ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 569
บทที่ 569
ฝีมือการผัดของไป๋ยี่เฟยดูชำนาญมาก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่มือสมัครเล่น
แต่ว่า……
ในจานของไป๋ยี่เฟยมีแต่พวกมังสวิรัติทั้งนั้น
ขณะที่บรรดาผู้คนตกใจ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน เหลือเวลาสามนาที ถ้าจะทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์จะต้องไม่ทันแน่ๆ
แต่ว่า
“นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ!ตระกูลจ้าวอยากกินเนื้อเท่านั้น!”
“ใช่ๆ อาหารมังสวิรัติจานนี้ของนาย ไม่มีทางทำให้พวกเขาพอใจได้แน่ๆ!”
“เขาใช้น้ำมันทอดอาหารมังสวิรัติ ไม่ได้ใช้น้ำเหรอ?”
“นี่มันทำมั่วๆเอาใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจพวกผู้คนตรงนั้นแม้แต่น้อย ทำของตัวเองต่อไป
เขาเอาเครื่องปรุงที่เลือกมาเรียบร้อยแล้วใส่ทั้งหมดลงไปในกระทะ
การกระทำแบบนี้ทำให้ผู้คนต่างมึนงงและไม่เข้าใจ นี่กำลังทำอะไรอยู่?
ในกระทะไม่มีอะไรสักอย่าง ใส่เครื่องปรุงลงไปทำไม?
คนจำนวนมากมายเริ่มหัวเราะเยาะออกมา
“ทำมั่วชัดๆ!”
“ทำบ้าอะไรวะ!รนหาที่ตายแท้ๆ!”
“รอเดี๋ยว นี่นายใส่ใบกระวานกับอบเชยลงไปในอาหารมังสวิรัติทำไม?”
พอพูดมาถึงตรงนี้ เชฟแก่คนหนึ่งก็คิดพินิจอย่างรอบคอบ
ต่อมา ไป๋ยี่เฟยก็เปิดไฟ ไฟลุกขึ้นมา เขาตักน้ำส้มสายชูลงไปหนึ่งช้อนด้วยสีหน้านิ่งเฉย จากนั้นก็คน จากนั้นก็ใส่น้ำมันงาลงไป
ปิดไฟ ซุปเสร็จเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายก็ราดซุปลงไปบนผัก
“ซู่”กลิ่นของหมูผัดซอสแดงก็แผ่กระจายออกมา
อาหารหนึ่งจาน เสร็จภายในเวลาสี่นาที
ผู้คนพอได้กลิ่นหอมนี้ก็พากันอึ้งไปตามๆกัน
เห็นๆอยู่ว่ามีแต่ผัก แต่กลับได้กลิ่นหมูผัดซอสแดง นี่มันหอมยิ่งกว่าหมูผัดซอสแดงจริงๆเสียอีกด้วยซ้ำ!
มองดูเวลาอีกครั้ง เหลือเวลาอีกหนึ่งนาที!
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็มองบรรดาผู้คนตรงนั้น กอดอกพร้อมกับพูดขึ้น“ถูกทุกคนหัวเราะเยาะซะแล้วสิ”
พวกเชฟต่างหันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ในเวลานี้ เชฟแก่คนนั้นก็เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้น ก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ“นี่มันอาหารมังสวิรัติเป่ยเจียงนี่นา?”
“อะไรนะ?”
บรรดาผู้คนต่างอึ้งตะลึง
“อาหารมังสวิรัติเป่ยเจียงคืออะไร?”มีคนถามขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่รู้ว่าวิธีการแบบนี้มันคืออะไรเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยหันสายตามองไปยังเชฟแก่คนนี้ เขาเป็นคนพูดออกมา แสดงว่าเขาต้องรู้แน่นอน
เป็นอย่างที่คิดไว้
“อาหารมังสวิรัติเป่ยเจียงเป็นวิธีการปรุงอาหารแบบพิเศษชนิดหนึ่งของเป่ยเจียงพวกเขาชอบกินพวกอาหารมังสวิรัติ แต่ว่าอยากได้กลิ่นของเนื้อดังนั้นจึงทุ่มเทเวลามากมายให้กับเรื่องพวกนี้ ฝีมือของพวกเขาจะทำให้ผักมีกลิ่นของเนื้อออกมา อีกทั้งยังหอมกว่าเนื้อจริงๆด้วยซ้ำ”
“ไม่มีทางหรอกมั้ง?”
ผู้คนต่างตกตะลึง
มีคนพูดเถียงขึ้นมาทันที“ต่อให้หอมขนาดนั้นก็จริง แต่กลิ่นและการลิ้มรสของอาหารมังสวิรัติจะเทียบกับเนื้อจริงๆไม่ได้แน่นอน!”
“ใช่ๆ!”
“ฉันก็เห็นด้วย เนื้อจริงๆก็ยังให้ความรู้สึกที่ดีกว่าอยู่ดี”
เชฟแก่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
ในเวลานี้ พนักงานเดินเข้ามา“เชฟทุกท่าน เชิญตามผมมาครับ”
พอเห็นแบบนี้ ผู้คนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตามพนักงานออกไปจากห้องครัว
เชฟคนนั้นเดินอยู่ข้างๆไป๋ยี่เฟย บอกว่าตัวเองนั้นแซ่ผัง“พ่อหนุ่ม นายไปเป่ยเจียงมาใช่ไหม?”
