ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 639
บทที่639
เศรษฐีที่เดินอยู่หน้าสุด เห็นได้ชัดว่าเขามีพุงที่ใหญ่น่าดู เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหม่าอาน ทำหน้าเหมือนคนที่ถูกทำร้ายเป็นลูกชายของตัวเอง “เศรษฐีหม่า ได้ยินว่ามีคนไม่กลัวตาย กล้ามาทำร้ายคุณชายถึงในเมืองเป่ยไห่เลยเหรอครับ? ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย ถ้าหาไอ้บ้านั่นเจอ ฉันจะเป็นคนแรกเลยที่จะไม่ปล่อยมันไว้”
จากนั้นคนอื่นๆ ก็เดินเข้ามา เฉินกางแสดงความโกรธเกรี้ยวของตัวเองออกมา “เศรษฐีหม่า บริษัทของเราจะยืนอยู่ฝั่งคุณตลอดไป ถ้าใครกล้าทำร้ายคุณชาย บริษัทของเราจะไม่ปล่อยมันไว้แน่”
“ใช่ครับ พวกเราก็เหมือนกัน!”
เนื่องจากพวกนักเลงกับพวกเศรษฐีที่มาสมทบ จึงทำให้ด้านหน้าของโรงแรมอัดแน่นไปด้วยผู้คน
หม่าอานเป็นประธานกรรมการของหม่าซั่วกรุ๊ป ถูกจัดเป็นอันดับสามของเมืองเป่ยไห่ ได้ร่วมมือกับเย่ซื่อกรุ๊ปหลายอย่าง ดังนั้นตำแหน่งของเขาจึงไม่ธรรมดาเลย เศรษฐีมากมายในเมืองเป่ยไห่จึงอยากจะเข้าหาเขาทั้งนั้น
เนื่องจากมีคนมากมายมาเฝ้าอยู่หน้าประตูแบบนี้ ทุกคนจึงคิดว่าไป๋ยี่เฟยไม่มีทางหนีไปได้แน่นอน
ภายในของพักของโรงแรม ไป๋ยี่เฟยที่มองดูเหตุการณ์จากด้านบน ได้ถอนหายใจออกมา “แค่ไปกระทืบลูกชายของเขาเอง แต่ตระกูลหม่ากลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้วะได้!”
ตอนนั้นที่เขาฆ่าฉุงโยวเวยไปก็ไม่เห็นตระกูลฉุงจะเรียกคนมาเยอะขนาดนี้เลย
พวกลูกน้องของพี่หวงต่างก็นึกว่าข้างล่างนั้นเป็นลูกน้องของไป๋ยี่เฟย จึงพากันก้มหน้าก้มตาขอโทษไป๋ยี่เฟยเป็นการใหญ่
แต่พอได้ยินไป๋ยี่เฟยพูดมาอย่างนั้น พวกนั้นก็อึ้งไปตามๆ กัน
พี่หวงตั้งสติได้ทันที “แม่ง พวกนั้นมันมาตามล่าแกสินะ!”
……
ลูกน้องที่เข้ามาก่อนทั้งสิบคน ได้แบ่งกันเป็นสามกลุ่ม แบ่งกันขึ้นลิฟต์ไป
หนึ่งในลูกน้องที่ขึ้นไปก่อนได้ถามด้วยความกังวลว่า “พี่ใหญ่ คนของคุณชายหม่ายี่สิบกว่าคนถูกไอ้หมอนั่นเล่นงานเรามากันแค่สิบคน มันจะไม่……น้อยไปหน่อยเหรอครับ?”
เมื่อหัวหน้าของหนึ่งในสี่คนได้ยินอย่างนั้น ก็ทำเสียงฮึดฮัด “พวกที่คุณชายหม่าพาไปมีแต่พวกไก่อ่อนทั้งนั้น จะเอามาเทียบกับพวกเราได้ยังไง? เราเป็นถึงลูกน้องมือดีของลูกพี่หม่าเลยนะ”
“พี่เหมยพูดมีเหตุผล” ลูกน้องขำแหะๆ
ลูกน้องอีกคนถามขึ้นอีกว่า “พี่เหมย แล้วเราจะตามหามันยังไงครับ?”
พี่เหมยมองบน “เมื่อกี้ก็เอารายชื่อลูกค้าที่ลงทะเบียนไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ใครที่ยังไม่แก่ และเป็นผู้ชายก็ไปหาดูให้หมด”
“ครับ อาซิง รีบเอารายชื่อลูกค้ามานี่” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา แต่กลับมองไม่เห็นใครเลย เขาจึงอึ้งไป “อาซิงหายไปไหน?”
