ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 654
บทที่ 654
ชายวัยกลางคนรีบลุกขึ้น จับหน้าอกตัวเอง ฝ่ายตรงข้ามแรงเยอะมาก เขารู้สึกเจ็บกลางอก รู้สึกอยากอาเจียน
เวลานี้ ชายวัยกลางคนมองหน้าคนคนนี้ชัดแล้ว จากนั้นก็ตกใจ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงชายวัยสามสิบเท่านั้น ไว้ผมยาว หนวดเต็มหน้า ยังใส่กางเกงยีนขาด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเนื้อตัวสะอาด เขาคงจะคิดว่าชายคนนี้เป็นขอทาน
แต่เป็นคนอย่างนี้นี่เอง ต่อยเขาจนไม่มีโอกาสต่อสู้แม้แต่น้อย
ชายวัยกลางคนรู้สึกโมโห รีบเก็บมีดสั้นของตัวเองขึ้นมา ชี้ไปที่ฝ่ายตรงข้ามแล้วพูดว่า “แกเป็นใคร? แน่จริงบอกชื่อมา”
เพิ่งพูดจบ ชายขอทานคนนั้นก็พุ่งเข้าไป
ชายวัยกลางคนใจกระตุก เขานึกไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ฟังคำพูดแม้แต่น้อย ลงมือทันที
ไอ้บ้านี่ไม่มีเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ยังจำตอนลงเขาได้ อาจารย์เคยบอกว่า ในโลกนี้ วิชาลับที่ฝึกได้ดีที่สุดก็คือนาย แม้แต่ศิษย์พี่นายเต้าจ่างก็สู้นายไม่ได้ ขอให้ตั้งใจฝึก อีกหน่อยฝีมือโดยรวมแล้วต้องสู้พวกเขาได้แน่ เพราะฉะนั้นลงเขาไปฝึกเถอะ
เพราะคำพูดพวกนี้ของอาจารย์ ทำให้เขาภูมิใจ เพราะฉะนั้น เขารับไม่ได้ที่มีคนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ชายวัยกลางคนรู้สึกโมโหอย่างที่สุด ใบหน้าโมโหวิ่งเข้าไป ในมือถือมีด
“เพี๊ยะ”
ขณะที่เขาพุ่งเข้าไปด้วยความโมโห ชายคนทานก็ลงยกมือขึ้น จับมือเขาไว้
ชายวัยกลางคนตะลึง
ส่วนชายขอทานไม่ให้โอกาสเขามีเวลาตะลึง ยกมือต่อยไป ชายวัยกลางคนกระเด็นออกไป
“ปัง”
แต่ว่าชายวัยกลางคนยังไม่ถึงพื้น ชายขอทานก็ตามเข้าไปด้วยความเร็วสูงเหนือคนธรรมดา จากนั้นก็ต่อยเข้าไปร่างที่รอยอยู่กลางอากาศ
ชายวัยกลางคนถูกต่อยล้มไปกับพื้น
“ปัง”
ฝุ่นกระจาย
ชายวัยกลางเลือดซึมออกมุมปาก เบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาเชื่อว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการต่อยเขาให้ตาย
ดังนั้นชายวัยกลางคนก็กรีดร้องขึ้นมา “ศิษย์พี่ช่วยด้วย”
เพิ่งพูดจบ ก็มีคนพุ่งออกมา ต่อยไปที่ชายขอทาน
ชายขอทานเบิกตากว้าง จากนั้นก็เอียงหัว หลบหมัดของเต้าจ่างได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นก็ยกหมัดขึ้น ออกหมัดอย่างรวดเร็ว
คนที่มาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง คือศิษย์พี่ของชายวัยกลางคน เต้าจ่าง
คนในเมืองหลวงรู้ดี เต้าจ่างอยู่เหนือกว่าใคร แทบไม่มีคนสู้เขาได้เลย
และตอนนี้ เต้าจ่างถูกชายขอทานต่อยจนถอยหลังหลายก้าว แค่ดีกว่าชายวัยกลางคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชายวัยกลางคนตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ไม่ว่ายังไงเต้าจ่างก็คือเต้าจ่าง ที่บอกว่าความสามารถเขาอยู่เหนือคนอื่น เป็นเพราะว่าเขามีความสามารถจริง
เพราะฉะนั้นขณะที่รับมือกับหมัดของชายขอทานแล้ว เขาก็ย่อเขา ยื่นฝ่ามือออกไป จับมือของชายขอทานไว้ จากนั้นก็ดึงเบาๆ แล้วผลักออก คืนแรงทั้งหมดให้กับชายขอทาน
ชายขอทานถอยหลังหลายก้าว เต้าจ่างก็ถอยหลังหลายก้าว ทั้งสองดึงระยะห่างออกไป
เมื่อยืนนิ่งแล้ว เต้าจ่างถึงมองหน้าชายแปลกหน้าคนนี้ชัดเจน แววตาตกใจ แต่มากกว่านั้นคือสงสัย “แกเป็นบอดี้การ์ดท่านหลินรอง?”
