ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 687
บทที่ 687 รีบูท
หลังจากผ่านไปสองสามนาทียามเมื่อตะกี้ก็วิ่งกลับมา พูดกับหัวหน้าด้วยเสียงเบาๆ“จู่ๆคอมพิวเตอร์ก็ดับไป ต้องรีบูทเครื่องใหม่ครับ”
ยามคนนั้นได้ฟังแบบนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่น้อย พูดตะคอกเบาๆ“แล้วยังไม่รีบไปรีบูทเครื่องอีก มาบอกฉันทำบ้าอะไร ยังไม่รีบไปอีก!”
ยามคนนั้นตกใจจนตัวสั่น รีบพุ่งกลับไปยังห้องยามก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว
ไป๋ยี่เฟยก็เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จึงขมวดคิ้วพูดขึ้น“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ยามยิ้มแย้มทันที“ไม่มีอะไรหรอกครับ รอสักครู่นะครับ ใกล้จะเสร็จแล้วครับ”
ยามที่อยู่ในห้องทำการรีบูทเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ใส่ชื่อจ้าวเผิงเพื่อตรวจสอบ ไม่นานก็มีชื่อจ้าวเผิงปรากฏออกมา ข้างบนเขียนเอาไว้ว่าทำงานที่สหพันธ์ธุรกิจจินเฉิง เข้ามาอาศัยในหมู่บ้านคอนโดครึ่งเดือนก่อน
ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตรงไปยังทางเข้า พูดกับยามคนนั้น“หาเจอแล้วครับ เป็นเจ้าของหมู่บ้านคอนโดถูกต้องครับ เข้ามาอาศัยอยู่ครึ่งเดือนก่อน”
ยามคนนั้นพอได้ยินว่าเป็นผู้พักอาศัยในหมู่บ้านคอนโดจริงๆ สีหน้าก็อ่อนโยนลง จากนั้นก็พูดยิ้มๆกับไป๋ยี่เฟย“ขออภัยจริงๆครับ รบกวนเวลาของท่านมากแล้ว พวกเราตรวจสอบแล้วครับ ยืนยันว่าท่านเป็นผู้พักอาศัยในหมู่บ้านคอนโดจริงๆ เชิญเข้าได้เลยครับ”
ไป๋ยี่เฟยจ้องเขม็งยามคนนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา“วันหลังจำฉันไว้ด้วยล่ะ อย่ามาเสียเวลาฉันอีก”
“ครับๆ แน่นอนครับๆ”ยามพยักหน้ารัวๆ
คนที่สามารถทำงานอยู่ในสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงได้ สถานภาพของแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาแน่นอน ยามแบบพวกเขาไปยุแหย่ด้วยไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปอย่างเปิดเผยบริสุทธิ์ แต่จู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หยุดฝีเท้าลง ยามเห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาหาเขาทันที พร้อมกับพูดถามยิ้มๆ“ท่านมีอะไรจะสั่งเหรอครับ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันเพิ่งจะสั่งวัสดุของตกแต่งเข้ามา อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว พวกนายอย่าลืมปล่อยให้เข้ามาด้วยล่ะ วัสดุพวกนี้สำคัญมาก อย่าเข้าไปขวางให้อยู่ข้างนอกเด็ดขาด”
“เอ่อ……”ยามสีหน้าลำบากใจ
ไป๋ยี่เฟยจ้องเขม็งเขาอย่างรุนแรง“มีปัญหา? หรือว่าพวกนายจะออกไปรับเข้ามาเองเหรอ?”
ยามตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ยังคงยืนหยัดที่จะพูดขึ้นเหมือนเดิม“ขออภัยจริงๆครับ ข้างบนมีกฎข้อบังคับที่เป็นลายลักอักษร เกรงว่าจะไม่ได้ครับ คงต้องขอให้ท่าน……”
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังแบบนั้นก็โบกๆมืออย่างหมดความอดทน แล้วมองนาฬิกาของตัวเอง“ได้ๆ ถึงยังไงก็จะถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันรอที่นี่ก็แล้วกัน”
ยามได้ฟังแบบนั้น ก็ถอนหายใจออกมาทันที“ครับ”
มียามสองคนที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ
“นี่มันเช้าตรู่แล้ว ยังส่งวัสดุตกแต่งอะไรอีกนะ?”
