ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 665
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 665 พี่น้อง
อยู่ภายใต้การจ้องมองที่หวาดผวาของหลี่จู้ ฉีฉียกกำปั้นน้อยของเธอขึ้นมา สีหน้าโหดเหี้ยม ชกลงไปหนึ่งที ชกอยู่บนท้องของหลี่จู้
หลี่จู้เบิกตาโพลงในฉับพลัน เสียงร้องทรมานเพียงแค่หนึ่งที ก็หยุดทันที ดูเหมือนฉีฉีต่อหมัดนี้ เต็มเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชาตินี้
หมัดนี้ของฉีฉี แฝงไว้ด้วยพลังที่ยากจะจินตนาการได้ หลังจากทุบตีเสร็จ ดูเหมือนยังรู้สึกถึงว่ามีพลังทะลวงเข้าไปในร่างกายอีก
หลี่จู้อ้าปากอย่างตื่นตะลึง “วิชาเสริมพลังอ้านจิ้ง…..”
ฉีฉีปล่อยมือ หลี่จู้ก็เลยล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ก้นของเขาเพิ่งนั่งลงอยู่กับพื้นท่อนบนยังไม่ได้ล้มลงไป ฉีฉีก็เลยยกขาขึ้นเตะเข้าไปหนึ่งที
“ปั้ง!”
“คว้าก!”
เตะของฉีฉีเตะอยู่บนศีรษะของหลี่จู้
เสียงที่ชัดเจนสามารถรู้ว่า หัวกะโหลกของหลี่จู้แตกแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ศีรษะของหลี่จู้ ดูเหมือนดั่งไม่มีคอ หย่อนลงไปโดยตรง
ตายแล้ว
หลี่จู้ถูกฉีฉีเตะหนึ่งทีตายแล้ว
……
ฉีฉียืนอยู่กับที่ ตบอย่างรุนแรง เหงื่อเม็ดหนึ่งไหลลงจากแก้มขอเธอไปยังคาง สุดท้ายตกอยู่บนพื้นดิน
รอตนเองสงบลงมา ฉีฉีหันไปมองตัวสวีลั่งที่นอนอยู่กับพื้น
ขอบตาฉีฉีแดง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าพี่ชายของตนเอง ล้วนอยู่ข้างกายของตนเองตลอดเวลา
คำพูดที่สวีลั่งพูดเมื่อกี้เธอได้ยินแล้ว ดังนั้น เธอจึงรู้ว่าสวีลั่งก็คือพี่ชายของเธอ
ต่อเรื่องนี้เธอไม่สงสัยสักนิด ถึงยังไงก็เกี่ยวข้องกับชีวิต ไม่มีใครจะใช้ชีวิตไปปกป้องคนคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
ยิ่งกว่านั้นอีก อยู่ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่รู้ ฉีฉีกับสวีลั่ง พูดได้ว่านับได้ว่าเป็นศัตรูต่อกัน ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตไปปกป้องแล้ว
ฉีฉีสั่นระริกเดินเข้าไปทีละก้าวๆ
รอเดินถึงข้างกายสวีลั่งค่อยๆคุกเข่าอยู่ข้างๆ ยื่นมือทั้งคู่ของตนเองออกไปอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ลองไปแตะร่างกายของสวีลั่งแตะแล้วแตะอีก จากนั้นก็หดกลับอย่างกะทันหันอีก ดูเหมือนกลัวทำให้เขาเจ็บ
ขอบตาฉีฉีแดง เรียกเสียงเบาๆว่า “พี่……”
สวีลั่งในตอนนี้ไม่ได้สลบไปเลย แต่ว่าคือลืมตาไม่ขึ้น ก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกันเขาเพียงขยับมือของตนเองขยับแล้วขยับอีก คลำหาอย่างลำบากอยู่ อยากจะไปหาฉีฉี
ฉีฉีเห็นแบบนี้ยื่นมือทั้งคู่ออกไปจับมือของสวีลั่งไว้ทันที สะอึกสะอื้นพูดว่า “พี่ ฉันอยู่ที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่”
ตอนที่สวีลั่งถูกมือน้อยคู่หนึ่งจับไว้ ยิ้มแล้ว
เมื่อเฉินอ้าวเจียวคนเหล่านั้นตามขึ้นมา ล้วนนิ่งอึ้งไปเลย
ทุกคนยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองพี่น้องคู่นี้อย่างเงียบๆ
อาจจะเพราะรู้ว่า ปลอดภัยโดยสิ้นเชิงแล้ว สวีลั่งวางใจแล้ว มือที่จับไว้ อยู่ดีๆหมดแรงไปเลย เลื่อนตกอยู่กับพื้น
“พี่!”
