ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 682
บทที่ 682 เฝ้าระวัง
“ไหนลูกมาให้พ่อดูหน่อย”ซุนหมิงเจี้ยนจูงซุนเหาออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง“ให้พ่อดูหน่อยว่าโดนตรงไหน”
“ตรงท้อง……แล้วก็หน้า”ซุนเหาพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ
ซุนหมิงเจี้ยนสีหน้านิ่งขรึมลงทันที“มันกล้ามาตบหน้าลูกขนาดนี้ มันเป็นใครกันแน่?”
“มันชื่อ ไป๋ยี่เฟย เป็นนักธุรกิจ แล้วก็เป็นสามีของหลี่เสว่ด้วย”ซุนเหาพูดขึ้น
ซุนหมิงเจี้ยนรีบพูดตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห“ไอ้ชาติหมา กล้ามาตบ……”
พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆซุนหมิงเจี้ยนก็อึ้งไป จากนั้นก็ตอบสนองกลับมา พร้อมกับถามซุนเหา“ลูกพูดอีกรอบซิว่าใครนะ?”
“ไป๋ยี่เฟย สามีของหลี่เสว่”ซุนเหาพูดขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าของซุนหมิงเจี้ยนเปลี่ยนไปทันที จ้องมองเขาพร้อมกับกัดฟันกรอดๆ“ลูกยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ดันไปยุ่งกับไอ้บ้านั่น”
ซุนเหาไม่รู้ แต่เขารู้ แถมหลี่เสว่กลายเป็นรองประธานของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงได้ยังไง?
ไป๋ยี่เฟยนี่เป็นคนที่สวี่เต้าจ่างอยากจะฆ่าให้ตาย แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่ตาย
ส่วนสถานภาพของไป๋ยี่เฟยไม่ต้องพูดถึงแล้ว ทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลไป๋ เป็นคนที่เทียบเท่าระดับเดียวกันกับประธานของสหพันธ์ธุรกิจ
ซุนเหายังไม่รู้ พอได้ฟังแบบนี้ก็พยักหน้า“ใช่ มันก็บอกแบบนี้”
พอพูดจบก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาอีกหนึ่งรอบ“พ่อ พ่อจะดูลูกชายของพ่อโดนตบฟรีๆแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ซุนหมิงเจี้ยนได้ฟังแบบนั้นก็ครุ่นคิด สุดท้ายก็กัดฟันพูดขึ้น“หมอนี่จะไปยุแหย่ด้วยไม่ได้เด็ดขาด แต่ในเมื่อมันกล้ามายุแหย่พวกเรา พวกเราก็จะไม่ยอมทนอยู่ฝ่ายเดียว ลูกวางใจเถอะ พ่อจะทำให้มันคุกเข่าขอโทษต่อหน้าลูกเอง”
ซุนเหารีบลุกขึ้นมาด้วยความดีอกดีใจ พอพ่อของตัวเองจัดการกับไป๋ยี่เฟยเรียบร้อยแล้ว หลี่เสว่ก็จะกลายเป็นของตนเองแล้วไม่ใช่เหรอ?
ในเวลานี้เอง บอดี้การ์ดที่ออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมา
“ตรวจสอบเจอแล้วค่ะ อยู่ที่โรงพยาบาลเฟิร์สจินเฉิง แต่ว่า ไป๋หยุนเผิงและฉินซานที่โด่งดังอยู่ในช่วงนี้ก็อยู่ตรงทางเข้าด้วยเช่นกัน เหมือนกับว่ากำลังยืนเฝ้าระวังให้กับเขาอยู่”
“คนที่อยู่ที่นั่นยังมี ลูกชายของท่านรองของตระกูลหลิน หลินขวางอยู่ด้วยค่ะ”
“ไม่ใช่แค่นี้ คนที่ไปตรวจสอบก่อนหน้านี้พบว่า แถวๆโรงพยาบาลมีพลังงานลับบางอย่างที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุแอบแฝงอยู่ด้วย”
พอได้ฟังแบบนี้แล้ว ซุนหมิงเจี้ยนสีหน้าก็จริงจังขึ้นเยอะ สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมา“ลูก เรื่องนี้พวกเราต้องค่อยๆทำ ตอนนี้คนของมันค่อนข้างเยอะ ลงมือไม่ได้ง่ายๆ!”