ชายขอทานสะบัดผมตัวเองอย่างสบายใจ จากนั้นก็กอดอกพูด “ฉันไม่ใช่บอดี้การ์ด เราแค่ร่วมงานกัน”
เต้าจ่างขมวดคิ้ว จ้องหน้าชายขอทาน
ชายขอทานขึงตา “ทำไม? ไม่พอใจ”
เต้าจ่างพูดเสียงเรียบ “พอใจหรือไม่พอใจต่างอะไรกัน? แกกับฉันต่างกันไม่มาก”
ชายขอทานหัวเราะ พูดเสียงเย็นชา “วันๆก็ได้แต่ทำตัวอวดเก่ง น่ารังเกียจจริงๆ”
เต้าจ่างสีหน้าเปลี่ยนทันที แต่คำถามที่ถามออกมากลับเป็น “ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไม……”
ยังพูดไม่จบ ชายขอทานก็ตัดคำพูด “ไม่ต้องถาม ถามอีกต่อยแกแน่”
เต้าจ่างสีหน้ายิ่งไม่ดี
เต้าจ่างอยู่เหนือคนอื่นมาตลอด คิดแล้วคงไม่มีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้ ทำให้เขาเสียหน้า รู้สึกโมโหอึดอัดใจ
แต่เขาเพียงแค่กำหมัดตัวเองแน่น ไม่ได้ทำอะไร เพราะเขายังไม่รู้วิธีการต่อสู้ของชายคนนี้
ดูเหมือนต่อสู้ไปเลื่อย แต่เพราะการต่อสู้ไปเลื่อยแบบนี้ ทำให้ศิษย์น้องของเขาไม่มีทางสู้ จนเกือบตาย แม้กระทั่งเขาเองยังถอยหลังไปหลายก้าว
อาจจะเป็นก่อนหน้านี้ไม่นานเจอคนลึกลับคนหนึ่งที่เมืองเทียนเป่ย คนลึกลับคนนั้นก็อยู่เหนือเขา เต้าจ่างเริ่มสงสัย ว่าตัวเองเก่งที่สุกจริงหรือ?
เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาทำอะไรก็จะระมัดระวังขึ้น ไม่ถึงเวลาจำเป็นไม่ลงมือเด็ดขาด
เต้าจ่างมองชายวัยกลางคนที่ถูกซ้อมเหมือนหัวหมูที่ล้มอยู่กับพื้น ทำเสียงเย็นชา ดึงคนขึ้นมา จากนั้นพูดกับหลี่เสว่ว่า “รองประธานหลี่ เมื่อกี้เป็นเพียงการเข้าใจผิด ศิษย์น้องของผมคงนึกว่าพวกคุณเป็นพวกขโมยสุสาน ผมต้องขอโทษรองประธานหลี่แทนเขาด้วย”
พูดจบแล้ว เต้าจ่างก็พาศิษย์น้องเขาจากไป
หลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อยังอยู่ในอาการตกใจ
ชายขอทานไม่ใช่คนอื่น คือคนที่พวกเขาเห็นบนเรือสำราญที่หน้าตาเหมือนกับฉินหัว ฉินซาน
เพราะว่าหน้าตาเหมือนกันมาก ดังนั้นตอนที่เขาปรากฏตัว โจวฉวี่เอ๋อจึงนึกว่าเขาเป็นฉินหัว ยังเรียกเขาว่า “ที่รัก”
ฉินซานเดินมาตรงหน้าโจวฉวี่เอ๋อ ใช้นิ้วยกคางเธอขึ้นมา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “น้องสาว เมื่อกี้เรียกได้ดีมาก เรียกอีกทีได้ไหม”
โจวฉวี่เอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปัดมือเขาออก ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณเป็นใคร?”
