ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 672
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่672 ผลักออกไปเลย
บนร่างกายของหญิงสาวมีแค่เสื้อซับ จะว่าไปอะไรที่ควรปิดมันก็ยังปิดอยู่ แต่พอเป็นแบบนี้ มันก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปต่างๆ นานา
แต่ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้กลับไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น ตอนนี้เขาแค่อยากให้ถอยออกห่างจากเธอเท่านั้น แต่เขากลับไม่ได้สังเกตเห็นโซฟาที่อยู่ด้านหลังจากนั้นก็ล้มลงบนโซฟา
เนื่องจากหญิงสาวยังอยู่บนตัวเขา พอไป๋ยี่เฟยล้มลง หญิงสาวก็ล้มทับตัวเขาไปเหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยตกใจขึ้นมาทันที “นี่!”
ไป๋ยี่เฟยอยากผลักเธอออก แต่หญิงสาวกลับยื่นปากมาด้วยความใจกล้า ไป๋ยี่เฟยตกใจมากจนผลักหญิงสาวออกไป
หญิงสาวล้มลงไปนั่งกับพื้นทันที
ไป๋ยี่เฟยสูดหายใจเฮือกใหญ่ “เชี่ย คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
เนื่องจากเขาเป็นคนผลักเธอลงพื้น เขาจึงอยากดึงเธอขึ้นมา
และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงโครกครากดังขึ้น จากนั้นร่างกายของหญิงสวยก็สั่นเทา
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว อยากจะหลบออก
แต่ด้วยความที่อยู่บนโซฟา บวกกับหญิงสาวอยู่ตรงหน้า เขาจึงทันแค่ลุกขึ้นมาเท่านั้น จากนั้น
“แหวะ” ดังขึ้น
หญิงสาวอ้วกใส่ขาของเขา
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปแปบหนึ่งจากนั้นก็ผลักเธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป เปิดฝักบัวออก ฉีดน้ำไปที่ขาของตัวเอง
ฉีดอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็ล้างสิ่งสกปรกกับกลิ่นของมันออกไปจนหมดไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่ายังไม่พอ เขาเอาครีมอาบน้ำที่ทางโรงแรมแถมให้ราดใส่ขาของตัวเอง
พอล้างเสร็จ ไม่มีกลิ่นเหม็นหลงเหลือแล้ว เพิ่มเติมคือมันหอมด้วย
แต่พอเขาเดินออกจากห้องน้ำ เขาก็ได้กลิ่นนั้นอีกครั้ง
ไป๋ยี่เฟยโกรธจนอยากจะโยนหญิงสาวลงไปข้างล่าง
แม่งเอ๊ย! นี่เธอถูกส่งมาให้ฆ่าเขารึไง?
ไป๋ยี่เฟยจ้องเธออยู่นาน ด้วยความจนใจ เขาจำเป็นต้องจัดการสิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อย ถ้ายังปล่อยให้กลิ่นนี้คงอยู่ต่อไปมันจะน่าขยะแขยงเกินไป
ว่าแล้วเขาก็ลากหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำ เอาฝักบัวจ่อไปที่เธอ แล้วเริ่มฉีดน้ำอย่างบ้าคลั่ง
พอฉีดไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็สะอาดสักที
พอเห็นหน้าชัดๆ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าทำไมเธอถึงดูหน้าคุ้นๆ นะ?
ไป๋ยี่เฟยคิดแล้วคิดอีก เหมือนเคยเห็นเจอเธอที่ไหนมาก่อนนะ
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ต้องตกใจ
นี่มันดาราไม่ใช่เหรอ?
เหมือนเธอจะชื่อฟางหยันนะ แถมยังเคยเล่นหนังที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่งด้วย
หลังจากที่ราดน้ำไปทั้งตัว ไป๋ยี่เฟยก็เอาผ้าขนหนูเช็ดตัวให้เธอลวกๆ จากนั้นก็เอาเธอไปโยนไว้ที่เตียงอีกเตียง
เพื่อไม่ความปลอดภัย และไม่ให้ผิดสังเกต ไป๋ยี่เฟยจึงเลือกห้องที่เป็นเตียงคู่
ตอนนี้หลงหลิงหลิงเตียงหนึ่ง ฟางหยันเตียงหนึ่งพอดีแปะ
แล้วเขาล่ะ? เขาจะนอนไหน?