……
ในที่สุดงานวันเกิดในโรงพยาบาลก็สิ้นสุดลง ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่พาหลงหลิงหลิงไปส่งที่ห้องผู้ป่วย
เนื่องจากเรื่องนี้ ทำให้หลงหลิงหลิงเป็นไข้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอมีความสุขมาก นี่เป็นวันเกิดที่เธอจะจดจำตลอดไป
หลังจากที่กลับมายังห้องผู้ป่วย ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ก็ให้เธอพักผ่อน แต่ในใจของเธอกลับยังคนตื่นเต้นอยู่ ยังไม่ได้กลับมาสงบนิ่งมากเท่าไร
“ท่านประธาน ไม่สิ พี่ชาย จากนี้ไปคุณก็คือพี่ของฉันแล้ว ส่วนเสว่เอ๋อก็เป็นพี่สะใภ้ของฉัน”หลงหลิงหลิงมองพวกเขาด้วยความตื่นเต้น พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“วันนี้ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ต่างก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็พูดขึ้น“พักฟื้นตัวเร็วๆล่ะ พอหายแล้วพวกเราก็จะได้กลับบ้านด้วยกัน”
หลงหลิงหลิงพยักหน้าอย่างแรง“อื้อ”
……
หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆแห่งหนึ่ง
พอมาถึงห้อง ไป๋ยี่เฟยก็กอดหลี่เสว่เอาไว้อย่างอดไม่ได้
แต่หลี่เสว่กลับผลักเขาออกไป สีหน้าขุ่นเคืองใจ“งานวันเกิดแบบนี้ฉันเองก็อยากได้”
ไป๋ยี่เฟย“……”
“วันเกิดของคุณก็ใกล้จะถึงแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนั้นจะเซอร์ไพรส์คุณแน่นอน”ไป๋ยี่เฟยพูดยิ้มๆ
หลี่เสว่ถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งขรึม“มีดอกไม้ไฟแบบนี้ด้วยไหม? แบบนี้มันก็ไม่เซอร์ไพรส์แล้วสิ”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งตะลึงไป กำลังจะพูดอะไร แต่หลี่เสว่พูดขึ้นก่อน“คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับหลงหลิงหลิง? ถึงลงทุนทุ่มเทเตรียมงานวันเกิดให้เธอขนาดนี้”
พอได้ยินแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ตอบสนองกลับมาทันที หลี่เสว่หึงแล้ว
ก็จริง การฉลองวันเกิดแบบนี้มันยิ่งใหญ่ แล้วก็พิเศษมากๆ จ่ายเงินไปมากมายจุดดอกไม้ไฟไปตั้งครึ่งเมืองขนาดนี้เพื่อเพื่อนธรรมดาๆคนหนึ่งเนี่ยนะ บอกใครจะเชื่อ?
ยิ่งไปกว่านั้นครึ่งหนึ่งคือหลี่เสว่ ครึ่งหนึ่งคือหลงหลิงหลิง ดูยังไงก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่ออยู่ดี
ไป๋ยี่เฟยทำได้แค่บอกสิ่งที่หลงหลิงหลิงพูดไว้ระหว่างทางที่มาเมืองหลวงให้กับหลี่เสว่ฟัง
แถม ไป๋ยี่เฟยก็ไปหาหลี่เสว่ ใช้การกระทำแสดงให้เห็นว่าเขากับหลงหลิงหลิงเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็อยากให้หลงหลิงหลิงรู้ว่า พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนของเธอ
จริงๆแล้วไป๋ยี่เฟยสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่หลงหลิงหลิงมีต่อตนเอง งานในครั้งนี้นอกจากจะทำให้เธอรู้สึกว่าเพื่อนแบบพวกเขาจัดงานฉลองวันเกิดให้กับเธอแล้วนั้น ก็อยากจะทำให้เธอตัดความรู้สึกแบบนั้นออกไปด้วยเช่น
ไป๋ยี่เฟยพูดอธิบายเรื่องเรื่องนี้อย่างจริงจังสุดๆ จู่ๆหลี่เสว่กลับยิ้มออกมา
จากนั้นหลี่เสว่ก็เข้าไปกอดไป๋ยี่เฟย พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ“โง่จริงๆ!”
