ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 625
บทที่ 625
ผู้จัดการหลิวกับชายอ้วนเหงื่อออกทันที
และพวกบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบอยู่บริเวณนั้นเห็นภาพนี้ ในเวลาเดียวกันที่ตื่นตะลึงก็ถูกทำให้ตกใจจนขาอ่อน
ทำให้หลิ่วซื่อกรุ๊ปพ่ายแพ้ โค่นล้มจู้ติ่งกรุ๊ป
รวมกันพันธมิตรวิสาหกิจยี่สิบกว่าแห่ง
ฆ่าฉุงโยวเวยคุณชายตระกูลฉุงของตระกูลสี่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงอีกทั้งถอนตัวโดยไม่ต้องกังวล
การคัดเลือกรบชนะเย่ฮวนประธานกรรมการเย่ซื่อกรุ๊ป อีกทั้งส่งภรรยาของตนเองขึ้นตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่
ตอนนี้ก็บูรณาการโหวจวี๋กรุ๊ปกับคริสทัลกรุ๊ปแล้ว และชูริเวอร์รีสอร์ท ก้าวกระโดดกลายเป็นพี่ใหญ่อย่างแท้จริงในเมืองเทียนเป่ย
ผลการรบที่รุ่งโรจน์ของอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าใครได้ยินแล้ว ล้วนยอมรับนับถือเหลือเกินล่ะ
หัวเจียงกรุ๊ปที่เล็กๆแห่งหนึ่ง จะไม่ใช่เป็นกรุ๊ปเล็กๆที่ไม่สามารถเข้าสู่สังคมชั้นสูงแห่งหนึ่งหรือ?
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไอ้หน้าแผลมีดหนึ่งทีอย่างราบเรียบพูดว่า “ให้ไอ้หัวล้านหลิวออกมาพบผม”
“ได้ครับ” ไอ้หน้าแผลมีดพยักหน้าทันที จากนั้นส่งสายตาให้กับลูกน้องตนเอง คนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าไปในห้องพิเศษทันที
ในเวลานี้ ในที่สุดชายอ้วนก็หวาดกลัวจนยันไม่อยู่แล้ว “ตุ๊บตั๊บ” คุกเข่าลงไปเสียงหนึ่ง
“เถ้าแก่ไป๋ ขอโทษครับ คือผมมีตาหามีแววไม่ คือผมตาสุนัขมองคนต่ำ ล้วนเป็นความผิดขอบผม ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่จิตใจกว้าง คราวนี้ปล่อยผมไปเถอะ!”
หลังจากผู้จัดการหลิวเห็นแล้วก็คุกเข่าตามเช่นกัน อยากจะขอความเห็นใจ
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยล้วนไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย แม้แต่มองก็ไม่มองพวกเขาสักที เดินไปโดยตรงเลย “ให้พวกเขาล้วนถอยออกไป”
ไอ้หน้าแผลมีดพยักหน้า หมุนตัวพูดกับพวกเขาว่า “เถ้าแก่ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับพวกคุณ ยังไม่ไสหัวออกไปหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ ได้รับคำอนุญาต คนกลุ่มหนึ่งโค้งคำนับให้กับไป๋ยี่เฟยทันที เดินออกไปอย่างเร่งรีบ
ในเวลานี้เฮียเซิงเดินไปยังข้างหน้าไป๋ยี่เฟย ยิ้มประจบหยิบนามบัตรของตนเองออกมา “เถ้าแก่ไป๋ สวัสดีท่าน ผมเป็นจ้าวเซิงของหัวเจียงกรุ๊ป วันนี้สามารถพบเจอกับท่านล้วนเป็นเกียรติของผม ท่านให้เกียรติข้าน้อยสักหน่อย อาหารมื้อนี้ผมเลี้ยง”
ไป๋ยี่เฟยใบหน้าเย็นชาพูดว่า “ไสหัวออกไป!”
สีหน้าของจ้าวเซิงแข็งทื่อทันที ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ไอ้หน้าแผลมีดเห็นสภาพนี้ร้องพูดทันทีว่า “ให้คุณไสหัวออกไป ผมให้คุณรีบไสหัวออกไป!”