ฉีฉีร้องตะโกนเสียงหนึ่ง นัยน์ตาเต็มเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
เฉินอ้าวเจียวเห็นสภาพกลั้นหายใจไว้ทันที ดูเหมือนบางทีติดอยู่บนลำคอ
อาจจะก่อนหน้านั้นฉีฉีกับสวีลั่งไม่มีการสื่อสารมากเท่าไหร่ แต่ว่าเฉินอ้าวเจียวมี
แท้ที่จริงเฉินอ้าวเจียวก็ไม่มีเพื่อนมากเท่าไหร่เช่นกัน แต่ว่าหลังจากรู้จักสวีลั่งกับไป๋หู่แล้ว พวกเขาทั้งสามมักจะซุกหัวอยู่ด้วยกัน ผูกพยาบาทซึ้งกันกับฝั่งตรงข้าม
แต่ว่าสภาพการณ์ส่วนมากล้วนเป็นไป๋หู่กับเฉินอ้าวเจียวหยอกล้อกับสวีลั่งด้วยกัน เพราะว่าสวีลั่งอยู่ด้านชายหญิงง่ายที่จะหน้าแดงเป็นพิเศษ ดูแล้วสนุกมาก
ฉีฉีร้องอีกครั้งอีกครั้งหนึ่ง “พี่!”
เฉินอ้าวเจียวคืนสติฉับพลันในทันที เรียกคนเข้ามาทันที “เร็ว! รีบเรียกรถพยาบาล!”
……
โรงพยาบาลโว่หลงนอกห้องผ่าตัด
มีคนมากมายล้วนรออยู่นอกห้องผ่าตัด
ไป๋ยี่เฟยก้มหัวอยู่ เงียบสนิทไม่พูด ผ่านไปไม่นานก็เงยหน้าไปจ้องมองฉีฉี
ฉีฉีนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวคนเดียว ก้มหัวไม่พูด สีหน้าเงียบเหงา ทั้งตัวล้วนกระจายกลิ่นอายที่ทั้งซึมเศร้าและทรมานใจอย่างหนึ่งอยู่
หยางเฉียวกับหยางหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกข้างหนึ่ง ความกังวลกับความร้อนใจเต็มใบหน้า
เฉินอ้าวเจียวเดินไปข้างหน้าไป๋ยี่เฟย พูดเบาๆว่า “จิงหลัวหนีไปได้ หลี่จู้ตายแล้ว ผมให้คนไปจัดการศพแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน ไม่พูด
แท้ที่จริงในตอนนี้เขามีความเสียใจภายหลังเล็กน้อย ถ้าหากว่าเขาพูดกับฉีฉีเร็วหน่อย งั้นฉีฉีย่อมจะไปเยี่ยมสวีลั่งที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตามเขาไปที่อาคารซางเม่าด้วย
เป็นเช่นนี้ล่ะก็ เธอก็จะไม่ถูกหลี่จู้จับตัวไว้ สวีลั่งก็จะไม่ตามไปด้วย ยิ่งจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้
ในเวลานี้เฉินห้าวก็เข้ามาเช่นกัน พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “เย่ฮวนกับสวี่ชางคนเหล่านั้นล้วนเข้าพักในโรงพยาบาล หลังจากไป๋เจียวตื่นแล้วก็พาคนของตนเองกลับโรงแรมแล้ว เห็นลักษณะนี้คือจะออกจากเมืองเทียนเป่ย”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าเหมือนเดิม ไม่พูด
คนทั้งหลายเห็นสภาพก็ล้วนไม่พูดแล้วเช่นกัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไฟของห้องผ่าตัดดับแล้วประตูเปิดแล้ว
ฉีฉีลุกขึ้นมาทันที จากนั้นพุ่งเข้าไป ไป๋ยี่เฟยและคนอื่นก็ล้อมรอบตามเข้าไปเช่นกัน
หนิววั่งออกมาก่อน ถอดผ้าปิดปากของตนเองออก ถอนหายใจอย่างรุนแรงก่อนหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยตื่นเต้นถามในทันทีว่า “เป็นยังไงแล้วล่ะ?”
หนิววั่งตอบกลับอย่างเบาๆว่า “ไม่มีอันตรายต่อชีวิตเป็นเวลาชั่วคราว แต่ว่า……”
“แต่ว่าอะไรหรือ?” ฉีฉีถามอย่างร้อนใจ
หนิววั่งขมวดคิ้วอยู่ จ้องมองฉีฉีหนึ่งที ก็ไปจ้องมองไป๋ยี่เฟยอีก สุดท้ายจึงทอดถอนใจพูดว่า “อาจจะไม่รู้สึกตัวเป็นเวลาชั่วคราว”
ฉีฉียิ่งร้อนใจในทันทีแล้ว “ไม่รู้สึกตัวหรือ? ทำไมไม่รู้สึกตัวล่ะ? งั้นจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่ล่ะ?”