ไป๋ยี่เฟยตอบสนองกลับมา จากนั้นก็อุ้มหลี่เสว่ขึ้น โยนลงบนเตียง……
……
พวกเขาพักอยู่ที่เมืองหลวงทั้งหมดห้าวัน ห้าวันนี้ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข
มีอยู่แค่เรื่องเดียว นั่นก็คือป้ารองของหลิวเสี่ยวอิงมาให้ยากับหลี่เสว่ แล้วก็จากไป
อาการป่วยของหลงหลิงหลิงหายดีในวันที่สี่ หลังจากออกจากโรงพยาบาลพวกเขาก็กลับไปที่เมืองเทียนเป่ยด้วยกัน
เพราะว่าตอนที่มาพวกเขาเจอกับคนที่เข้ามาขวางกั้นมากมาย ดังนั้นตอนกลับ หลินขวางจึงขับรถไปส่งด้วยตัวเอง
ทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลหลินกับตระกูลไป๋ล้วนแต่อยู่ในรถทั้งหมด ถ้าเต้าจ่างคิดจะแตะต้องไป๋ยี่เฟย ก็ต้องคิดให้ดีๆก่อน เพราะว่าผลที่ได้คือจะกลายเป็นว่าเขาไปก้าวก่ายถึงสองตระกูลในเวลาเดียวกันเลย
ตอนกลับ รถที่พวกเขาขับคือรถตู้ บนรถมีไป๋ยี่เฟย หลี่เสว่ หลงหลิงหลิง โจวฉวี่เอ๋อแล้วก็ซาเฟยหยาง
หลิวเสี่ยวอิงไม่ได้มาด้วยกันกับพวกเขา เธอบอกว่าต้องไปทำธุระที่เมืองหลวงต่ออีกนิดหน่อย
ระหว่างทาง ไป๋ยี่เฟยบอกความคิดของตัวเองกับหลินขวาง หลินขวางนอกจากจะรู้สึกเสียดายแล้ว ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างอื่นอีก
“พี่ไป๋ ถ้าคุณไม่สืบทอดตระกูลไป๋ มีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลไป๋อาจจะตกต่ำลงก็ได้นะ”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด พูดขึ้นอีก“ยังมีไป๋เซี่ยวอยู่”
หลินขวางส่ายหัวพูดขึ้น“คนของตระกูลไป๋ไม่มีทางให้ไป๋เซี่ยวมาสืบทอดแน่นอน ต่อให้เป็นไป๋เห้ามาสืบทอดต่อ ก็ไม่มีทางเหมือนกัน”
ไป๋เห้าเป็นน้องชายของไป๋เจียว เป็นลูกชายคนหลักของตระกูลไป๋ ก่อนหน้านี้จางหัวปินตรวจสอบมาแล้ว ว่าไป๋เห้าก็เป็นลูกคุณหนูเพลย์บอยคนหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ“ทำไม?”