จ้าวเซิงเห็นสภาพได้เพียงแต่หมุนตัวออกไปอย่างอึดอัด
ถึงแม้ว่าไป๋ยี่เฟยตอนนี้มีเงินมากมายแล้ว แต่เขายังคงดูถูกคนที่อาศัยว่าตนเองมีเงินก็ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาแบบนั้น มีเงินก็ไม่แสดงว่าจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนอื่นตามอารมณ์ได้เลย
ดังนั้นเขาจึงไม่มีสีหน้าที่ดีต่อจ้าวเซิงคนนี้
ไป๋ยี่เฟยเพิ่งนั่งลง ไอ้หัวล้านหลิวก็วิ่งมาถึงข้างหน้าเขาอย่างเร่งด่วน
หลังจากมองเห็นไป๋ยี่เฟย เขาหัวเราะ ฮึๆ พูดว่า “เถ้าแก่ นานแล้วไม่ได้เจอกัน คิดถึงท่านเหลือเกิน”
ไป๋ยี่เฟยเพียงแค่เหลือบมองอย่างราบเรียบ หยอกล้อพูดว่า “คุณยังคิดถึงผมหรือ? ผมทำไมได้ยินว่าช่วงนี้คุณมีเรื่องกับผู้หญิง?”
ไอ้หัวล้านหลิวเห็นสภาพยิ้มขมพักหนึ่ง “เถ้าแก่เอ่ย ท่านอย่าหยอกล้อผมเลย”
พูดจบ เขาเรียกไอ้หน้าแผลมีด “ยังอึ้งอยู่ตรงนั้นทำไม ยังไม่รีบเอาอาหารที่ดีเหล้าที่ดีขึ้นมาให้กูหรือ!”
“ครับ ครับ ครับ” ไอ้หน้าแผลมีดขานรับทันที พาคนไปจัดเตรียมเลย
ไอ้หัวล้านหลิวหัวเราแฮ่ๆหนึ่งที ลูบหัวล้านใหญ่ของเขาลูบแล้วลูบอีก “เถ้าแก่ วันนี้ไม่คุยเรื่องธุรกิจ คุยเรื่องความผูกพัน ดื่มให้ดีๆสักแก้ว”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไอ้หัวล้านหลิวอย่างแปลกใจ “นี่ไม่ค่อยเหมือนคุณเล็กน้อย”
ไอ้หัวล้านหลิวพูดว่าอยากจะเจอไป๋ยี่เฟย ที่จริงแล้วเพียงอยากจะให้ไป๋ยี่เฟยให้งานเขาทำ หลังจากทำเสร็จแล้วเขาจะได้รางวัลมหาศาล พูดตามตรงยังคงอยากจะได้เงินของเขาเท่านั้น
สำหรับความผูกพันระหว่างพวกเขา ยังลึกไม่เท่าความผูกพันกับน้องสาวเขาล่ะ ถึงยังไงไป๋ยี่เฟยก็เคยช่วยน้องสาวของเขามาก่อน และน้องสาวเขาก็เคยส่งข่าวให้กับไป๋ยี่เฟยมาก่อน
ไอ้หัวล้านหลิวรู้สึกเกรงใจยิ้มแล้วยิ้มอีก “ที่จริงแล้วคือ เงินที่ผมหาจากคุณที่นี่ ล้วนสามารถเพียงพอจะทำให้ผมทั้งชีวิตไม่ต้องกังวลแล้ว ดังนั้น ไม่อยากพูดคุยเรื่องเงินกับท่าน เรามาพูดคุยความผูกพันสักหน่อย”
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นได้ยินคำพูดนี้ คงอาจจะซาบซึ้งใจมาก ไป๋ยี่เฟยกลับรู้สึกมีปัญหา
จากนั้นไป๋ยี่เฟยยักคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าไม่เปลี่ยนสีหน้าพูดว่า “ไอ้หัวล้านหลิว คำพูดนี้มีคนเคยสอนคุณมาใช่ไหม?”
