ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 61
ตอนที่ 61
ถ้าต้องการเจรจากับนิวซีกรุ๊ป ไปหาคนที่มีอำนาจสูงส่งไม่กี่คนก็ได้แล้ว พวกเขาพวกนี้จะไปกันทั้งหมดทำไมกัน
นายท่านหลี่ต้องอธิบายต่อว่า “พวกเธอลองคิดดู พวกเรากับนิวซีกรุ๊ปไม่มีความคับข้องใจอะไรกัน ทำไมพวกเขาต้องมากดขี่ฉันแทบตายด้วย”
ทุกคนส่ายหน้า แสดงออกว่าไม่รู้
นายท่านหลี่รู้สึกผิดหวังที่ไม่เป็นไปตามคาดหวัง “พวกเขากับพวกเรากิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปไม่มีข้อคับข้องใจกัน แต่พวกเธอใครจะสามารถยืนยันได้บ้าง ว่าหนึ่งในนั้นอาจจะมีใครสักคนที่บังเอิญไปสร้างความขุ่นเคืองใจไว้ก็ได้”
เมื่อพูดแบบนี้ ทุกคนก็เข้าใจ
นายท่านหลี่พูดต่อ “หากมีการเข้าใจผิดกันจริง ๆ พวกเราก็ต้องลงไปแก้ไขให้ตรงจุด แบบนั้นการกดขี่ที่พวกเขาทำกับกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็จะยุติลง”
และแล้ว สมาชิกจำนวนมากกว่ายี่สิบคนนั้น รวมทั้งหลี่ฝานที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ได้นั่งรถมาพร้อมกับรถสองสามคันถึงยังโหวจวี๋กรุ๊ป
หลงหลิงหลิงได้เห็นคนจำนวนมากมายมาพร้อมหน้ากันในคราวเดียว ก็รู้สึกตกใจอย่างพูดไม่ออก จากนั้นก็พาพวกเขาไปยังห้องประชุมโดยเงียบสงบไม่แสดงออกอะไร
ไป๋ยี่เฟยรีบมายังบริษัท แต่ไม่ได้มาในฐานะคนของตระกูลหลี่ และกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง ให้คนทำการเปิดวิดีโอของกล้องวงจรปิด เพื่อเปิดดูการเจรจาครั้งนี้ผ่านวิดีโอ
เพียงแต่ เขาได้มองเห็นหลี่ฝาน แต่กลับไม่เห็นหลี่เสว่
ผ่านไปเป็นเวลานาน คนของนิวซีกรุ๊ปก็ยังไม่มา นายท่านหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ ถามไปด้วยรอยยิ้ม “ผู้ช่วยหลง คนของนิวซีกรุ๊ปจะมาเมื่อไรหรือ”
ในตระกูลหลี่นายท่านหลี่เป็นผู้ที่มีสถานะและอำนาจที่สุด แต่ก็ไม่ควรจะกล่าวถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าโหวจวี๋กรุ๊ป แม้ว่าจะเป็นผู้ช่วย แต่ก็ยังดีกว่าเป็นประธานในบริษัทเล็ก ๆ
หลงหลิงหลิงยิ้มแล้วตอบไปว่า “ท่านรออีกสักครู่ เดี๋ยวฉันลองไปโทรถามดูหน่อย”
“โอเค ไม่เร่งรีบ รบกวนด้วย” นายท่านหลี่ยังคงหัวเราะ
ในห้องประชุม หลี่ฝานมองมายังหลงหลิงหลิงอยู่หลายครั้ง คิดถึงเรื่องที่ถูกตีไปก่อนหน้า และยังมีคนบัดซบอย่างไป๋ยี่เฟย ครู่หนึ่งความโกรธก็เพิ่มขึ้น
“คุณปู่ การเจรจาของพวกเรากับนิวซีกรุ๊ป ทำไมจะต้องให้โหวจวี๋กรุ๊ปมาเป็นสักขีพยานด้วยล่ะ โหวจวี๋กรุ๊ปไม่ธรรมดา แต่พวกเขาทำไมถึงต้องแทรกแซงกิจการของพวกเราด้วยล่ะ”
พูดจบ นายท่านหลี่ยังไม่มีคำพูดอะไร หลี่ต้าไห่กดมือของหลี่ฝานเอาไว้ “นายอยู่ให้นิ่งหน่อย! การเจรจาครั้งนี้สำคัญกับพวกเรามาก ทางที่ดีที่สุดนายไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่คำเดียว!”