“นี่มันคืออาหารมังสวิรัติเป่ยเจียงใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้เดาผิดใช่ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแห้งๆ“ขอโทษครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้จริงๆ”
มีเชฟสองสามคนที่อยู่ข้างๆได้ยินแบบนี้แล้วก็ไม่แยแสอะไร
“เชฟผัง คุณอย่าไปอยู่กับเขาเลย นี่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ”
“อีกอย่าง อาหารจานนั้นของเขา ไม่ถือว่าเป็นอาหารงานเลี้ยงเลยด้วยซ้ำ!”
“ถึงตอนนั้นตระกูลจ้าวจะต้องไม่พอใจแน่ๆ เดี๋ยวจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยนะ!”
ทุกคนต่างรู้สึกว่าอาหารของไป๋ยี่เฟยใช้ไม่ได้เลย กลัวว่าตัวเองจะพลอยโดนไปด้วย
พนักงานพาพวกเชฟมาจนถึงห้องโถงชั้นสอง
ในเวลานี้ได้จัดโต๊ะยาวๆสำหรับไว้เสิร์ฟอาหารแบบไม่อั้นหนึ่งตัวไว้เรียบร้อยแล้ว มีคนทั้งหมดยี่สิบกว่าคนนั่งอยู่ แต่ละคนล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น
ไป๋ยี่เฟยหันมองอีกครั้ง พอเห็นจ้าวเทียนกำลังนั่งอยู่ข้างหลังของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ก็ตกใจขึ้นมาทันที
ดูแล้วพวกคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก
พวกเชฟถูกพามา แบ่งเป็นสองแถว
ในเวลานี้ มีคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนหนึ่งพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยคล่องภาษาจีนมากนัก“เถ้าแก่จ้าว คนที่ทำธุรกิจกับพวกเราคนนั้นทำไมถึงยังไม่มาสักที?”
“คุณผู้ชายอย่าเพิ่งใจร้อนสิครับ ในเมื่ออีกฝั่งบอกว่าจะมา ก็ต้องมาแน่นอนครับ ตอนนี้พวกเรามาลองชิมอาหารดีรสชาติเลิศตรงนี้ก่อนดีกว่าครับ”จ้าวเทียนตอบกลับไปอย่างยิ้มๆ
คนต่างชาติคนนั้นไม่สนใจ“อาหารของประเทศพวกเราต่างหากที่เรียกว่าอาหารดีรสชาติเลิศ ส่วนอาหารของจีนไม่ใช่”
ประโยคนี้ ทำเอาคนที่โต๊ะสีหน้าดูไม่ดีทันที
ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงข้ามกับจ้าวเทียน ก็คือพ่อของจ้าวเทียน จ้าวคั่ว
สีหน้าของจ้าวคั่วแค่บึ้งตึงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“คุณข่ายเหวิน พวกเราลองชิมดูก่อนไหมล่ะครับ ชิมเสร็จค่อยตัดสิน”
พูดจบ ทุกคนก็หยิบตะเกียบ ชิมอาหารที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกัน
คนกลุ่มต่างชาติพากันชิมอาหารตรงหน้า จากนั้นแต่ละคนก็มีสีหน้าดื่มด่ำไปกับรสชาติ
“อื้อ อาหารจีนอร่อยจริงๆ!”
“อื้อ เยี่ยมจริงๆ!”
“อร่อยมากๆเลย!”
“Oh! My god!”
ข่ายเหวินเห็นแบบนี้สีหน้าก็อดกลั้น ยากที่จะเชื่อว่าอาหารจีนอร่อยขนาดนั้นจริงๆ ดังนั้นจึงใช่มือหยิบอาหารเข้าไปในปากอย่างอดไม่ได้
พอเขาเคี้ยวไปได้สองสามคำ ก็ถลึงตาโตทันที สีหน้ายากที่จะเชื่อ
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!อาหารจีนจะอร่อยกว่าอาหารของสามประเทศใหญ่ได้ยังไง?”
หลังจากที่เชฟได้ยินแล้ว ก็พากันเชิดหน้าชูคอด้วยความภูมิใจ
มีคนพูดซุบซิบเบาๆกับคนข้างๆ
“มีแค่อาหารจีนของพวกเราเท่านั้นแหละที่ถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศน่ะ!”
“ใช่ อาหารของสามประเทศใหญ่ของเขากล้าเรียกว่าอาหารรสเลิศได้ยังไง?”
“ทั้งโลกถือว่าอาหารจีนของพวกเราสุดยอดที่สุดแล้ว!”
“เอ้ย นี่พวกคุณดูสิ อาหารมังสวิรัติของไอ้เด็กนั่นไม่มีใครแตะต้องเลย!”
พูดพลาง คนพวกนี้ก็หันไปมอง เป็นอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้ ดังนั้นจึงหัวเราะเฮฮามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
“เป็นอย่างที่คิดไว้ อาหารมังสวิรัติของเขาแทบจะไม่อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ”
“ใช่ มีเนื้อให้กิน ใครจะไปกินผัก?”
ทุกคนหันสายตาไปมองไป๋ยี่เฟย
ตัวไป๋ยี่เฟยไม่สนใจอะไร ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ตรงโต๊ะอาหาร จ้าวคั่วเห็นแบบนี้ก็พอใจอย่างมาก พูดอย่างยิ้มๆ“ไม่เลว ครั้งนี้ทำได้ดีมาก”
จ้าวเทียนโค้งเอวพร้อมกับใบหน้ายิ้มๆ“ขอบคุณคำชมครับพ่อ”