“ไม่…….เป็นไปได้ยังไงหรือ?” ท่าทางที่ไอ้หัวล้านหลิวหยิบแก้วแข็งทื่อแล้วแข็งทื่ออีก
ไป๋ยี่เฟยย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ไอ้หัวล้านหลิวก็เป็นคนหยาบคนหนึ่ง ถ้าจะพูดกับเขาเรื่องความชอบธรรมที่เป็นพี่น้อง เขาย่อมไม่มีความเห็นอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าจะพูดคุยกับเขาเรื่องความผูกพัน ใช้วิธีให้คนซาบซึ้งนั้นเขาไม่เชื่อ
เพราะว่าคนอย่างประเภทพวกเขา จะไม่รังเกียจเงินมากอยู่แล้ว
เรื่องที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งรังเกียจเงินมากเกิน งั้นต้องมีความยั่วยวนที่ได้มากกว่าเงินอย่างแน่นอน
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้เปิดโปงเขา เพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดว่า “ไม่อยากหาเงินกับผมที่นี่แล้วจริงๆหรือ?”
ไอ้หัวล้านหลิวตบหน้าอกต่อๆกันทันที รับรองพูดว่า “จริงๆ!”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพลุกขึ้นมาทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเดิมทีผมคิดว่าจะพูดคุยการร่วมงานกับคุณ ตอนนี้คุณไม่สนใจแล้ว งั้นก็ไม่รบกวนมากกว่านี้แล้ว”
ไอ้หัวล้านหลิวมองเห็นไป๋ยี่เฟยออกจากที่นั่งแล้ว เห็นสภาพนี้จะจากไปแล้วจริงๆ มีความร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย รีบตามเข้าไป ทั้งยิ้มด้วยทั้งดึงไป๋ยี่เฟยไว้ “ผมว่าเถ้าแก่เอ่ย มีอะไรค่อยพูดค่อยจา มามามา นั่งอยู่ที่นี่”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบตามองไอ้หัวล้านหลิวหนึ่งที ไอ้หัวล้านหลิวแสยะปากยิ้มหนึ่งที ไป๋ยี่เฟยนี่จึงนั่งลงไปใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั่งลง ไอ้หัวล้านหลิวก็ยอมอ่อนพูดว่า “เถ้าแก่ ท่านช่างล้อเล่นจริงๆ มีเรื่องอะไรท่านสั่งมาได้เลย รับรองว่าจะจัดการให้ท่านอย่างเรียบร้อย”
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง จ้องมองหลงหลิงหลิงหนึ่งที หลงหลิงหลิงเข้าใจทันที หยิบเอกสารชุดหนึ่งให้กับไอ้หัวล้านหลิว
ไอ้หัวล้านหลิวมึนงงเต็มใบหน้าจ้องมองเอกสารอยู่ “นี่……”
“การพัฒนากับการบริหารของชูริเวอร์รีสอร์ท ถ้าหากว่าคุณบอกว่าคุณทำไม่ได้ งั้นผมได้เพียงแค่ไปหาคนอื่นแล้ว”
ไอ้หัวล้านหลิวล้วนตะลึงงันแล้วทั้งตัว
พูดตามตรง คนที่ทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆกับมาเฟีย ที่จริงแล้วจะไม่ยาวนานเท่าไหร่ ถึงยังไงก็ไม่สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆทั้งชีวิต
และคนของมาเฟียทุกคน ที่จริงล้วนหวังว่าตนเองได้ล้างเท้าล้างมือ กลับคืนสู่การใช้ชีวิตปกติใหม่
แต่ว่าที่ไหนจะง่ายดายขนาดนั้นล่ะ?
ชูริเวอร์รีสอร์ทเป็นโครงการที่เย่ซื่อกรุ๊ปล้วนให้ความสำคัญมาก ภาพแห่งอนาคตในการพัฒนาของมันแค่คิดก็รู้ สถานบันเทิงเหล่านั้นที่อยู่ใต้ชื่อเขาล้วนเทียบกันไม่ได้
ถ้าหากว่าพวกเขาคว้าโครงการนี้มาได้ งั้นเขาก็ไม่ใช่ไอ้คนของมาเฟียอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นเถ้าแก่ที่แท้จริง เถ้าแก่ใหญ่ที่มีหน้ามีตา
ไอ้หัวล้านหลิวแค่คิดก็ตื่นเต้นมากแล้ว
ไอ้หัวล้านหลิวกลืนน้ำลายแล้วกลืนน้ำลายอีก ตื่นเต้นถามว่า “เถ้าแก่ ท่าน……ไม่ได้หยอกเล่นกับผมนะ?”
