ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 660
บทที่ 660
เย่ฮวนตะโกนห้ามเฝิงเซียนเซียนแล้ว หันไปมองไป๋ยี่เฟย ยิ้ม พูดว่า “ไม่มี ทำไมผมไม่รู้ว่าเราเคยมีความแค้นส่วนตัวกัน?”
เฝิงเซียนเซียนสีหน้ามึนงง
ทุกคนต่างตะลึง เบิกตากว้าง
ช่วงนี้ทั้งสองบริษัทต่างทำลายโรงงานและร้านขายของอีกฝ่าย นี่ยังไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว?
แต่ไม่นาน ทุกคนก็เริ่มเข้าใจ ทั้งสองคนน่าจะเล่นละคร เพื่อรักษาสิทธิ์การประมูลของตัวเองไว้
ไป๋เจียวก็ไม่ได้โง่ เข้าใจอยู่แล้ว หัวเราะเย็นชา “รบกวนพวกคุณเวลาอยากเล่นละครก็สมจริงหน่อย นึกว่าพูดคนละคำก็หลอกทุกคนได้เหรอ?”
“ทุกคนต่างดูอยู่ เชื่อว่าทางสหพันธ์คงไม่เชื่อเพราะคำพูดคำเดียวหรอกนะว่าทั้งสองบริษัทไม่มีความแค้นส่วนตัว?”
คำพูดนี้เพื่อตัดบทของสวีชาง ไม่ให้เขาใช้คำพูดนี้พูดต่อ
สวีชางยิ้มอย่างลำบากใจ ทั้งสองคนดูไม่ค่อยเหมือน ใครดูแล้วก็ไม่เชื่อ
ไป๋เจียวเห็นสวีชางไม่พูด ก็เลยพูดเร่งขึ้นมา “ประธานสวี ตอนนี้น่าจะประกาศได้แล้ว ยกเลิกสิทธิ์การประมูลของเย่ซื่อกรุ๊ปกับเฟยเสว่กรุ๊ปได้หรือยัง?”
สวีชางเงียบไม่พูด มองไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็ยิ้ม วินาทีนี้ ทุกอย่างนี้ เขาเข้าใจหมดแล้ว พูดความรู้สึกออกมา “ไป๋เจียวเอ้ย คุณนี่ช่างพยายามเหลือเกิน”
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็พูดอย่างใจเย็น “เพื่อให้ผมเสียสิทธิ์การประมูล ก็วางคนไว้รอบตัวเพื่อนผม ยังให้ผมไปหาหลี่จู้จนเจอ จากนั้นก็แตกแยกกัน แบบนี้ก็จะเสียโอกาสการประมูล”
“เธอฉวยโอกาสนี้ สร้างความวุ่นวาย ให้คนที่ส่งตัวไปลงมือกับเพื่อนผม พอให้ผมแก้แค้นเสร็จแล้ว ก็แจ้งตำแหน่งผมให้เย่อ้ายรู้”
“แล้วให้คนเสนอไอเดียเน่าให้กับเย่อ้าย ให้เธอมาพบผม สุดท้ายก็ใช้เรื่องนี้ ให้เย่อ้ายเป็นเหยื่อ เพื่อให้ผมกับเย่ฮวนแตกแยกและสู้รบกัน”
“เพราะการสู้รบของพวกเรา เสียหายทั้งสองฝ่าย จะได้ผลดีระหว่างนี้ และฉวยโอกาสยึดตำแหน่งงานประมูล ใช้กฎสหพันธ์ ทำให้พวกเราสูญเสียโอกาสการประมูล”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “แต่ว่า……เธอไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำมันโง่เหรอ?”
พูดจบแล้ว ไป๋เจียวยังยิ้ม ส่ายหัวสีหน้าเรียบเฉย “สิ่งที่นายพูดเป็นแค่การคาดเดา ไม่มีหลักฐาน ฉันไม่ยอมรับ อีกอย่างฉันก็ไม่รู้สึกว่าฉันโง่”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูด หลี่จู้มือสั่น ท่าทางกลัวไม่สบายใจ เท่าที่ฟังแล้วก็มั่นใจได้ว่าสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดคือความจริง
และจะทำอะไรได้? ไม่มีหลักฐาน ทุกอย่างก็เป็นเพียงคำพูดปากเปล่า
เถ้าแก่คนอื่นได้ยินแล้ว ต่างก็สนทนากัน แต่พวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครผิดใครถูก
เวลาเดียวกัน เย่ฮวนก็เปิดปากพูด “ว่าไปแล้ว ก็เป็นเพราะคุณอยากได้ที่กินผืนนี้เท่านั้น”
“เพราะที่ดินผืนนี้ คุณยอมแต่งงานกับหลี่จู้ นึกว่าจะได้ที่ดินอย่างง่ายดาย แต่ว่า คุณคิดไม่ถึง ที่ดินนี้เป็นของหลี่จู้จริง แต่ว่า ที่ดินขนาดเกินสองพันไร่ก็ทำการวางแผนโครงสร้างโดยสหพันธ์ คุณไม่มีสิทธิ์ในการพัฒนา”
“ที่สำคัญ นี่คือทรัพย์สินก่อนแต่งงานของหลี่จู้ คุณไม่มีสิทธิ์ครอบครองแม้แต่น้อย”
“คุณไม่ได้ทำการสืบเรื่องพวกนี้ล่วงหน้า ก็แต่งงานกับเขาแล้ว เสียตัวแล้วยังไม่ได้เงินอีก นี่ยังไม่เรียกว่าโง่อีกหรือ?”
