ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 686
บทที่ 686 คนที่ไม่คุ้มค่ากับการเอ่ยถึง
ฟางหยันสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้เธอหวาดกลัวถึงขั้นสุด
ตอนที่มาถึงที่นี่เธอก็รู้แล้วว่าซุนเหาจะทำอะไรกับเธอ เธอหาข้ออ้างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าพูด เธอกลัวว่าถ้าพูดโกหกไปแล้วซุนเหาจับได้ขึ้นมา ถึงตอนนั้น……
ในเวลานี้เอง จู่ๆซุนหมิงเจี้ยนก็มาถึงห้องใต้ดิน ข้างหลังของเขาก็มีบอดี้การ์ดสาวสวยสวมเสื้อหนังคนนั้นเดินตามมาด้วย
หลังจากที่ซุนหมินเจี้ยนเห็นซุนเหาแล้ว ก็ถามเขาอย่างยิ้มแย้ม“เป็นยังไงบ้าง? พูดแล้วยัง?”
ซุนเหาที่ตอนแรกคิดจะไปโอบกอดฟางหยัน หลังจากที่เห็นซุนหมิงเจี้ยนแล้ว ก็ต้องดึงมือกลับทันที จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยความโมโห“ปากแข็งงัดไม่ออกเลย ผมตัดนิ้วของลูกมันต่อหน้ามันก็แล้ว มันก็ยังไม่ยอมพูด”
ซุนหมิงเจี้ยนได้ฟังแบบนี้ก็สีหน้านิ่งขรึมทันที จากนั้นก็มองไปยังหนิววั่ง
แต่ตอนที่เขาเห็นหนิววั่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด สภาพใกล้จะตายแล้วนั้น ก็ตกใจทันที จากนั้นก็รีบหันมาพูดกับซุนเหา“ลูก เต้าจ่างแค่ให้พวกเรามาสอบสวนมัน ไม่ได้บอกให้พวกเราเอาชีวิตของมัน ถ้าลูกเอามันตายแล้ว……”
“วางใจได้ครับ ไม่ตายหรอก ผมรั้งมือเอาไว้”ซุนเหาพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ“ต่อให้ตายไป คนที่ไม่อยู่ในสายตาใครแบบมัน ตายแล้วก็ตายไปสิ เต้าจ่างไม่มีทางมาตำหนิพวกเราหรอกใช่ไหมล่ะ?”
ซุนหมิงเจี้ยนยังคงพูดขึ้นอย่างไม่วางใจ“ยังไงก็ระมัดระวังหน่อยก็ดี ถึงยังไงหมอนี่ก็เป็นถึงลูกน้องของไป๋ยี่เฟย ต่อให้ไม่ใช่เพราะความลับนั่น ก็ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นอีกเหมือนกัน”
ซุนเหาได้ยินชื่อไป๋ยี่เฟยอีกครั้ง สีหน้ายิ่งดูไม่ดีขึ้นไปอีก
ไป๋ยี่เฟยตบเขา ทำให้เขาต้องอับอาย แล้วเรื่องในตอนนี้ก็ดันมาเกี่ยวข้องกับไป๋ยี่เฟยอีก เขาไม่เข้าใจ ไป๋ยี่เฟยก็แค่นักธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับไป๋ยี่เฟยขนาดนี้?
แถมเขากล้าดียังไงถึงได้คนที่ทั้งสวยทั้งมีความสามารถแบบหลี่เสว่ไปเป็นภรรยา?
พอคิดถึงฉากตอนที่ถูกไป๋ยี่เฟยตบแล้ว เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก“ไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยอีกแล้ว ไป๋ยี่เฟยมันเป็นใครกันแน่? ก็แค่นักธุรกิจในเมืองเล็กๆจะสามารถคุกคามเต้าจ่างได้เหรอ? ทำไมแม้แต่พ่อก็ยังต้องกลัวมันด้วย?”