หลินขวางถอนหายใจหนึ่งที ก่อนใช้เสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนกระซิบบอกกับไป๋ยี่เฟย“ไป๋เซี่ยวไม่ไหว”
ไป๋ยี่เฟย“……”
ไป๋ยี่เฟยตรวจสอบไป๋เซี่ยวมาแล้ว รู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ครึ่งตัวล่างพิการ ไม่สามารถมีลูกได้ แต่ถูกหลินขวางพูดขนาดนี้ ไม่รู้ว่าทำไม ถึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน
หลินขวางพูดขึ้นต่อ“คุณก็รู้ว่าตระกูลไป๋ความคิดโบราณ ให้ความสำคัญกับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ ตนเองจะต้องมีคนรุ่นหลังมารับช่วงต่อ จึงจะสามารถสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้”
“คุณคิดดูสิ จริงๆแล้วสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากจักรพรรดิของระบอบศักดินาในสมัยก่อนเลย ถ้าไม่ใช่ทายาทสืบทอดที่ถูกหลักทำนองคลองธรรมล่ะก็ แล้วจะให้คุณมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ยังไง?”
“ถ้าคุณไม่สามารถมีลูกได้ หลังจากที่สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว ยังจะสามารถรับประกันได้อีกไหมว่าจากนี้ตระกูลไป๋จะเป็นสกุลไป๋อยู่อีก?”
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังแบบนั้นก็พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“คนเฒ่าคนแก่พวกนี้คิดว่าตนเองเป็นข้าราชบริพารของจักรพรรดิจริงๆหรือไง? ถึงได้ยุ่งไปซะทุกเรื่องแบบนี้ หลังจากสิบกว่าปีไปแล้ว ใครจะมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อ มันเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วยเหรอ?”
หลินขวางก็พูดเสริมตามอย่างเยาะเย้ย“พวกเขานึกว่าตัวเองสามารถมาคิดพิจารณาแทนผู้นำตระกูลได้ จะได้มีชื่อเสียงเลื่องลือสืบนานแสนนานเหมือนกับพวกข้าราชบริพารในสมัยโบราณเหล่านั้น น่าขำสิ้นดี!”
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างไม่แยแส“เขาจะเป็นใคร ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันทั้งนั้น”
หลินขวางยิ้มๆ ไม่คิดจะพูดโน้มน้าวเขาอีก
ในเวลานี้เอง มือถือของหลินขวางก็ดังขึ้น เขาจึงรับสายจากหูฟังบลูทูธ“ฮาโหล?”
“ว่าไงนะ?”สีหน้าของหลินขวางเปลี่ยนไปทันที“ส่งมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย”
จากนั้น หลินขวางก็เหยียบเบรกจอดรถไว้ข้างทาง
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว จึงถามเขา“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลินขวางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นรูปที่ส่งมาเมื่อตะกี้ให้กับไป๋ยี่เฟยดู พร้อมกับถามขึ้น“คุณรู้จักคนคนนี้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยรับมือถือมาดู ก็พบว่าคนในรูปกำลังถูกมัดอยู่กับถังเหล็ก ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล เลอะไปด้วยรอยเลือด
เขาก้มหัวอยู่ มีเลือดไหลหยดออกจากมุมปากของเขา ดูเหมือนว่ายังมีลมหายใจอยู่
ไป๋ยี่เฟยรู้จักคนนี้แน่นอน แถมยังคุ้นเคยอีกด้วย เขาก็คือหนิววั่งที่ถูกไป๋ยี่เฟยไล่ออกไปนั่นเอง
ไป๋ยี่เฟยอึ้งตะลึงไป
หลินขวางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเข้มงวดจริงจัง“คุณไปตบซุนเหาที่เมืองหลวงแล้วใช่ไหมล่ะ? พ่อของซุนเหา ซุนหมิงเจี้ยนเป็นคนที่เข้าข้างคนของตัวเองมาก รู้ว่าซุนเหาถูกคุณตบ ก็เลยจะมาแก้แค้นคุณ แต่เขาไม่ได้มาจัดการคุณทันที แต่กลับไปหาลูกน้องของคุณหนึ่งคน จับตัวเขาไว้มาระบายความโกรธแค้น”
“ระบบข่าวกรองของตระกูลหลินเป็นคนให้ข้อมูลพวกนี้กับผม”หลินขวางพูดขึ้น
ไป๋ยี่เฟยมองต่ำไม่พูดอะไร