ด้วยความจนใจ ไป๋ยี่เฟยจึงเลือกที่จะเช็ดฝ่าเท้าของไป๋ยี่เฟยก่อน พอเสร็จแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็เอามือมาแตะหน้าผากของหลงหลิงหลิงอีกครั้ง
ดูท่ามันพอจะได้ผลอยู่นะ เหมือนเหงื่อกำลังจะออกเลย ว่าแล้วไป๋ยี่เฟยก็เช็ดให้เธออีกรอบ
พอเช็ดไปอีกรอบ เหงื่อของหลงหลิงหลิงก็ออกแล้ว
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็โล่งอกไปที แล้วห่มผ้าห่มให้เธอ
“แกร็ก!”
จู่ๆ ประตูก็เปิดออก
ไป๋ยี่เฟยหันไปมอง แล้วเขาก็เห็นตำรวจสิบกว่าคนบุกเข้ามาในห้อง
“อย่าขยับ นี่ตำรวจ!”
ไม่นาน ตำรวจสิบกว่าคนก็ล้อมไป๋ยี่เฟยเอาไว้
ไป๋ยี่เฟยกำลังยืนอยู่ข้างเตียงไป๋ยี่เฟย
ทันใดนั้น พนักงานสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังตำรวจก็ชี้มาที่ไป๋ยี่เฟยแล้วพูดออกมาด้วยหน้าตาที่บึ้งตึงว่า “เขานั่นแหละ คุณตำรวจ”
พอไป๋ยี่เฟยเห็นเธอ เขาก็เข้าใจทันที “เชี่ยเอ๊ย! นี่คิดว่าผมเป็นโรคจิตจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย?”
ตำรวจคนหนึ่งพอเห็นหน้าไป๋ยี่เฟยเข้า เขาก็ทำหน้าเคร่งขรึม แล้วตะโกนออกมาว่า “จับมันไว้ แล้วพาตัวไป!”
“เดี๋ยวครับ!” ไป๋ยี่เฟยรีบยกมือขึ้น
ตำรวจถามกลับมาว่า “คิดจะทำอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยจำต้องอธิบายไปด้วยความจนใจ “เธอคนนี้เป็นเพื่อนของผม ส่วนผู้หญิงคนนั้นเธอบุกเข้ามาในห้องผมเองแถมยังอ้วกใส่ผมอีก ผมไม่ใช่พวกโรคจิตจริงๆ นะครับ”
ตำรวจทำเสียงฮึดฮัด แล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “นายคิดว่าฉันจะเชื่อรึไง?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น นี่มันอธิบายไม่ได้แล้วจริงๆ
ทันใดนั้น ตำรวจก็ชะงักไป “นายบอกว่ามีอีกคนอย่างนั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟย “……”
……
กว่าหนิววั่งจะเดินทางจากเมืองเทียนเป่ยมาถึงอำเภอลี่ก็ดึกมากแล้ว จากนั้นก็เอาหนังสือรับรองการย้ายโรงพยาบาลของหลงหลิงหลิงไปยื่นที่ป้อมตำรวจในเมืองนั้น รวมทั้งหลักฐานที่ยืนยันว่าไป๋ยี่เฟยกับหลงหลิงหลิงนั้นเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
จากนั้นก็เห็นจากในกล้องวงจรปิดว่าฟางหยันนั้นเข้าผิดห้องจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ ไป๋ยี่เฟยถึงถูกปล่อยตัวออกมา
พอมาถึงที่รถ หนิววั่งก็ส่ายหน้า “ผมว่าผมจัดรถให้ส่งไปที่เมืองหลวงดีกว่า คุณดูสิ ว่ามันเป็นยังไงบ้าง”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างขมขื่น เขาจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เซ็งจริงๆ
จากนั่น จู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้ว แล้วถามหนิววั่งไปว่า “จริงด้วยพี่หนิว ผมจำได้ว่าในอำเภอลี่มีงานจัดแสดงไฟริมแม่น้ำด้วย มันค่อนข้างดีเลยนะ”
หนิววั่งพยักหน้า “ใช่”
พูดจบ หนิววั่งก็หันไปถามไป๋ยี่เฟยว่า “แล้วคุณพักอยู่โรงไหนครับ?”