ซุนหมิงเจี้ยนได้ฟังแบบนั้นก็ไม่พอใจอย่างมาก สบถหึออกมาหนึ่งที“ล้อเป็นเล่นน่ะ พ่อกลัวมัน? กะอิแค่คนที่ไม่คุ้มค่าที่จะเอ่ยถึงเนี่ยนะ แทบจะไม่มองมันอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เต้าจ่างให้ความสำคัญกับมัน บวกกับมันเป็นลูกของไป๋หยุนเผิงนะ พ่อไม่มีทางกลัวขนาดนี้หรอก ป่านนี้ก็ให้คนไปฆ่ามันตั้งแต่วันที่มันตบลูกแล้ว”
ซุนหมิงเจี้ยนพูดขึ้นต่อ“ในสายของพ่อมันก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นแหละ การที่จะฆ่ามันง่ายนิดเดียว แต่เกี่ยวข้องกับตระกูลไป๋แห่งสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่นี่น่ะสิ โดยเฉพาะไป๋หยุนเผิง พวกเราต้องคิดหาวิธีอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไฟลามมาโดนตัวพวกเรา”
ในตอนนี้เองฟางหยันที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาพอได้ยินชื่อของไป๋ยี่เฟย ในใจก็สั่นอย่างช่วยไม่ได้
เพราะว่าเธอต้องทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมแบนเนอร์ของเฟยเสว่กรุ๊ป เคยได้ยินชื่อชื่อนี้มาบ้างเหมือนกัน ต่อมาหลังจากที่เข้าใจแล้ว จึงรู้ว่าคนคนนี้เป็นตำนานมากขนาดไหน ในใจรู้สึกยกย่องสรรเสริญไม่น้อย
แล้วตอนนี้ พวกเขาพูดว่าซุนเหาถูกไป๋ยี่เฟยทำร้าย
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ไป๋ยี่เฟยมาที่เมืองหลวงแล้วน่ะสิ?
ซุนหมิงเจี้ยนก็ไม่ได้พูดมากมายอะไรต่อ แต่ยิ้มๆพร้อมกับตบๆที่ไหล่ของเขา“ลูก คืนนี้ลูกสอบสวนดีๆล่ะ ถ้าสามารถล้วงความลับที่เต้าจ่างอยากรู้ออกมาได้ ต่อไปตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสหพันธ์ธุรกิจก็จะเป็นของลูกแล้ว”
ซุนเหาพูดขึ้นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม“วางใจได้ครับ ไม่มีปัญหา”
ซุนหมิงเจี้ยนยิ้มๆ จากนั้นก็หันสายตามองไปยังสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปพวกนั้นและฟางหยัน สายตาของเขาไม่ชั่วร้าย แต่เป็นสายตาที่ดูถูกดูแคลน
เขาแค่ชำเลืองมองนิ่งๆเท่านั้น พวกผู้หญิงพวกนั้นก็ตกใจตัวสั่นไปหมด
จากนั้นซุนหมิงเจี้ยนก็พูดกับซุนเหาเบาๆ“ลูก พวกนี้ล้วนแต่เป็นผู้หญิงเกรดต่ำที่รู้จักแต่ทาแป้งแต่งเนื้อแต่งตัวแต่ไร้วัฒนธรรมกันทั้งนั้น ลูกไปทุ่มเทให้กับหลี่เสว่ดีกว่า ถ้าลูกได้แต่งงานกับเธอ ถึงตอนนั้นตำแหน่งในสหพันธ์ธุรกิจของตระกูลพวกเราก็จะไม่สั่นคลอนอีกต่อไป”
พอซุนเหาได้ยินชื่อหลี่เสว่ ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที พยักหน้าอย่างตื่นเต้นดีใจ“พ่อ วางใจได้เลย ผมจะเร่งมือให้เร็วที่สุด แต่ช่วงสองวันมานี้เธอไม่อยู่เมืองหลวงนี่น่ะสิ”
ซุนหมิงเจี้ยนพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ ก่อนหันเดินจากไป
ตอนที่ซุนเหาเอ่ยถึงหลี่เสว่ ท่าทีที่ทั้งตื่นตัวทั้งหยาบคายของเขาก็เข้ามาอยู่ในสายตาของฟางหยันหมดแล้ว นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้เธออยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่คนที่สามารถเข้ามาอยู่สายตาของคนแบบซุนเหาได้ ต้องสวยมากขนาดไหนกันแน่?
ถึงยังไงก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันทั้งนั้น แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ฟางหยันก็ยังจำชื่อของหลี่เสว่ได้แม่น เธออยากรู้มาก ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่รู้จักแต่แค่แต่งหน้าแต่งตัวไปวันๆแต่ไร้วัฒนธรรมจริงๆไหม?