หนิววั่งเห็นสภาพจ้องมองไปยังไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าพูดว่า “คนกันเอง”
ฉีฉีได้ยินคำพูดนี้ ทันทีนั้นหันหน้าไปจ้องเขม็งไป๋ยี่เฟย นัยน์ตาเหมือนดั่งแต่ก่อน เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นกับโกรธเคือง
หนิววั่งเห็นแบบนี้ก็เลยพูดว่า “นี่จะต้องดูอาการ ส่วนใหญ่เขาเป็นที่บาดแผลภายนอก แต่สมองถูกกระทบกระเทือนเล็กน้อย ไม่ได้ร้ายแรงมาก จะไม่กลายเป็นเจ้าชายนิทราล่ะ”
พูดจบ คนทั้งหลายล้วนโล่งอกหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยก็ถือว่าวางใจแล้วเช่นกัน เขายากที่จะจินตนาการจริงๆ ถ้าหากว่าสวีลั่งกลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้ว เขาจะเป็นเช่นไรหรือ? ย่อมจะตำหนิตนเองมากรู้สึกผิดมากแน่นอน
สวีลั่งถูกย้ายไปห้องผู้ป่วยที่โออ่าหรูหรา ทุกคนล้วนเดินตามเข้าไป
หนิววั่งเห็นสภาพส่งสายตาให้กับไป๋ยี่เฟยหนึ่งที ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน จากนั้นพูดกับเฉินห้าวว่า “คนที่จะมาเยี่ยมสวีลั่งแบ่งชุดมาเยี่ยมอย่าเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน”
หนิววั่งพยักหน้าต่อๆกัน “ตอนนี้เขาต้องการพักผ่อนร่างกายอย่างสงบ”
เห็นสภาพ ทุกคนล้วนถอยออกไปเลย
หยางเฉียวในเวลานี้ให้หยางหลินไปรับหลี่โย่วเซิงที่โรงเรียน ด้วยเหตุนี้ในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงแค่ไป๋ยี่เฟย หยางเฉียว ฉีฉี
หยางเฉียวนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้ผ้าเช็ดหน้าให้กับสวีลั่งอย่างอ่อนโยน แต่ว่ามักจะจ้องมองฉีฉีหนึ่งทีเสมอ
ฉีฉีก็นั่งอยู่ข้างเตียงเหมือนกัน แต่ว่าเป็นอีกข้างหนึ่ง เธอก็มึนๆขนาดนี้จ้องมองสวีลั่ง
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้นั่งลง แต่ยืนอยู่ปลายเตียง ตำหนิตนเองรู้สึกผิดพูดว่า “ขอโทษ!”
เสียงขอโทษคำนี้ ดูเหมือนพูดกับสวีลั่ง ก็ดูเหมือนพูดกับหยางเฉียว หรืออาจจะพูดกับฉีฉี ยิ่งมากกว่านี้ คือพูดกับพวกเขาทั้งสาม
หยางเฉียวกลับส่ายหัวเบาๆพูดว่า “พี่ชายใหญ่ไป๋พูดหนักไปแล้ว”
ฉีฉีตาเย็นชาจ้องมองไป๋ยี่เฟย “ถ้าหากว่าพี่ชายฉันมีอันเป็นไป ฉันย่อมฆ่าคุณอย่างแน่นอน!”
หยางเฉียวดูเหมือนไม่โทษไป๋ยี่เฟย แต่กลับมีการกล่าวโทษอยู่ในน้ำเสียงของเธอ เพียงแค่เห็นไม่ชัดเท่านั้น
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็ยังฟังออกได้ ด้วยเหตุนี้ในใจยิ่งรู้สึกผิดกับตำหนิตนเอง
“พี่สะใภ้วางใจ ผมเคยบอกกับเขามานานแล้ว รอเขาหายแล้ว ผมจะยกซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งให้กับพวกคุณ ให้พวกคุณใช้ชีวิตอย่างสงบสุข จะไม่ให้เขาติดตามผมอีกแล้ว”
หยางเฉียวได้ยินคำพูดก้มหัวไม่พูด
ในเวลานี้มือถือของไป๋ยี่เฟยดังขึ้นแล้วเป็นจางหัวปิน หลังจากจ้องมองหนึ่งทีไป๋ยี่เฟยพูด “ขอโทษ” เสียงหนึ่งกับหยางเฉียวและฉีฉี
จากนั้นหยิบมือถือออกจากห้องผู้ป่วยเลย