ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 696
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจที่ฉีฉีมา เขารีบวิ่งเข้าไปหาฉีฉี ถาม “คุณมาได้ยังไง?”
ตอนนี้ฉีฉีควรอยู่ที่เทียนเป่ยโรงพยาบาลโว่หลงเป็นเพื่อนกับสวีลั่งถึงจะถูก
ฉีฉีมองไปด้วยสายตาเย็นชา “อย่าหลงตัวเอง ไม่ใช่เพราะคุณ”
ไป๋ยี่เฟย “……”
คำพูดนี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยไม่รู้จะตอบยังไง แต่ในใจเขาก็รู้สึกตื้นตัน
เพราะว่าความสามารถของฉีฉีก็พอกับเฉินอ้าวเจียว มีเธอเข้าร่วมด้วย ทำให้ไป๋ยี่เฟยมองเห็นความหวังขึ้นบ้าง
และตามหลักแล้ว พวกเขาก็ถือว่าเป็นศัตรูกัน แต่ตอนนี้กลายเป็นพวกเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกดีใจมาก
ฉีฉีพูดกับไป๋ยี่เฟยเสียงเย็นชา “ฉันรู้ว่าพี่ชายฉันทำไมไม่ยอมตื่นมา เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไง ไม่รู้จะเลือกยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ฉันช่วยเขา ตัดเรื่องยากนี้ไปเลย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายฉันบาดเจ็บ เขาต้องตามคุณมาแน่นอน”
“ก็เพราะแบบนี้ ถ้าคืนนี้คุณตายที่นี่ สิ่งเดียวที่พี่ชายฉันจะทำในชาตินี้ก็คือช่วยคุณแก้แค้น ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
“ฉันมาเพื่อพี่ชายฉัน คุณไม่ต้องคิดมาก”
“อีกอย่าง จากนี้ไปอย่าโง่แบบนี้อีก ใช้ชีวิตคนอื่นมากมายขนาดนี้เพื่อไปแลกชีวิตอีกคน การทำแบบนี้มันไม่คู่ควรเลย”
“เชอะ โง่”
พูดจบแล้วเธอก็ไม่สนใจไป๋ยี่เฟยอีก หันกลับเข้าไปในกลุ่มคน
ความสามารถของฉีฉีเก่งมาก หมัดของเธอก็เหมือนท่อนเหล็ก หมัดเดียวลงไปก็ทุบพื้นเป็นหลุมได้
ตอนนั้นที่ฉีฉีต่อยไป๋ยี่เฟยนั้นเธอยับยั้งแรงไว้ ส่วนไป๋ยี่เฟยก็โดนมาเยอะแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็ทนไม่ไหว
เธออยู่ท่างกลางคน หนึ่งหมัดก็ล้มกันเป็นกอง เหมือนมีดใหญ่ของจงเหลียน
ไป๋ยี่เฟยเห็นภาพนี้แล้ว ก็รู้สึกวุ่นวายในใจ
เขารู้ เขาทำแบบนี้เพื่อช่วยเพื่อน แล้วให้คนมากมายขนาดนี้บ้าไปพร้อมเขา แม้กระทั่งเสียชีวิต มันไม่คู่ควรจริง
แต่นั่นมันมองจากคนนอก แต่ที่เขามองเองแล้ว ชีวิตของแต่ละคนในชาตินี้ต้องเจออะไรมากมาย ส่วนมากก็ทำตามแผนและความต้องการของตัวเองไม่ได้
วันแล้ววันเล่าก็ทำให้ใจมันเปลี่ยนไป ไม่ว่าเจอกับอะไร ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป สำหรับเหตุการณ์เรื่องราวก็เลือกที่จะทน อย่างมากก็แค่ไม่สบายใจ
เรื่องแบบนี้มีมากจนนับไม่ถ้วน บางครั้งไม่ใช่เราเลือกที่จะทนเรื่องมันก็ผ่านไป เพราะตอนที่เราเลือกที่จะทน คนอื่นจะคิดว่าเรารังแกง่าย แล้วจะทำหนักกว่าเดิม
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยทำแบบนี้ ก็เพื่อจะให้คนอื่นรู้ เขาไม่เลือกที่จะทน เขาไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่ายๆ
……
ทางนี้ชายวัยกลางคนก็เข้าร่วมการต่อสู้ แต่เป้าหมายของเขาคือฉีฉี
ฉีฉีล้มคนไปกลุ่มหนึ่ง ชายวัยกลางคนก็เข้ามาถึง สีหน้าไม่สบายใจ “ศิษย์น้อง นอกจากอาจารย์แล้วก็คือศิษย์พี่ พี่ก็รักเธอที่สุก”
ได้ยินคำนี้แล้วก็ทำให้ฉีฉีนึกถึงสมัยเด็กๆตอนอยู่บนเขา ตอนนั้นผู้ชายมาแย่งขนมของเธอ เธอไม่รอช้าก็เข้าไปสู้
ตอนนั้นความสามารถพวกเขาต่างกันมาก ทั้งสองสู้กันผัวพัน แยกแพ้แยกชนะไม่ได้
แต่ความจริงตอนนี้ คนของฝั่งไป๋ยี่เฟยน้อยอยู่แล้ว ยังถูกฆ่าไปบ้างแล้ว สถานการณ์ไม่ค่อยดี