ฉินซานหัวเราะ เข้าไปใกล้โจวฉวี่เอ๋ออีก “ผมไม่ใช่สามีคุณเหรอ? เมื่อกี้คุณเรียกเอง”
เวลาเดียวกัน หลี่เสว่ก็เรียกขึ้นมา “ฉินหัว”
ฉินซานหันไป มองหลี่เสว่อย่างเอือมระอา “ผมว่าทำไมพวกคุณทุกคนถึงเรียกผมว่าฉินหัว? ฉินหัวมันเป็นใครกันแน่?”
โจวฉวี่เอ๋อจ้องฉินซาน
หลี่เสว่ก็ขมวดคิ้ว สังเกตมองฉินซาน
เมื่อกี้ที่เธอเรียกเขาว่าฉินหัว เพราะอยากดูการตอบสนองของเขา เขาหันกลับมาแล้ว แต่การตอบสนองเขาเฉยๆ ไม่มีอะไรผิดปกติ ดูแล้วไม่เหมือนแกล้งทำ
หลี่เสว่ลังเล หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ หรือว่าเป็นพี่น้องกับฉินหัว?
หลี่เสว่จึงถามเขา “ทำไมคุณต้องช่วยพวกเรา?”
ฉินซานมือกอดอก ท่าทางขี้เล่น ใช้นิ้วชี้ไปที่ถนน พูดว่า “ผมเดินผ่าน จากนั้นก็เห็นสะใภ้ผมคนนี้ที่ยังไม่ได้แต่ง ก็เลยมาดูสักหน่อย……”
พูดจบ ฉินซานก็จับคางโจวฉวี่เอ๋อขึ้นมาอีก ยังถูไปมาหยอกเล่น
โจวฉวี่เอ๋อโมโหมาก แต่เพราะว่าเมื่อกี้เขาช่วยไว้ จึงทำแค่ถอยหลังสองก้าว สะบัดมือนั้นออก พูดอย่างโมโห “ใครเป็นสะใภ้ยังไม่แต่งของคุณ?”
ฉินซานหัวเราะ เดินเข้าไปหนึ่งก้าว “สะใภ้ ทำไมลืมเร็วจัง? ตอนอยู่บนเรือ คุณอยู่กับผมแล้วไม่ใช่เหรอ?”
โจวฉวี่เอ๋อรีบถอยหลังสองก้าว หลบไปข้างหลังหลี่เสว่ จ้องหน้าฉินซานพูด “อย่าพูดไปเลื่อย”
ตอนอยู่บนเรือสำราญ ฉินซานอยากทำอะไรโจวฉวี่เอ๋อจริง แต่ไม่สำเร็จ พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้โจวฉวี่เอ๋อโมโห
หลี่เสว่ยืนอยู่ข้างหน้าโจวฉวี่เอ๋อ ขวางฉินซานไว้ พูดเสียงเย็นชา “พวกเราแต่งงานแล้ว คุณอย่าพูดอะไรไปเลื่อย”
ฉินซานได้ยินก็หัวเราะ พูดว่า “ผมรู้ แต่ผมไม่แคร์”
หลี่เสว่เปลี่ยนสีหน้า “คุณ”
ฉินซานยังหัวเราะ ยังผิวปาก จากนั้นก็เอียงคอพูดกับโจวฉวี่เอ๋อที่อยู่หลังหลี่เสว่ “สะใภ้น้อย รอผมมาหาคุณนะ”
พูดจบ ฉินซานหัวเราะแล้วเดินจากไป
โจวฉวี่เอ๋อดูเขาเดินจากไป กัดฟันพูดอย่างโมโห “ไอ้บ้า ไอ้ไร้ยางอาย”
หลี่เสว่เอือมระอา มองร่างที่เดินจากไป พูดว่า “แต่เขาช่วยเราไว้”
พูดจบแล้ว หลี่เสว่ชะงัก นึกอะไรขึ้นมาได้ รีบหยิบมือถือ โทรหาไป๋ยี่เฟย
……
โรงพยาบาลโว่หลง
ไป๋ยี่เฟยกำลังรับบริการนวดจากฉีฉีอยู่ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากหลี่เสว่แล้ว สีหน้าเปลี่ยน