นายท่านหลี่ส่งเสียงกร้าว ความหมายนั้นชัดเจน
และหลี่ฝานในตอนนี้ก็ปิดปากสนิท แต่ก็ไม่พอใจอยู่ในใจ
ในเวลานี้ ประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาคือสมาชิกอีกคือหลี่เสว่
หลังจากไป๋ยี่เฟยมองเห็นหลี่เสว่ ทันใดนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพียงแต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าเธอไม่ค่อยดี หัวใจก็เริ่มเต้นแรงอีกครั้ง
เมื่อหลี่ฝานได้เห็นหลี่เสว่ สีหน้าการแสดงออกก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้สถานะของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก แต่ตอนนี้หลี่เสว่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป ต่อหน้าเธอตนเองก็เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น
แต่เมื่อได้เห็นหลี่เฉียงตงที่อยู่ด้านข้างของหลี่เสว่ ความอึดอัดก็เกิดขึ้นในใจของหลี่ฝานอย่างอดไม่ได้ “หลี่เฉียงตง คุณมาที่นี่ทำไม ที่นี่เป็นที่ที่คุณสามารถมาได้หรือไง”
หลี่เฉียงตงเป็นลูกนอกสมรสของนายท่านหลี่ นายท่านหลี่ไม่ยอมรับสถานะของหลี่เฉียงตง ดังนั้นทุกคนในตระกูลหลี่จึงไม่มีสีหน้าที่ดีให้กับหลี่เฉียงตง จึงเรียกชื่อกันโดยตรง
และด้วยคำพูดของหลี่ฝาน ทำให้หลี่เสว่ซึ่งกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ลึกดิ่ง ยิ่งมีสีหน้าน่าเกลียดมากขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พ่อของผมก็เป็นคนของตระกูลหลี่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงจะมาไม่ได้”
“เขานะหรือ” หลี่ฝานเยาะเย้ย “นายลองถามดูสิ เขาว่าเขาเป็นคนในตระกูลหลี่ของพวกเราหรือเปล่า มีใครยอมรับแล้วหรือ”
“อีกอย่าง พวกเรามาที่นี่ก็เพราะพวกเราบังเอิญมีการเข้าใจผิดกันกับนิวซีกรุ๊ป เพื่อจะได้อธิบายกันให้ชัดเจนต่อหน้า หลี่เฉียงตงจะมาเพื่ออะไร วันทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ติดต่อกับใครภายนอก จะไปมีโอกาสไหนที่จะไปทำให้ใครเข้าใจผิดได้หรือ คงจะไม่ได้มาจะมาเรียกร้องความสนใจหาสถานะตัวเองหรอกนะ หรือว่าพวกเธอยังรู้สึกว่าโหวจวี๋กรุ๊ปกับนิวซีกรุ๊ปจะรู้จักนายงั้นหรือ”
หลี่เสว่หายใจถี่ แต่กลับอึ้งไปครู่หนึ่ง
หลี่ฝานฮัมเพลงเบาๆ อย่างไม่สนใจ
ด้านของหลี่ต้าไห่ก็ไม่ได้หยุดพวกเขา สุดท้ายหลี่เฉียงตงซึ่งเป็นลูกนอกสมรสสำหรับเขาแล้ว ก็เป็นภัยคุกคามแบบหนึ่งเช่นกัน แน่นอน หลี่เฉียงตงไร้ประโยชน์มาก เป็นภัยคุกคามก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร
เมื่อสามีถูกต่อว่า หลิวจื่อหยุนก็โกรธอย่างถึงที่สุดโดยธรรมชาติ “หลี่ฝาน นายกำลังพูดอะไรของนาย ยังไงเขาก็เป็นผู้อาวุโสกว่านาย นาย…”
แต่หลี่หลี่เฉียงตงก็ได้ห้ามหลิวจื่อหยุนไว้ ส่ายหน้า แล้วพูดกับทุกคนอีกว่า “ไหน ๆก็มาแล้ว ก็ขอนั่งสักพักเถอะ!”
