ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 636
บทที่636
ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่ทำสงครามการค้ากับไป๋ยี่เฟยมาโดยตลอด สู้กันด้วยสมองตลอด หลังจากที่เธอถูกไป๋ยี่เฟยจับตัวไปเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไป๋ยี่เฟยจะสู้เก่งขนาดนี้
ทางนั้น ชายคนหนึ่งที่ถือมีดสปาต้าได้ฟันใส่ไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยเอี้ยวตัวหลบ ในขณะที่เอี้ยวหลบเขาก็ถีบชายคนนั้นจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็ชกใส่คนที่เข้าใกล้เขาจนล้ม
พริบตาเดียว ก็มีคนกว่าเจ็ดแปดคนลงไปนอนกับพื้นแล้ว
ลูกกระจ๊อกก็คือลูกกระจ๊อก ยังไงก็ไม่ใช่นักสู้หรือบอดี้การ์ดอยู่ดี เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นร้ายกาจ หัวใจก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเป็นอันดับแรก
ไป๋ยี่เฟยคนเดียว จัดการคนสิบกว่าคนตรงหน้าไปแล้ว พอคนที่เหลือเห็นอย่างนั้น ก็ตกใจจนรีบวิ่งหนีไป
สุดท้ายก็เหลือแค่คนสิบกว่าคนที่ถูกเล่นงานจนนอนโอดครวญอยู่บนพื้น ลุกก็ลุกไม่ขึ้น
หม่าจิ่นหลงยืนอึ้งอยู่กับที่ ขาอ่อนไปทั้งสองข้าง อยากจะวิ่งหนีไป แต่ความหวาดกลัวก็ทำให้เขาไม่สามารถก้าวขาออกไปได้
ไป๋ยี่เฟยมองเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “เมื่อกี้ผมพูดไปแล้วว่าอย่าหาเรื่องผม”
หลังจากที่หม่าจิ่นหลงฟังจบ ขาทั้งสองข้างก็ยันต่อไปไม่ไหวแล้ว “ฟุบ” เข่าทั้งสองข้างคุกเข่าลงพื้น “พี่ครับ ผมผิดไปแล้วปล่อยผมไปเถอะ ผมผิดไปแล้ว……”
เสียงของหม่าจิ่นหลงกำลังสั่น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหวาดกลัวมาก
ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางใส่ใจคนแบบนี้อยู่แล้ว “ไสหัวไป!”
พอหม่าจิ่นหลงได้ยินอย่างนั้น เขาก็อึ้งไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น โค้งคำนับให้ไป๋ยี่เฟย “ขอบคุณครับพี่ขอบคุณครับพี่……ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ……”
หม่าจิ่นหลงออกจากบาร์ไป ไป๋ยี่เฟยนั่งลงที่เดิม แล้วหันมาถามเย่อ้ายว่า “ได้นับรึเปล่า? ใช้เวลาไปเท่าไหร่ครับ?”
ในที่สุดเย่อ้ายก็ตั้งสติได้ แต่เสียงเธอเริ่มสั่นแล้ว “ฉัน……ลืมแล้ว……”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดาว่าไม่น่าจะเกินสองนาทีมั้ง” ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นอีก แล้วหันมาพูดกับเธอว่า “ตอนนี้เราสามารถพูดต่อได้แล้วใช่มั้ยครับ?”
เย่อ้ายก็กลับมานั่งที่เดิมด้วย จากนั้นก็เอาแต่จ้องหน้าไป๋ยี่เฟย
จนไป๋ยี่เฟยต้องเอามือลูบหน้าตัวเอง “มีอะไรติดหน้าผมอยู่เหรอครับ?”
เย่อ้ายส่ายหน้า แล้วพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อว่า “ทำไมคุณถึงเก่งขนาดนี้!”