“ไสหัวออกไปให้หมด!”ตอนนี้ซุนเหาไม่มีความสนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหลี่เสว่ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์แล้ว
พอฟางหยันกับเหล่าสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปได้ฟังแบบนี้ ต่างก็พากันถอนหายใจออกมา จากนั้นก็โค้งตัวให้ซุนเหาเล็กน้อย ก่อนจะหันเดินออกไปจากห้องใต้ดินทันที
ตอนที่ออกมาจากคอนโด ก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที จากนั้นพวกเธอก็พบว่า เนื่องจากความหวาดกลัวที่มากเกินไป ทำให้เหงื่อเปียกชุ่มเสื้อผ้าไปจนหมดแล้ว
ในตอนนี้เองบอดี้การ์ดสาวสวยของซุนหมิงเจี้ยนก็ปรากฏตัวขึ้นมา เธอพูดกับฟางหยัน“คุณหนูฟาง เถ้าแก่เชิญไปพบค่ะ”
ตอนที่เธอได้ยินคำพูดนี้ใจก็เต้นตึกตักขึ้นมาทันที ใจที่เพิ่งจะสงบลงก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าก็ซีดขาวไม่น้อย
……
เครื่องบินลำหนึ่งลงจอดลงที่สนามบินขนาดเล็กของเมืองหลวง
พวกของไป๋ยี่เฟยลงมาจากเครื่องบินอย่างรวดเร็ว ไป๋ยี่เฟยเข้าไปในรถที่หลินขวางเตรียมมาให้ หลินขวางพูดขึ้นยิ้มๆอย่างช่วยไม่ได้“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องมาช่วยแน่ๆ”
ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกลับรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ตอนแรกเขานึกว่าหลินขวางจะเตรียมแค่รถให้พวกเขา แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาด้วยตัวเองแบบนี้
ถึงยังไงเรื่องนี้ก็กระทบสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแล้ว เขามาด้วยตัวเองแบบนี้ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆ“ขอบใจมาก”
“กับผมไม่ต้องเกรงใจหรอก”หลินขวางพูดยิ้มๆ
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
หลิงขวางก็พยักหน้าเหมือนกัน จากนั้นก็ถามเขา“ความปลอดภัยของเขตคฤหาสน์สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงอยู่ระดับสูงสุด คุณมีวิธีเข้าไปไหม?”
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น“ต้องอาศัยนายช่วยอีกสักครั้ง”
……
พวกเขาขับมาถึงยังละแวกเขตคฤหาสน์สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง จากนั้นก็หามุมมุมหนึ่งจอดรถไว้
ไป๋ยี่เฟยพูดกับทุกคน“ดำเนินการตามแผน”
จากนั้นก็พูดกับจางหัวปิน“พี่จาง ฝากด้วยล่ะ”
จางหัวปินพยักหน้า“วางใจได้”
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น“เบอร์มือถือของคนที่พักอาศัยอยู่ในเขตคฤหาสน์มีหมายเหตุไว้หมด ถ้าเข้าไปในเขตคฤหาสน์ จะต้องถูกคัดกรอง จากนั้นก็จะตัดสัญญาณของเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้ถูกหมายเหตุไว้ แล้วก็พวกเครื่องมือที่รบกวนเครื่องรับส่งวิทยุทั้งหมด ดังนั้นจะใช้มือถือกับเครื่องรับส่งวิทยุไม่ได้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้พวกเราต้องมีหนึ่งคนที่ซุ่มโจมตีอยู่ที่ที่ สามารถมองเห็นประตูหลักของเขตคฤหาสน์ คอยติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่ข้างในตลอดเวลา”
“แล้วฉันก็ต้องการสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตนด้วยเหมือนกัน”ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้น
จางหัวปินพยักหน้า“ไม่มีปัญหา”
ไป๋ยี่เฟยก็พยักหน้าตาม จากนั้นก็พูดอย่างเข้มงวด“ได้ เริ่มได้!”
พอพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ก้าวเดินตรงเข้าไปยังเขตคฤหาสน์
ตอนที่เดินมาถึงตรงทางเข้า เขาก็ถูกพวกยามห้าหกคนเข้ามาขวางเอาไว้
หนึ่งในบรรดายามพูดถามเขา“มาทำอะไร?”