“คุณ! ทำไมคุณถึงไม่มีประโยชน์ขนาดนี้เนี่ย” หลิวจื่อหยุนโกรธมาก
เมื่อถูกคนวัยเด็กกว่าเรียกชื่อโดยตรง และยังมาเยาะเย้ยเหน็บแนม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรไป เพราะเป็นอะไรที่ไร้ค่าเกินไป
ในตอนนี้ หลี่ฝานก็ลุกขึ้นยืน “พวกคุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นผู้อาวุโสของผม อีกอย่าง ตำแหน่งที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะสามารถนั่งได้ ถ้าหากว่าอยากจะนั่งก็กรุณาไปนั่งด้านข้าง!”
มองตามไปที่หลี่ฝานชี้นิ้วไป มันเป็นกลุ่มเก้าอี้ของแนวโต๊ะใกล้ผนัง เก้าอี้เหล่านี้เป็นที่นั่งของนักแปลหรือพนักงานระดับล่าง
หลี่เสว่ตบโต๊ะด้วยความโกรธ “หลี่ฝาน นายทำเกินไปแล้วนะ!”
หลี่เฉียงตงกลับหัวเราะ และพูดว่า “ไม่เป็นไร จะนั่งตรงไหนก็เหมือนกัน”
พูดจบ หลี่เฉียงตงก็ลุกขึ้น ไปนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ทางผนัง
เมื่อหลี่เสว่เห็นดังนี้ก็ไม่ได้พูดอะไร
หลิวจื่อหยุนยิ่งโกรธมาก กลั้นหายใจเอาไว้
ในที่สุด หลี่เสว่กับหลิวจื่อหยุนก็ได้แต่ลุกขึ้น แล้วไปนั่งข้างหลี่เฉียงตง
ในความเป็นจริง หลี่เสว่ยังสามารถจะนั่งต่อไปได้ เพราะสถานะของผู้จัดการทั่วไปอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้าพูดว่าอะไรผิด แต่เธอจะไปยอมให้พ่อกับแม่ของตนเองนั่งอยู่ที่นั่น แล้วตนเองนั่งอยู่ตำแหน่งด้านหน้าได้อย่างไร
เมื่อทุกคนได้เห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็มองไปยังครอบครัวของหลี่เฉียงตง
ครอบครัวนี้ ดูไร้อนาคตจริง ๆ ให้นั่งตรงนั้นก็ยังยอมไปนั่ง!