“ระวังหน่อย นี่เป็นคนของสหพันธ์ธุรกิจ พวกเราจะพูดอะไรมั่วซั่วไม่ได้ ผิวหน้าบอกว่าเป็นวัสดุ แต่ความเป็นจริงแล้วใครจะไปรู้ว่าจริงๆมันคืออะไรกันแน่ ถ้าคิดที่จะทำงานดีๆอยู่ ก็อย่าถามเยอะ”
ไป๋ยี่เฟยก็ยืนอยู่ตรงทางเข้าแบบนี้ มีพวกยามสองสามคนคอยยืนเฝ้าดูแลอยู่อย่างระมัดระวัง
แต่เมื่อตะกี้ จางหัวปินแฮกเข้าไปในระบบความปลอดภัยของเขตคฤหาสน์ ทำให้คอมพิวเตอร์ดับไป อาศัยเวลานี้ใส่ชื่อจ้าวเผิงเข้าไป แก้ไขข้อมูลผู้พักอาศัยนิดหน่อย
ดังนั้นหลังจากที่ยามรีบูทเครื่องเสร็จแล้ว จึงไม่พบปัญหาอะไรเลย
ส่วนไป๋ยี่เฟยหลังจากที่หยิบใบเบิกทางของสหพันธ์ธุรกิจออกมาแล้ว ก็จงใจแสร้งทำเป็นหมดความอดทน ขี้โมโห ก็เพื่อให้ยามนึกว่าการตรวจสอบของพวกเขาทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่สบอารมณ์
แบบนี้ล่ะก็ ท่าทีที่ยามพวกนั้นมีต่อเขาก็จะยิ่งระมัดระวังมากขึ้น กลัวว่าจะไปยุแหย่เขา แล้วพอถึงตอนนั้นถ้าจะเอารถขนส่งวัสดุเข้ามาสักหนึ่งคัน พวกเขาก็จะยอมอนุญาตให้เข้ามาแน่นอน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไป๋ยี่เฟยเข้ามาก่อนเป็นคนแรก
ถ้าเขามาพร้อมกับรถและคนโดยตรง แล้วบอกว่ามาขนส่งวัสดุ พวกยามก็จะรู้สึกว่าเสียเวลาไม่นาน แล้วจะต้องขอตรวจสอบแน่นอน
แล้วถ้าไป๋ยี่เฟยยิ่งพูดขึ้นด้วยความโมโห ก็จะทำให้ยามยิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นไปอีก
แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป
ไป๋ยี่เฟยเดินไปเดินมาอยู่ตรงนี้ ท่าทางดูรีบร้อนลนลาน ทำให้ยามพวกนั้นเห็นแล้วก็รู้สึกกังวลใจ
หลังจากผ่านไปสิบนาที รถส่งของหนึ่งคันก็เข้ามา จอดอยู่ตรงหน้าประตู คนขับลงมาจากรถ ทำท่าทางเหมือนไม่เห็นไป๋ยี่เฟย เดินตรงไปหายามทันที
คนขับยื่นบุหรี่หนึ่งมวนให้กับยาม“พี่ยาม รบกวนหน่อยครับ พวกเรามาส่งของให้กับจ้าวเผิงคนที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านคอนโด……”
ยามไม่รอให้เขาพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็กวักมือพลางพูดขึ้น“อยู่นี่ๆ”
ไป๋ยี่เฟยเดินตรงเข้าไปพลางพูดด่าทอ“ให้ตายสิ!ทำไมถึงเพิ่งจะมาตอนนี้? ฉันรออยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว ถ้ามาเสียเวลาฉันอีก พวกนายก็อย่าคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย”
คนขับได้ฟังแบบนั้นก็รีบโค้งตัวขอโทษทันที
พอยามเห็นแบบนี้ ก็รีบฉวยโอกาสประจบประแจงทันที เตะคนขับรถคนนั้นไปหนึ่งที“ยังไม่รีบเอาเข้าไปอีก”
“ครับๆๆ”คนขับรีบพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะกลับเข้าไปในรถ
ยามเห็นแบบนี้ก็ปล่อยให้เข้าไปทันที รถขับเข้าไปข้างในหมู่บ้านคอนโดอย่างราบรื่น
ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยก็ขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ
จริงๆแล้วคนขับก็คือเฉินห้าว เขาขับรถนิ่งมาก เป้าหมายก็เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น หลังจากที่เห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างโดนเอาเปรียบ“พี่ เขาเตะผม!”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นนายจอดรถสักแป๊บ”
เฉินห้าวไม่เข้าใจ“ทำไมเหรอ?”
“กลับไปเตะคืน”ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นอย่างจริงจัง
เฉินห้าวชะงักไป รีบยิ้มแห้งๆพลางพูดออกมา“ช่างมันเถอะครับ”
“ก่อนที่จะเข้ามา พี่จางบอกผมว่า หลังจากที่เขาแฮกเข้ามาในอินเทอร์เน็ตของหมู่บ้านคอนโดนี้แล้ว ก็พบว่าหมู่บ้านคอนโดนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่ แล้วบอกอีกว่าหมู่บ้านคอนโดนี้มีเนื้อที่ประมาณสี่หมื่นตารางเมตร มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกซอกทุกมุม ไม่มีมุมอับเลย”
“ประตูทางเข้าของหมู่บ้านคอนโดก็มีระบบจดจำใบหน้าคน ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มียามประมาณหนึ่งร้อยคนคอยลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา”
“พี่จางบอกว่าเขาจะคอยดูพวกเราจากที่ไกลๆ ขอแค่พวกเรายื้อเวลาไว้สองนาที เขาก็จะสามารถปิดระบบกล้องวงจรปิดได้ จากนั้นก็ทำให้ระบบจดจำใบหน้าคนเป็นอัมพาต สร้างความวุ่นวาย เบี่ยงเบนความสนใจของยาม”
ไป๋ยี่เฟยฟังจบแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นต่อ“จริงๆแล้วไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ก็ได้”
เฉินห้าวชะงักไป“ทำไมเหรอครับ?”
จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ เร่งความเร็ว พุ่งตรงเข้าไปยังคอนโดของซุนหมิงเจี้ยนตรงๆเลย”
“หา?”เฉินห้าวมึนงงไม่เข้าใจ
จากที่จางหัวปินบอกมา การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านคอนโดนี้สุดยอดมากๆ
อย่างแรกคือระบบรักษาความปลอดภัย อย่างที่สองมีคนลาดตระเวนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง รวมกับคนที่ผลัดเวนแล้ว ก็มีประมาณสองสามร้อยคนเลย
ถ้าเกิดก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นล่ะก็ เกรงว่าจะยุ่งยากขึ้นแน่ๆ
สามารถช่วยหนิววั่งออกมาได้ไหมนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แค่พวกเขาออกไปได้ก็ใช้พลังงานเยอะๆมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อให้หนีออกมาได้จริงๆ ก็จะเป็นเรื่องราวใหญ่โต คนของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงจะต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แน่นอน ถ้าเกิดออกคำสั่งฆ่าทั่วทั้งเมืองล่ะขึ้นมาล่ะ?
“พวกเราแทบไม่รู้เลยว่าหมอหนิวถูกจับมาขังไว้ในคอนโดของซุนหมิงเจี้ยนจริงๆหรือเปล่า ถ้าเกิดไม่อยู่จะทำยังไง?”เฉินห้าวพูดขึ้นด้วยความกังวล
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย้ยหยัน“อยู่”
เฉินห้าวเห็นเขามั่นใจขนาดนี้ ก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทำไมล่ะครับ?”
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังแบบนั้นก็หรี่ตาลง มองกล้องวงจรปิดที่อยู่ข้างนอก พร้อมกับสบถหึออกมา“ฉันว่า ตอนนี้เต้าจ่างน่าจะกำลังมองพวกเราอยู่”
พูดจบ เขาก็มองจ้องไปยังกล้องวงจรปิดตัวหนึ่ง กวักๆมืออย่างใจใหญ่ใจโต
เฉินห้าวได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกมึนงงไปหมด
ไป๋ยี่เฟยจึงพูดอธิบายกับเขา“พวกมันจับตัวเขามาแต่ไม่ได้ฆ่าทันที จากนั้นเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้กับหลินขวาง แล้วหลินขวางก็มีความสัมพันธ์อันดีกับฉัน นายว่าพวกมันทำแบบนี้ไปทำไมล่ะ?”
“เกรงว่าไม่ใช่แค่จะล้วงความลับออกมาจากปากของหนิววั่งอย่างเดียวน่ะสิ เพราะจริงๆแล้วความลับพวกนั้นไม่ได้สำคัญอะไรมากเลย ตอนที่พวกเราออกทะเลไปในตอนนั้น พวกมันก็สะกดรอยตามพวกเราไปด้วย ดังนั้นพวกมันรู้แหล่งของทองแน่นอนอยู่แล้ว”
“ตอนที่พวกเราออกทะเลไปตอนนั้นไม่ได้พาหนิววั่งไปด้วย แล้วพวกมันก็น่าจะรู้ หนิววั่งก็เหมือนกับพวกมัน รู้แค่เรื่องทองเท่านั้น แล้วก็รู้ว่าอยู่ที่หลันเต่าด้วย แต่กลับไม่รู้ตำแหน่งโดยละเอียด ดังนั้น ที่พวกมันจับคนไปแต่ไม่ฆ่า นายคิดว่าทำไมกันล่ะ?”
เฉินห้าวฟังจบก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย แล้วในตอนนี้เองก็ตระหนักได้ว่าเรื่องเรื่องนี้ ไม่ใช่การช่วยชีวิตคนที่ง่ายดายขนาดนั้น
เฉินห้าวมองไป๋ยี่เฟยพร้อมกับถามขึ้น“พี่ คุณเดาได้ตั้งนานแล้วเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น“เร่งความเร็ว!”
เฉินห้าวไม่ลังเลอีก เหยียบคันเร่ง มุ่งตรงไปยังบ้านของซุนหมิงเจี้ยนอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้ไม่ใช่ยืดเยื้อเวลา แต่ต้องรีบช่วงชิงเวลา
เกรงว่าตอนนี้ซุนหมิงเจี้ยนไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นแค่เหยื่อเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาต้องช่วยหนิววั่งออกมาก่อนที่ซุนหมิงเจี้ยนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
……
ณ ห้องๆหนึ่ง ภายในคอนโดของซุนหมิงเจี้ยน
ฟางหยันเดินตามหลังซุนหมิงเจี้ยนเข้าไป จากนั้นซุนหมิงเจี้ยนก็พูดกับบอดี้การ์ดสาวสวยของตนเอง“ไปเตรียมการเถอะ น่าจะใกล้มาแล้ว”
บอดี้การ์ดพยักหน้า เดินออกไป แล้วปิดประตูลง