แต่ไป๋ยี่เฟยเอาแต่ยิ้ม แล้วตอบไปว่า “ในเมื่อมาถึงอำเภอลี่แล้ว ก็ไม่ควรพลาดการจัดแสดงไฟนั้น เราไปดูกันก่อนเถอะครับ แล้วค่อยกลับโรงแรม”
เหมือนหนิววั่งจะไม่เห็นด้วย “ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะไปป้วนเปี้ยนที่ริมแม่น้ำอีก? ยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “การจัดแสดงไฟนั้นต้องดูกลางคืนสิถึงจะสวย ตอนกลางวันยังต้องเดินทางอีกไม่ใช่รึไงครับ?”
หนิววั่งเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่มองไปที่ริมแม่น้ำ
หลังมาถึงริมแม่น้ำ ก็เห็นไฟที่ถูกจัดแสดงไว้ตลอดทาง เห็นแล้วทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันเลย
แม่น้ำสายนี้นั้นไหลผ่านใจกลางของอำเภอลี่ ด้วยเหตุนี้ หลายๆ ครอบครัวจึงมีเรือเป็นของตัวเอง บ้านเรือนมากมายก็สร้างติดแม่น้ำเหมือนกัน
ยามค่ำคืน ไฟที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดก็สว่างขึ้น สะท้อนลงไปยังน้ำที่อยู่ในแม่น้ำมันช่างงดงามเหลือเกิน
ภาพแบบนี้มันหาดูไม่ได้ง่ายๆ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกชื่นชอบมาก ภาพความสุขมากมายได้แล่นเข้ามาในหัวของไป๋ยี่เฟย
ทั้งสองลงจากรถแล้วยืนอยู่ที่ริมแม่น้ำ
หนิววั่งยืนอยู่ข้างเขา หยิบบุหรี่ออกมาสองมวน แล้วยื่นให้ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยหลุดออกจากภาพความสุขเหล่านั้น รับบุหรี่มา จุดไฟ แล้วดูดไปทีหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถไขว่คว้าสิ่งสวยงามไว้ได้อยู่ดี ตอนนี้เขากำลังรู้สึกวุ่นวายใจมาก
หลังจากพ้นควันออกมา ไป๋ยี่เฟยก็มองไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลๆ แล้วค่อยๆ พูดออกมาว่า “พี่หนิว ในกลุ่มของพวกเรานั้นเราถือว่ารู้จักกันมานานทุกสุดแล้ว ผมนับถือคุณไปพี่ชายมาโดยตลอด”
พอหนิววั่งได้ยินอย่างนั้น เขาก็ชะงักไป ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ใช่นะสิ ผมเองก็มองคุณเป็นน้องชายคนหนึ่งเหมือนกันและเห็นคุณค่อยๆ เติบโตขึ้นทีละก้าว”
หลังจากได้ยินอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง แล้วหันไปพวกด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “แต่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนๆ นั้นจะเป็นคุณ”
รูม่านตาของหนิววั่งหดเล็กลง เขาเกร็งไปทั้งตัว จากนั้นก็มองมาที่ไป๋ยี่เฟย
แสงไฟริมแม่น้ำกำลังส่องแสง ต่อให้มันสวยงามแค่ไหน ไป๋ยี่เฟยก็ไม่สามารถจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงามได้ แต่เขากลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในใจ
หนิววั่งเองก็ดูดบุหรี่ไปทีหนึ่ง แล้วพ้นควันออกมา จากนั้นก็ค่อยๆ พูดออกมาว่า “ผมไม่สูบบุหรี่”
ไป๋ยี่เฟยไม่พูดอะไร
ครั้งนี้เรื่องที่เขาพาหลงหลิงหลิงมาเมืองหลวงนั้นมีคนรู้ไม่มาก นอกจากพวกเขาสามคน อีกคนที่รู้ก็คือหนิววั่ง
อาการป่วยของหลงหลิงหลิงนั้นไม่ได้แกล้ง ส่วนซาเฟยหยางนั้น ถ้าเขาคิดไม่ซื่อกับไป๋ยี่เฟยจริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว
ดังนั้นคนเดียวที่เป็นไปได้ก็เหลือแค่หนิววั่ง
และไป๋ยี่เฟยยังสงสัยว่าอาการป่วยของหลงหลิงหลิงนั้น เป็นแค่อาการป่วยทั่วไป เป็นผลจากการติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องไปถึงเมืองหลวงก็ได้