ยี่เฟยยิ้ม ท่าทีก็เลยดีขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยยิ้มต่อ“ไม่มีเรื่องอะไรก็รีบไปซะ อย่ามาพล่ามอะไรแถวนี้”
ไป๋ยี่เฟยก็หลบให้กับคนดำ คนดำเห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้กับไป๋ยี่เฟย ก่อนจะพูดออกมาหนึ่งคำ‘OK’
“OKบ้านแกสิ”ไป๋ยี่เฟยพูดยิ้มๆ จากนั้นก็หันตัวเดินจากไป
พอเขากลับไปยังห้องครัว กลับพบว่ามีคนมากมายยืนอยู่ หนึ่งในนั้นรวมถึงจ้าวเทียนด้วย
ในเวลานี้เอง ก็มีชายสูงร้อยหกสิบหนึ่งคนพุ่งเข้ามา เตะขาเข้ามาตอนที่ไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
บังเอิญขาขานี้เตะเข้ามาที่บาดแผลของไป๋ยี่เฟยเข้าพอดี ไป๋ยี่เฟยร้อง“ซี๊ด”ออกมา ถอยหลังกลับไปสองสามก้าว
คนคนนั้นเตะเสร็จแล้ว ก็กลับไปอยู่ใกล้ๆจ้าวเทียนเหมือนเดิม
จ้าวเทียนเดินเข้ามา พร้อมกับพูดเย้ยหยัน“ไปไหนล่ะ? นายไม่ทำอาหารที่นี่ แล้วออกไปทำอะไร?”
“ฉัน……”ไป๋ยี่เฟยจะบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ จ้าวเทียนกลับขี้เกียจฟังเขา
“ยังเหลืออีกห้านาที ถ้าจะให้ดีแกเอาอาหารที่ทำให้ฉันพออกพอใจมาดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นแกก็จะหายไปจากหลันเต่าอย่างถาวรแน่นนอ!”
พูดจบ จ้าวเทียนก็พาคนจากไป
ตอนที่จากไป คนที่เตะเขาคนนั้นก็เดินผ่านเขา ไป๋ยี่เฟยจึงพูดขึ้น“ฉันจำขาข้างนี้ของแกไว้แล้ว”
คนคนนั้นเดินตามจ้าวเทียนจากไปอย่างไม่แยแสแม้แต่น้อย
ไป๋ยี่เฟยกุมตรงบาดแผลของตัวเองเอาไว้ มาถึงยังเคาน์เตอร์ของตัวเอง
พอมองดูเวลาอีกครั้ง เหลือสี่นาทีแล้ว
เหลือเวลาแค่สี่นาที เชฟส่วนใหญ่ทำเสร็จกันหมดแล้ว หลังจากที่พวกเขาเห็นไป๋ยี่เฟย ก็พากันตกใจ
เชฟกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมรอบเขา
“ไอ้น้อง แบบนี้มันไม่ได้นะ!”
“ใช่ๆ อย่านึกว่าไม่ทำแล้วจะไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่ทำล่ะก็ จะได้รับโทษอย่างหนักเลย!”
“เห้อ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเชฟที่ภัตตาคารไหนส่งมา มาหาที่ตายชัดๆ!”
“น่าเสียดาย ยังเด็กขนาดนี้!”
ไป๋ยี่เฟยมองคนเหล่านั้นต่างพูดกันอย่างนู้นอย่างนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นห่วงเขาจริงๆหรือเปล่า เขารู้สึกว่าเสียงดังหนวกหู“หุบปากได้ไหม?”
“อะไร?”
“ผมบอกให้พวกคุณหุบปาก!เสียงดังมาก!”ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน
ตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันโกรธแล้ว
“ไอ้เด็กนี่มันอะไรกัน?”
“พวกเราเตือนนายด้วยความหวังดี แล้วนายยังมาไม่ชอบที่พวกเราแหกปากเสียงดังอีก จิตใจทำด้วยอะไร!”
“ถ้าอย่างนั้นก็รนหาที่ตายเองแล้วกัน!ถ้าทำอาหารอะไรออกมาไม่ได้สักจาน ก็ตายสถานเดียว!”
“เด็กสมัยนี้เนี่ยนะ!ไม่มีศีลธรรมเลยจริงๆ พอหวังดีก็หาว่าเจตนาไม่ดี!ฉันดูๆแล้วนาย รอตายไปซะเถอะ!”
คนพวกนี้เสียงดังจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยเห็นว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว ก็ไม่ได้พูดไร้สาระอะไรต่อ รีบเลือกวัตถุดิบออกมาจากตู้อย่างรวดเร็ว ล้างอย่างลวกๆ เตรียมใส่ลงกระทะ
ใส่น้ำมัน และผักสดลงกระทะ แล้วค่อยตักออกมา
จากนั้นเสียงน้ำมันก็ดังขึ้นมา บรรดาผู้คนตรงนั้นต่างพากันเงียบปากลง