ระดับของเขตคฤหาสน์สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงสูงที่สุด ไม่เพียงแต่ระบบความปลอดภัยจะระดับสูงที่สุด เขตคฤหาสน์นี้ก็อยู่ระดับที่สูงที่สุดเหมือนกัน คนที่พักอาศัยอยู่ข้างในมีแต่พวกคนที่มีแบคหลังของตระกูลที่ค่อนข้างดีกันทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ยามที่อยู่ที่นี่จึงรู้สึกว่าตัวเองก็อยู่ระดับสูงเหมือนกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ขอแค่ไม่ใช่คนของเขตคฤหาสน์ ยามแต่ละคนล้วนแต่ทำท่าทีเย่อหยิ่งใส่ไม่ไหว
ในตอนนี้เอง ไป๋ยี่เฟยหยิบใบเบิกทางของสหพันธ์ธุรกิจของตัวเองออกมา
หลังจากที่พวกยามเห็นใบเบิกทางแล้ว ใบหน้าที่เย็นชาก็ยิ้มแย้มขึ้นมาทันที เปลี่ยนสีหน้าอย่างไว
ยามรีบโค้งตัวพูดยิ้มๆ“ขออภัยจริงๆครับ ที่แท้ก็เป็นคุณท่านของสหพันธ์ธุรกิจนี่เอง!”พูดพลาง รับใบเบิกทางในมือของไป๋ยี่เฟย
แต่ว่ารีบเก็บใบเบิกทางกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง นี่เป็นใบเบิกทางที่หลี่เสว่ให้กับเขา ข้างบนมีลายเซ็นลายมือของหลี่เสว่อยู่ เขาจึงไม่อยากให้มีใครมาเห็น
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยเก็บใบเบิกทางมาแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา“ยังไม่ถอยไปอีก?”
สีหน้าของยามชะงักไป แต่ก็ไม่ได้ยอมถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง แต่กลับถามขึ้นอย่างระมัดระวัง“ไม่ทราบว่าท่านมาที่เขตคฤหาสน์ ต้องการจะมาทำอะไรเหรอครับ”
ไป๋ยี่เฟยยังคงสีหน้าเย็นชา พูดขึ้นอย่างหมดความอดทน“ฉันคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ นายคิดว่าฉันจะมาทำอะไร?”
ยามยังคงไม่ถอยออก“ขออภัยจริงๆครับ นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา หวังว่าท่านจะเข้าใจและให้อภัยนะครับ ถึงยังไงพวกเราก็ตรวจสอบอย่างเข้มงวดก่อน จึงจะรับประกันได้ว่าผู้พักอาศัยของเขตคฤหาสน์จะปลอดภัยน่ะครับ!”
ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา“ผู้พักอาศัยก็ต้องตรวจ?”
ยามตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงไม่ถอยออกไปอยู่ดี ก่อนจะพยักหน้าพูดขึ้น“หวังว่าท่านจะให้ความร่วมมือนะครับ”
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน“ฉันชื่อจ้าวเผิง”
จ้าวเผิงก็คือเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัยของไป๋ยี่เฟย เนื่องจากต้องเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินไม่พอ ตนเองก็เลยให้เขายืมเงินไปสองหมื่น แต่ต่อมาน้องสาวเกิดอุบัติเหตุทางถนน เขากลับไม่คืนเงิน ทำหน้าตาชั่วร้าย
หลังจากนั้นเจอหน้ากันสองสามครั้ง จ้าวเผิงก็ยังคงมีสีหน้าชั่วร้ายกับไป๋ยี่เฟยอยู่ ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยจึงพูดชื่อของเขาออกมาอย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ยามได้ยินชื่อแล้วก็รีบไปบอกกับยามอีกคนทันที“รีบไปตรวจสอบเร็วเข้า”
ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้ง จางหัวปินกับหลินขวางก็บอกไว้แล้ว ว่าผู้ที่พักอาศัยในเขตคฤหาสน์สหพันธ์ธุรกิจล้วนแต่ถูกหมายเหตุเอาไว้หมด
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นด้วยความโมโห“ให้ตายสิ!ถ้ารู้งี้ไม่ซื้อบ้านที่นี่ก็ดีหรอก กลับบ้านทั้งทีต้องยุ่งยากขนาดนี้!”
ยามเห็นแบบนี้ ก็ยิ้มๆอย่างอึดอัด