ไป๋ยี่เฟยแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้น รปภของบาร์แห่งนี้ก็ได้เข้ามา การทะเลาะวิวาทในร้านแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้ามาห้ามในทันที รอจนเรื่องซาแล้วพวกเขาค่อยมา
พวกรปภเข้ามาล้อมพวกไป๋ยี่เฟยเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ จากนั้นก็ได้มีผู้ชายอายุประมาณสามสิบกว่าเดินเข้ามาเขาเดินมาตรงหน้าไป๋ยี่เฟยแล้วพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “สวัสดีครับ คุณผู้ชาย เจ้านายของเราอยากพบคุณครับ”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ “ผมไม่ว่าง ไม่ไป”
ชายหนุ่มชะงักไป ไม่นึกเลยว่าไป๋ยี่เฟยจะไม่ให้เกียรติเขาขนาดนี้ แต่เขาก็สามารถกลับมายิ้มได้อีกครั้งอย่างรวดเร็วและไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะเดินจากไป
ในที่สุดเย่อ้ายก็สงบสติลงได้แล้ว แต่แววตาที่เธอมองไป๋ยี่เฟยนั้นเปลี่ยนไป มันเป็นประกายขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ที่ไป๋ยี่เฟยจับเธอไปขังไว้ ตอนแรกเธอก็รู้สึกโกรธมาก แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว พวกเจ้าของผู้ประกอบการที่เคยร่วมงานกับเธอนั้นได้ถูกจับเข้าคุกไปหลายคนแล้ว
แต่เธอที่เป็นแกนนำกลับไม่โดนอะไรเลย มันจึงเป็นความชอบของไป๋ยี่เฟยไป
ด้วยเหตุนี้ จริงๆ แล้วเย่อ้ายไม่ได้เกลียดไป๋ยี่เฟยขนาดนั้น
“พี่ไป๋คะ พี่ยอมให้พี่ฉันได้ที่ดินผืนนั้นไปเถอะค่ะ” เย่อ้ายพูดออกมาตรงๆ
พูดไป เย่อ้ายก็ขยับเข้ามาใกล้ไป๋ยี่เฟย ยื่นมือมาแตะมือใหญ่ๆ ของไป๋ยี่เฟย แล้วพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ขอแค่พี่ยอมรับปาก จากนั้นพี่จะทำอะไรกับฉันก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเอามือออก “เพื่ออะไร?”
เย่อ้ายได้ยินอย่างนั้นก็รีบพูดขึ้นมาทันที “ถ้าพี่อยากเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอดเลย”
ไป๋ยี่เฟยจ้องหน้าเย่อ้ายด้วยความแปลกใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพื่อพี่คุณแล้ว คุณยอมเสียสละมากเลยนะ”
เย่อ้ายพยักหน้าโดยที่ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ “แต่ฉันเต็มใจค่ะ ฉันยอมเป็นเมียเก็บของคุณของได้ ส่วนพี่ชายจะนำพาคนรักของคุณ เมื่อคุณไปที่เมืองหลวง ตระกูลเย่ก็สามารถร่วมมือกับคุณได้”
ไป๋ยี่เฟยรู้จักเย่ฮวนเป็นที่สุด ตอนนี้เขาต้องการที่ดินผืนนั้นมาก เมื่อได้ที่ดินผืนนั้นมา เขาก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะกลับไปที่เมืองหลวงอีกครั้ง จากนั้นก็ช่วยอาสี่ของเขาครอบครองตระกูลเย่อย่างมั่นคง และยังสามารถสืบหาความจริงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเขาด้วย
ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่เย่ฮวนจำเป็นต้องได้มาเพื่อให้ให้คนอื่นยอมรับ
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “ทำไมถึงต้องให้ผมยอมให้ได้ล่ะ? หรือพวกคุณคิดว่าถ้าผมไปแย่ง ผมก็ต้องชนะนะแน่นอนใช่มั้ย?”
“อันนี้เราเองก็ไม่รู้ แต่ที่เรารู้คือ ถ้าคุณเข้าร่วมต่อให้สุดท้ายเราจะเป็นฝ่ายได้มันมาครอง แต่ราคาที่จ่ายก็จะเพิ่มมากขึ้น”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า
เย่อ้ายมองเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “ถึงผมจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย และไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรม แต่ในใจของผมมีเสว่เอ๋อแล้ว และชาตินี้ก็จะไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อเสว่เอ๋อเด็ดขาด”
ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน”
ความรักระหว่างไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่นั่นได้มาอย่างยากลำบาก ไป๋ยี่เฟยผมทำเพื่อหลี่เสว่ไปมากมาย ส่วนหลี่เสว่เองก็ยอมทำเพื่อไป๋ยี่เฟยไปไม่น้อยเหมือนกันไม่ใช่รึไง?