และนายท่านหลี่ ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นฉากเหตุการณ์เหล่านี้ ตนเองได้แต่นั่งดื่มชาอย่างสบายใจ
พูดตามตรง เขาไม่ได้ชื่อชอบหลี่เฉียงตงเอาเสียเลย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่ปล่อยให้ครอบครัวของพวกเขาต้องเคว้งอยู่กลางอากาศ นับประสาอะไรกับการเลือกที่รักมักที่ชัง! ถ้าไม่ใช่เพราะโหวจวี๋กรุ๊ป ตอนนี้หลี่เสว่ก็ยังคงเป็นพนักงานเล็กๆที่ถูกคนดูหมิ่น
ในตอนนี้ ประตูของห้องประชุมเปิดออกอีกครั้ง ครั้งนี้มีคนจำนวนห้าถึงหกคนเดินเข้ามา ทั้งหมดล้วนอยู่ในชุดสูทสากลแบบผู้ดี หลังจากเข้ามา ก็นั่งตรงข้ามกับสมาชิกตระกูลหลี่
คนที่นั่งตรงกลางเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สวมแว่นตาสีทอง ดูเหมือนจะมีอายุราวสามสิบกว่าปี ใบหน้าสง่างาม ดูมีความพิถีพิถัน ได้แต่เพียงฟังเขาพูดอย่างเฉยเมย “สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นผู้จัดการทั่วไปของนิวซีกรุ๊ป ผมชื่อหลินอี้”
เมื่อเห็นเช่นนี้คนตระกูลหลี่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
นายท่านหลี่ก็ลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือออกไป “สวัสดี สวัสดี ไม่ทราบว่าประธานกรรมการมาหรือยังครับ”
“ท่านประธานกรรมการจะมาเมื่อถึงเวลาที่สมควร” หลินอี้ส่งสายตามองไปยังนายท่านหลี่เบาๆ ไม่ได้ยื่นมือออกมา
นายท่านหลี่ตัวแข็งทื่ออย่างเก้อเขิน นั่งกลับไปอีกครั้ง พูดออกมา “ดี ดี”
ตอนนี้นิวซีกรุ๊ปได้กลายเป็นผู้กำหนดความเป็นความตายของกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเหตุผลเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมามากเช่นกัน
หลี่เสว่มองไปยังปฏิกิริยาของนายท่านหลี่ ในใจก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร มีความซับซ้อนนิดหน่อย
หลี่ฝานก็หยุดพูดลงเสียอย่างนั้น จนหลี่ต้าไห่ถึงกับยิ้ม
หลินอี้ เอนกายพิงเก้าอี้ พูดอย่างเฉยเมย “เริ่มกันดีกว่า!”
“……”
ทุกคนก็เงียบกับเหมือนไก่
แม้ว่าจะมีการเจรจา แต่เมื่อต้องการเริ่มเจรจา จะพูดคุยอย่างไร พูดคุยเรื่องอะไร
เมื่อหลินอี้ เห็นว่าพวกเขาไม่พูดไม่จา พูดพลางขมวดคิ้ว “ไม่พูดหรือ ไม่ใช่พวกคุณอยากจะเจรจาหรอกหรือ มาแล้วก็ยังไม่พูด พวกคุณคิดว่าพวกเราว่างมากหรือไง ให้มาที่นี่เพื่อนั่งอยู่เงียบๆเป็นเพื่อนพวกคุณนี่นะหรือ”
พูดจบ นายท่านหลี่ก็ผงะ และรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ครับ พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่พวกเรา…”
“ผมไม่อยากฟังคำอธิบาย จะพูดหรือไม่พูด” หลินอี้ ไม่เปิดโอกาสให้นายท่านหลีได้พูด
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ฝานก็ถามว่า “คุณปู่ของผมมานี่แล้ว ในฐานะประธานกรรมการ พวกคุณล่ะ เจรจาเป็นเรื่องที่พวกคุณเสนอมา แต่ประธานกรรมการกลับไม่มา จะพูดคุยกันอย่างไร ไม่มีความจริงใจสักนิดเดียว!”
หลินอี้ กวาดสายตาชำเลืองมองหลี่ฝาน “นายพูดกับฉันในฐานะอะไร”
พูดจบ หลินอี้พูดต่อว่า “ก็พวกคุณอยากจะเจรจา พวกเราก็เลยเสนอออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากพวกเราไม่มีความจริงใจ แล้วจะมีอะไร”
หลี่ฝานถึงกับสำลัก พูดอะไรไม่ออก
“อืม……” นายท่านหลี่ก็รู้สึกเขินอาย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
หลินอี้ ชี้ไปยังหลี่ฝานอีกครั้งและถามว่า “เขามีตำแหน่งอะไรในบริษัท”