อีกสองคนก็หันไปมอง คนที่เดิมทีควรอยู่ข้างหลังพวกเขาได้หายไปแล้ว
พี่เหมยขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “สงสัยไอ้บ้านั้นคงจะกลัวสินะ? พอตื่นเต้นก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ?”
ทันทีที่พูดจบ ก็ได้มีคนชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างหลังของหนึ่งในลูกน้อง และพี่เหมยก็เห็นเข้าพอดี
คนชุดดำเงยหน้าขึ้นมามองพี่เหมย แถมยังยิ้มให้เขาด้วย จากนั้นก็ใช้มีดปาดคอลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าเขา
ลูกน้องคนนั้นยังไม่ทันได้ส่งเสียงก็ล้มลงไปแล้ว เลือดสดๆ ไหลออกจากลำคอไม่ยอมหยุด จนตาย
พี่เหมยตะลึงกับสิ่งที่เห็น
คนชุดดำพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “วิ่ง”
พอพี่เหมยตั้งสติได้ จึงตัดสินใจวิ่งกลับไปที่ลิฟต์ทันที เขาตั้งใจจะหนีลงข้างล่าง ระหว่างที่วิ่งก็หยิบมือถือออกมาด้วยเพื่อโทรหาหม่าเซียจื่อ
แต่ทันทีที่เขาหยิบมือถือออกมา ก็ชนเข้ากับคนที่เดินขึ้นมาจากชั้นล่าง
พี่เหมยตะคอกใส่คนๆ นั้นทันที “แม่งไม่มีตารึไง?”
พอพูดจบ เขาถึงได้รู้ตัวว่า ตอนนี้มีมีดปักอยู่ที่กลางอกของตัวเองแล้ว
พี่เหมยก้มลงไปมอง รูม่านตาหดเล็กลง จากนั้นก็ล้มลงไปตายตาไม่หลับ
หยิบมือถือของพี่เหมยขึ้นมา แล้วโยนลงพื้น จากนั้นก็ใช้ขากระทืบจนพัง
……
ประตูลิฟต์บนชั้นสิบเปิดออก
คนชุดดำคนหนึ่งเดินออกมาจากในนั้น เขาไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เดินตรงไปทางบันได
ส่วนภายในลิฟต์ที่เขาเดินออกมา สามารถมองเห็นผู้ชายสามคนที่เลือดท่อมคอนอนอยู่บนพื้น
……
ภายในห้อง ไป๋ยี่เฟยยิ้มรับไปตามตรง “คนพวกนั้นมาหาเรื่องผมจริงๆ เพราะผมดันไปทำร้ายเศษเดนของตระกูลเขาเข้า”
หลังจากพวกพี่หวงได้ยินไป๋ยี่เฟยพูดมาอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก ส่วนหนึ่งก็เพราะที่พวกเขาก้มหัวขอโทษเมื่อกี้ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะลงมือทำร้ายไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ถ้าพวกคุณอยากจะทำร้ายผมมันก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ถ้าพวกคุณจัดการผมไป แต่ดันไปแย่งโอกาสในการแก้แค้นของพวกข้างล่างเข้า คิดว่าพวกนั้นจะยอมปล่อยพวกคุณไปมั้ย?”
พอได้ยินอย่างนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งไป ไม่รู้ว่าควรลงมือดีมั้ย
จู่ๆ สาวน้อยคนนั้นก็นึกแผนอะไรได้ แล้วหันไปพูดกับ พี่หวงว่า “พี่หวง เราจับเขามัดเอาไว้แล้วพามันไปส่งให้พวกข้างล่าง เจ้านายของพวกมันก็อาจจะไม่เอาเรื่องเรา ไม่แน่พวกเขาอาจจะตกรางวัลให้เราด้วยก็ได้นะ”
พอพี่หวงได้ยินอย่างนั้น ก็ดีใจขึ้นมาทันที “ดีๆ ดี เธอนี่ฉลาดจริงๆ”
ว่าแล้วเขาก็โบกมือ “มัดหมอนี่เอาไว้”
ไป๋ยี่เฟยยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่ได้ขัดขืน ยอมให้พวกนั้นมัดเขาอย่างตามใจชอบ
ตอนแรกไป๋ยี่เฟยนึกว่าพวกนี้จะมัดเขาทั้งตัว แต่เอาเข้าจริงกลับมัดแค่มือเท่านั้น แบบนี้ก็ง่ายสิ ถูกมัดแค่มือ มันช่างง่ายต่อการขัดขืนเหลือเกิน
พวกพี่หวงคุมตัวไป๋ยี่เฟยออกจากห้อง แล้วชนเข้ากับเฉินอ้าวเจียวที่อยู่หน้าห้องพอดี
เมื่อเฉินอ้าวเจียวเห็นเข้า ก็เตรียมที่จะชักมีดออกมาโดยอัตโนมัติ แต่พอเห็นไป๋ยี่เฟยที่ส่งสายตาให้เขา เขาจึงเอามือลงไป
“หลบไปให้พ้น อย่ามาขวางทาง!” ถลึงตาใส่เฉินอ้าวเจียวแถมยังเอามือผลักเขาออกด้วย
เฉินอ้าวเจียวไม่ได้โกรธ แต่เขากลับหลบออกไปอย่างว่าง่าย
คนทั้งหมดผลักไป๋ยี่เฟยไปจนถึงหน้าลิฟต์ เนื่องจากตอนนี้ลิฟต์อยู่ชั้นอื่น พวกเขาจึงต้องยืนรอ
พี่หวงมองหน้าไป๋ยี่เฟย จากนั้นก็ถามไปว่า “ฉันว่า พวกที่อยู่ข้างล่างนั่นต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่ๆ จริงมั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยตอบออกมาอย่างใจเย็น “ผมก็ไม่รู้ ไม่แน่อาจจะเป็นแค่ลูกกระจ๊อกก็ได้”
ลูกกระจ๊อกเหรอ?