ยังจำได้ดีตอนที่อยู่บนหลันเต่า หลี่เสว่ยอมบาดเจ็บเพราะเขา เพื่อช่วยเหลือไป๋ยี่เฟย หลี่เสว่ยังเดินทางไปที่เมืองหลวงเพียงลำพังด้วย ไปเผชิญหน้ากับพวกจิตใจต่ำทรามอย่างเต้าจ่างเพียงลำพัง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนแรกที่หลี่เสว่รู้ว่าตัวเองมีลูกไม่ได้ เธอก็ยอมตัดใจจากเขาแล้วจากไปอย่างเจ็บปวด
หลี่เสว่ที่ดีขนาดนั้น ถ้าทำผิดต่อเธอไป ไป๋ยี่เฟยคิดว่าเขาก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นคนแล้ว
คิดไปไป๋ยี่เฟยก็ส่ายหน้าไป แล้วพูดขึ้นว่า “คุณไม่จำเป็นต้องเสียสละ ผมต้องการแค่ ให้พี่ของคุณมาก้มหัวให้ก็พอ”
“คุณหมายความว่ายังไง?” เย่อ้ายไม่เข้าใจ
ไป๋ยี่เฟยยืนขึ้น แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “ให้พี่คุณมาคุณกับผมด้วยตนเอง นอกจากนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีก”
พูดจบไป๋ยี่เฟยก็จากไป
เย่อ้ายได้แต่นั่งมองแผ่นหลังของเขาด้วยความอึ้ง บอกไม่ถูกเลยว่าเธอกำลังรู้สึกยังไง
แต่พอไป๋ยี่เฟยเดินไปถึงที่หน้าประตู ก็ถูกชายอายุสี่สิบกว่าขวางเอาไว้
ชายวัยกลางคนยื่นนามบัตรให้ไป๋ยี่เฟยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณผู้ชายโปรดรอสักครู่”
ไป๋ยี่เฟยรับนามบัตรมาดู “ฟ่านกวางหมิงเหรอ?”
“ถูกต้องครับ” ชายวัยกลางคนยิ้มแล้วพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยเก็บนามบัตรแล้วถามไปว่า “มีธุระอะไรครับ?”
ฟ่านกวางหมิงตอบ “ผมเห็นว่าฝีมือการต่อสู้ของคุณใช้ได้เลย ผมชื่นชมคนที่มีความสามารถมาก ดังนั้น ผมจึงอยากขอให้คุณมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับร้านของเราหน่อย ส่วนเรื่องค่าจ้าง คุณไม่ต้องเป็นห่วง เราไม่มีทางเอาเปรียบคุณแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยแค่เหล่ตามอง แล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจชายคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ฟ่านกวางหมิงมองดูแผ่นหลังของไป๋ยี่เฟย แล้วขำออกมาอย่างดูถูก “เป็นแค่ยาจก จะว่าท่าอะไรนักหนา?”
จากนั้นเขาก็พูดกับรปภที่อยู่ข้างหลังว่า “ตามมันไป แล้วแจ้งที่อยู่ของมันไปให้หม่าเซียจื่อ”
“ครับ”
รปภวิ่งออกไป
ในตอนนั้น เย่อ้ายก็จะไปจากบาร์แห่งนี้เหมือนกัน แต่ก็ถูกฟ่านกวางหมิงขวางเอาไว้
เย่อ้ายทำหน้าไม่พอใจ “ทำอะไรน่ะ?”
ฟ่านกวางหมิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “คุณหนูเย่ครับ เมื่อกี้คุณไม่เห็นคุณชายหม่าถูกทำร้ายเหรอครับ?”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” เย่อ้ายทำเสียงไม่พอใจ “หลีกไป!”
ฟ่านกวางหมิงไม่ได้หลบไป แต่เขากลับยิ้มออกมา “คุณหนูเย่ อยู่ดื่มต่ออีกสักแก้วนะครับ”
“ฉันจะดื่มกับเพื่อนของฉันเท่านั้น” พูดจบเย่อ้ายก็เดินผ่านตัวเขาไป
แต่เมื่อเดินไปได้ไม่ไกล จู่ๆ ฟ่านกวางหมิงก็ลงมือ เขาฟันมีดลงไป เย่อ้ายสลบไปทันทีโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องเลยแม้แต่นิดเดียว
ฟ่านกวางหมิงรีบรับเธอเอาไว้ จากนั้นก็ลากเธอกลับเข้าไปในร้าน
……
โรงพยาบาลเฟิร์สเป่ยไห่
ภายในห้องผู้ป่วยวีไอพีที่มีระดับ หม่าจิ่นหลงนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ข้อมือของเขาถูกเข้าเฝือกไปแล้ว และตอนนี้รอบๆ เขาก็มีคนยืนอยู่หลายคน
หม่าจิ่นหลงทำหน้าลำบากใจ “อารอง พ่อ ดูมือของผมสิครับ ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ผมนะครับ!”
คนที่ยื่นอยู่ตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคน เมื่อได้ยินสิ่งที่หม่าจิ่นหลง ดวงตาของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที “คนของตระกูลหม่ามันยังกล้าทำร้าย มันต้องตาย!” พูดจบเขาก็จะเดินออกไป
แต่ก็ถูกชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเขาดึงเอาไว้ก่อน “รอเดี๋ยว แกรู้รึเปล่าว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?”
ชายคนนั้นทำเสียงฮึดฮัด “มันอยู่กับเย่อ้าย เย่ฮวนต้องรู้แน่นอน ผมจะไปถามเย่ฮวนดู”