พูดถึงหยอกเล่น ไป๋ยี่เฟยที่เดิมทีจะจริงจังมาก ก็มีความคิดที่จะหยอกคนขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นมือจะไปเอาเอกสารกลับคืน
ไอ้หัวล้านหลิวเห็นสภาพมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที กอดเอกสารยัดใส่เข้าไปในอ้อมอกของตนเอง “เถ้าแก่ จงอย่า ผมเชื่อฟังท่าน อะไรล้วนเชื่อฟังท่าน”
ไป๋ยี่เฟยเอาโครงการของหมู่บ้านท่องเที่ยวนี้ให้กับไอ้หัวล้านหลิวก็มีการพิจารณาของตนเองเช่นกัน หนึ่งคือเนื่องเพราะตอนที่ตนเองหายนะหมดสิ้นโดนถูกกดขี่ วิธีของเขาทำให้เขามีสีหน้าแสดงถึงความประทับใจเล็กน้อย ก็เหมือนดั่งหลงหลิงหลิงอย่างนั้น
ยังมีจุดหนึ่งก็คือ ไอ้หัวล้านหลิวมาบริหารรีสอร์ต เขาวางใจ เพราะว่าจะไม่มีคนกล้ามาก่อกวน
……
ในคนนั้นไป๋ยี่เฟยพาไป๋หู่ เฉินห้าว จางหัวปิน ฉีฉี กับคนที่ขับเรือเร็วเป็นหลายคนที่พวกเขาจ้าง ออกเดินทางไปยังหลันเต่า
มีประสบการณ์ของสองครั้งก่อน ครั้งนี้พวกเขาไปถึงอย่างราบรื่นมาก อีกทั้งใช้เครื่องมือทำลายมืออาชีพ ตัดโซ่ออก ช่วยซาเฟยหยางออกมา ยังถือโอกาสนำทองคำแท่งหีบใหญ่หลายหีบออกมา
ในเวลานี้ พวกเขากำลังเดินกลับ ไป๋ยี่เฟยกลับงงงันมาโดยตลอด
จางหัวปินอยู่เรือเร็วลำเดียวกันกับเขา หลังจากเห็นเขางงงันก็เลยถามว่า “คุณเป็นยังไงล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วขึ้นมา กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “ผมรู้สึกว่าผิดปกติ”
“ที่ไหนผิดปกติหรือ?” ในใจจางหัวปินตื่นตกใจทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ที่ไหนล้วนผิดปกติหมด!”
“อีกทั้งตั้งแต่แรกก็ผิดปกติแล้ว!” น้ำเสียงของไป๋ยี่เฟยยิ่งมายิ่งแน่ใจแล้ว
แท้ที่จริงหลายวันที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ขาดตอนมาโดยตลอด ดังนั้น สมองของไป๋ยี่เฟยล้วนสับสนมากมาโดยตลอด
ก็พูดได้ว่า สองปีที่ผ่านมานี้ ล้วนสับสนมาก
มีบางเรื่องเขาไม่มีเวลา หรือพูดได้ว่าไม่ยอมไปคิด
เขาช่วยซาเฟยหยางออกมา ก็เลยคิดอยู่ว่า ถ้าหากว่าถูกขังไว้เพียงคนเดียวนานขนาดนี้จะลืมสาเหตุที่ตนเองถูกขังได้หรือไม่?
และอยู่ในเวลาสั้นๆขนาดนี้เขามองเห็นคนมากมายจะจำใบหน้าของคนเหล่านี้ได้หรือไม่?
ตอนแรกไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจเลย ถึงยังไงตนเองก็ไม่เคยโดนขังมาก่อน อีกทั้งเป็นเวลานานขนาดนี้
เขาจ้องมองมหาสมุทรที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่อยู่ต่อหน้า อยู่ดีๆใจเปิดกว้างแล้ว ความคิดก็ชัดเจนตามขึ้นมา
สุดท้าย คำตอบของเขาคือปฏิเสธ