พี่หวงหน้าเสียไปเลย ถ้าพวกที่อาวุธครบมืออยู่ข้างล่างนั้นเป็นแค่ลูกกระจ๊อกละก็ แล้วลูกกระจ๊อกอย่างพวกเขาจะกลายเป็นตัวอะไร?
“เชิญแกแม่งโม้ไปเลย” พี่หวงทำเสียงฮึดฮัด
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาเล็กน้อย
พอพี่หวงเห็นไป๋ยี่เฟยเป็นแบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะนับถือ “แกนี่ใจกล้าน่าดูเลยนะ ถึงขั้นนี้แล้วยังใจเย็นอยู่ได้ บอกตามตรง ถ้าได้ใช่เพราะไปมีเรื่องกับคนพวกนั้นเข้า เราอาจจะได้เป็นเพื่อนกันก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป “เพื่อนเหรอ?”
“ไม่ได้เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ เพราะการเป็นเพื่อนกับผมนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่……”
เพราะทุกคนที่อยู่ข้างกายเขา ไม่มีใครเลยที่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้
ฉินหัวโดนระเบิดจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
สวีลั่งโดนยิงตั้งสามนัด
จงเหลียนกับไป๋หู่ก็บาดเจ็บไปไม่น้อย
เฉินห้าวถูกหลิ่วเซียวเหยาวางยาจนเกือบตาย
หลงหลิงหลิง ถูกคนของหลิ่วจาวเฟิงทำร้ายจนบอบช้ำไปทั้งตัว
จางหัวปินเกือบต้องหย่ากับพี่สะใภ้เพราะเขา
ยิ่งคิดถึงเรื่องพวกนี้มันก็ยิ่งทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกวุ่นวายใจ
เขาคิดว่า ถ้าเขาไม่ใช่ไป๋ยี่เฟย ไม่ใช่คนของตระกูลไป๋ เขาก็คงไม่ได้รู้จักกับคนพวกนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้แล้วสินะ?
แน่นอนว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าถ้าอยู่แล้ว
ลิฟต์มาถึงแล้ว ประตูค่อยๆ เปิดออก
กลิ่นคาวเลือดโชยออกมา พอประตูลิฟต์เปิดออกจนสุด ทุกคนต่างก็อึ้งไปเลย
ภายในลิฟต์มีศพสามศพที่ยังเปื้อนเลือดอยู่
พวกพี่หวงนั่นเป็นแล้วลูกกระจ๊อกจริงๆ อย่างมากก็แค่กรรโชก,กระโชกทรัพย์ ไร้เหตุผลไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน และไม่เคยเจอศพแบบนี้มาก่อน
ดังนั้น เมื่อพวกเขามาเจอศพจังๆ แบบนี้ ถึงได้อึ้งกันไปเลย แถมยังตกใจจนเข่าอ่อนเลย
ลูกน้องคนหนึ่งพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “พะพะพะ……พี่ใหญ่……”
พอพี่หวงได้สติ กลืนน้ำลายใหญ่เลย แล้วพูดด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย “ปะ…ไป…ทางบันได……”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินไปทางบันได แล้วพูดสวนมาว่า “ตรงบันไดตายเยอะกว่าอีก ไปทางลิฟต์ดีกว่าครับ”