คำพูดของเย่ฮวน ทำให้ไป๋เจียวหน้าซีดไปทันที
วินาทีนี้สำหรับไป๋เจียว รู้สึกว่า เธอถูกไป๋ยี่เฟยกับเย่ฮวนรวมหัวกันหลอก
และความรู้สึกของเธอก็ไม่ผิด ไป๋ยี่เฟยเปิดปากพูดแล้ว “เธอไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากรู้ เธอรู้ได้ยังไงว่าเย่อ้ายตายแล้ว อีกอย่างยังโดนผมฆ่าอีก? หรือว่าเย่ฮวนเป็นคนบอกเธอ?”
ไป๋เจียวได้ยินแล้ว ก็หน้าซีดขึ้นอีก
เย่ฮวนปิดข่าวไว้ ไม่มีคนรู้สาเหตุ เธอไป๋เจียวก็ไม่น่ารู้
แต่ไป๋เจียวกลับรู้ หรือไม่ก็คนที่บอกเย่ฮวน บอกไป๋เจียวด้วย หรือไม่ก็ไป๋เจียววางแผนเองทุกอย่าง ไม่ว่ายังไงเขาก็เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน
สายตาทุกคนมองมาพร้อมกัน
ไป๋เจียวสีหน้าซีดขาว รู้สึกกระวนกระวาย
ควบคุมสติ ไป๋เจียวพยายามควบคุมตัวเอง พูดเสียงดัง “ฉันรู้ได้ยังไงไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเย่ซื่อกรุ๊ปกับเฟยเสว่กรุ๊ปใช้วิธีการไม่ซื่อในการแข่งขันกัน สู้รบกันไปมา”
พูดจบแล้ว ไป๋เจียวก็จ้องหลี่จู้ “ไอ้โง่ พูดอะไรบ้างซิ”
หลี่จู้ถูกตะโกนใส่ ก็ตกใจและพูดตาม “ใช่ใช่ใช่ ภรรยาผมพูดถูก”
ทางนี้พูดจบ เย่ฮวนก็พูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเย่ฮวนดีมาตลอด จะเปิดศึกกันได้ยังไง? ทุกคนน่าจะเข้าใจผิดแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ใช่ สองวันก่อนผมได้เหล้ามาสองขวด ยังอยากเอาไปให้เย่ฮวนขวดหนึ่ง”
“ถ้าอย่างนั้นต้องของคุณด้วย” เย่ฮวนยิ้ม
ไป๋เจียวดูทั้งสอง รู้สึกตะลึง
คนอื่นในงานก็รู้สึกตะลึง
ในเมืองเป่ยไห่ มีใครไม่รู้ว่าเย่ฮวนกับไป๋ยี่เฟยเป็นคู่ต่อสู้กัน ครั้งที่แล้วจากการเลือกประธานสหพันธ์ก็รู้แล้ว ว่าสองคนนี้ไม่ลงรอยกัน
ตอนนี้ทั้งสองคนบอกกับทุกคนว่า พวกเขาเป็นเพื่อนกัน
ไป๋เจียวเห็นแล้วก็หัวเราะ “เล่นละครอีกแล้วใช่ไหม? เพราะไม่อยากเสียสิทธิ์การประมูลเท่านั้น ความจริงเป็นยังไง ทุกคนรู้ดี”
พูดจบแล้ว ไป๋เจียวก็จ้องหลี่จู้
หลี่จู้เห็นแล้วก็พูดตาม “ใช่ ก็แค่เล่นละคร ทุกคนดูก็รู้”
สองครั้งนี้ก็รู้ได้ว่าหลี่จู้เป็นคนหูเบา
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็รู้สึกตกใจ “ที่แท้ทุกคนรู้แล้วเหรอ? ก็แค่โรงงานหลายแห่งของผมต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์เก่า ต้องการรื้อออกเลยให้เย่ฮวนช่วย”
เย่ฮวนหัวเราะพยักหน้า “พอดี ผมก็มีโรงงานเก่าหลายแห่งไม่ได้ซ่อมบำรุง ต้องการรื้อออก ก็เลยให้ไป๋ยี่เฟยช่วย”
คำพูดแบบนี้ความจริงแล้วทุกคนต่างแยกแยะออกได้ คำพูดลวกๆ ไม่น่าเชื่อ
แต่วินาทีต่อมา ไป๋ยี่เฟยก็พูดอีกว่า “ดูท่าทางพวกคุณเหมือนไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้นพวกคุณไปสืบละกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน หรือหน้าร้าน ล้วนเป็นอาคารโรงงานเก่าแก่ขาดการบำรุง อุปกรณ์ก็ใช้มานาน ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว”
“ใช่ โรงงานในนามของผมที่ถูกรื้อออก ทุกคนไปสืบได้ อุปกรณ์เก่าพวกนี้บันทึกลงในหนังสือสหพันธ์ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว” เย่ฮวนยิ้ม
ได้ยินคำพูดแล้ว ทุกคนต่างก็นึกขึ้นมาได้
ไม่นานก็มีคนเริ่มพูดกัน
“ดูเหมือนใช่นะ โรงงานพวกนั้นเป็นโรงงานเก่าแล้ว บางที่ก็เป็นอันตราย ต้องรื้อออกแล้ว”
“อา ถ้าพูดแบบนี้แล้วก็คือว่าเป็นการช่วยเหลือกัน”
“อย่างนี้ก็ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวแล้ว”
เฝิงเซียนเซียนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ตะลึงตาค้าง เธอมองเย่ฮวนด้วยอาการตกใจ จากนั้นก็มองไป๋ยี่เฟย สีหน้ามึนงง ความสัมพันธ์ของเย่ฮวนกับไป๋ยี่เฟยดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
ก่อนหน้านี้ไป๋ยี่เฟยทำร้ายร่างกายพ่อเขา ยังรังแกเย่ฮวน ยังฆ่าเธออีก นี่……
ทำไมถึงได้ความสัมพันธ์ดี
เธอคิดไปสักครู่ หรือว่าเพราะไม่อยากเสียสิทธิ์การประมูล เย่ฮวนกับไป๋ยี่เฟยแสดงละคร?
จนถึงตอนนี้ ไป๋เจียวยังคงคิดแบบนี้
ดังนั้นไป๋เจียวหัวเราะพูดว่า “คำพูดพวกนี้ก็เป็นคำพูดของพวกคุณฝ่ายเดียว แก้ตัวเท่านั้น แต่พวกคุณต่อสู้ฆ่าฟันกันที่ทางด่วนเทียนเป่ยกันอย่างดุเดือด อีกอย่าง ไป๋ยี่เฟยถูกยิ่งด้วย นี่ยังเป็นเรื่องปลอมอีกเหรอ?”
คำพูดนี้ออกไป ทุกคนก็คิดขึ้นได้อีก
เป็นแบบนี้จริง ตอนนั้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายกระจายไปทั่วเทียนเป่ย คนในเทียนเป่ยรู้เรื่องนี้ทุกคน แล้วเรื่องนี้จะอธิบายว่ายังไง?
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็พูดเสียงเรียบ “นั่นไม่ใช่การต่อสู้ เป็นแค่กิจกรรม”
เย่ฮวนพยักหน้า “ตามนั้น”
ไป๋ยี่เฟยพูดอีก “ถ้าเป็นเหตุการณ์ฆ่าฟันกันจริง ทำไมไม่มีคนตาย?”
ไป๋เจียวได้ยินแล้วก็ตะโกน “แก้ตัวอีก ไป๋ยี่เฟยฆ่าน้องสาวของเย่ฮวน เย่ฮวนจะนิ่งดูดายได้ยังไง? ฉันไม่เชื่อ”
เวลานี้ ไป๋ยี่เฟยพูดกับคนกลุ่มที่เขาพามา “ออกมาได้”
จากนั้นผู้หญิงสวมใส่เสื้อสูทหลวมและใส่แว่นคนหนึ่ง ก็เดินออกมาจากกลุ่มคน
ผู้หญิงถอดแว่นออก เป็นหน้าที่ทุกคนรู้จัก เธอทักทายกับทุกคน “สวัสดีตอนเช้าทุกคน”
เธอไม่ใช่คนอื่น เธอคือเย่อ้าย
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วก็รีบพูด “ไป๋เจียว เธอดูให้ชัด คนที่อยู่ตรงหน้า ชื่อเย่อ้าย คือน้องสาวของเย่ฮวน และเป็นเพื่อนผม”
ไป๋เจียวอึ้งไปทันที
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ทำไมเธอยังไม่ตาย?”