นักสู้พวกนี้กับคนของแผนกแปดสหพันธ์ธุรกิจ แต่ละคนก็เหมือนหมาป่าหิวโหยพุ่งเข้าหาไป๋ยี่เฟย ถึงต้องตายก็ไม่กลัว
คนเยอะเกินไป ถึงแม้ฝีมือพวกเขาจะไม่อ่อน แต่คนเก่งแค่ไหนก็กลัวการต่อสู้ไม่หยุดแบบนี้ เพราะเรี่ยวแรงของคนมีขีดจำกัด
คนของขวางซา ตายไปห้าหกคน ล้มไปเจ็ดแปดคน มือไป๋หู่เต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นของเขาหรือของคนอื่น จงเหลียนถูกคนฟันไปที่หลัง เต็มไปด้วยเลือด
เฉินอ้าวเจียวสู้กับยอดฝีมือระดับสองคนหนึ่งและระดับสามคนหนึ่ง ไม่ได้บาดเจ็บ แต่ก็เริ่มหมดแรง
บอดี้การ์ดของหลินขวาง ตายไปสามบาดเจ็บหนึ่ง
สถานการณ์แบบนี้บอกได้ว่าตายอย่างเดียว
ดังนั้นมีคนตะโกนว่า “รีบฆ่าพวกมัน พวกมันเริ่มไม่ไหวแล้ว”
“ฆ่ามัน”
“จับเป็นไป๋ยี่เฟย”
“ลุยเลย”
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยเริ่มใจไม่ดี ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือระดับสองหนึ่งคนและระดับสามสองคนวิ่งมาทางเขา
เขารีบหลบ แต่ก็ยังถูกยอดฝีมือระดับสองคนนั้นถีบเข้าที่ท้อง จากนั้นร่างก็กระเด็นไปไกล
แต่ตอนที่เขากำลังลอยตัวขึ้น แขนของไป๋ยี่เฟยก็ถูกมือหนึ่งจับไว้ จากนั้นก็ดึงเขากลับมา
แล้วจากนั้น คนที่ดึงร่างเขากลับมา ขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก็ถึงหน้ายอดฝีมือระดับสองและระดับสาม จากนั้นก็ลงหมัดไม่ยั้ง
“ปังปังปัง”
หลายสิบหมัดติดกัน รวดเร็วจนทำให้คนดูไม่ทัน และที่ทำให้สามคนนั้นตะลึงก็คือ พวกเขาหลบแล้ว แต่หลบแล้วก็เหมือนตัวเองยื่นหัวไปให้เขาต่อยเอง
ไม่นานยอดฝีมือระดับสามสองคนก็กระเด็นไปไกล
ยอดฝีมือระดับสองคนนั้นก็เริ่มทนหมัดของฝ่ายตรงข้ามไม่ไหว ทนไม่ได้ถอยไปหลายก้าว
และคนที่ปรากฏตัวคนนี้ ก็คือซาเฟยหยาง
ผู้อาวุโสคนหนึ่ง คนที่จะพลิกสถานการณ์ตอนนี้ได้
ความจริงตอนแรกไป๋ยี่เฟยก็รู้ว่าเต้าจ่างต้องมาด้วยเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ซาเฟยหยางออกมา แต่ให้ซ่อนตัวไว้ ก็เพื่อเจาะจงเต้าจ่าง
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ สถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดี ซาเฟยหยางต้องออกมาเอง
ขณะที่ยอดฝีมือระดับสามแพ้ไปสองคน แล้วยอดฝีมือระดับสองก็แพ้ไปอีกคน สายตาอันเรียบเฉยของเต้าจ่างเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ขยับตัวแล้ว
……
ในเวลาเดียวกัน ในห้องรับแขกคฤหาสน์เย่เจี่ย
เย่เจี่ยกับไป๋หยุนเผิงนั่งบนโซฟา บนโต๊ะน้ำชามีถั่วญี่ปุ่นและถั่วลิสงอย่างละจาน ทั้งสองดื่มเหล้าหลูโจวหมดไปหนึ่งขวด
เย่เจี่ยดื่มเหล้าไม่เก่ง ตอนนี้หน้าแดงก่ำ แม้แต่พูดก็เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
“พี่ไป๋ งั้น…..ก็เท่านี้ละกัน…..อันนั้น…..เรื่องนั้นผมไม่ไปดูแล้ว……” เย่เจี่ยวพูดติดๆขัดๆ
ไป๋หยุนเผิงขมวดคิ้วพูด “ผมจำได้ว่าบนตู้เหล้าบ้านคุณมีเหล้า……”
“ได้ได้ได้ พี่ไป๋ ผมรู้…..รู้ว่าผิดแล้วได้ไหม?” เย่เจี่ยรีบพูดตัดไป๋หยุนเผิง หัวเราะ “วางใจได้ เรื่องวุ่นวายครั้งนี้…..ผมไม่ไปแล้ว……พี่ไป๋ ปล่อยผมไปเถอะ”
“แต่ว่า พี่ไป๋ ถึงแม้ตระกูลเย่ไม่ไป ลูกชายพี่……ก็ไม่ได้ปลอดภัย ครั้งนี้เต้าจ่าง……ไปด้วยตัวเอง……ที่เมืองหลวง……ไม่มีใครเป็น……คู่ต่อสู้เขา”
ไป๋หยุนเผิงได้ยินแล้ว ก็อดที่จะนวดขมับไม่ได้ ถามเย่เจี่ย “คุณไม่ไปแล้ว?”
เย่เจี่ยส่ายหัว “ไม่ไปแล้ว”
ไป๋หยุนเผิงกลับพยักหน้า “ก็ได้ งั้นผมไปแล้ว”
เย่เจี่ย “…….”
จากนั้นเย่เจี่ยก็มองไป๋หยุนเผิงเดินออกจากห้องรับแขก
เย่เจี่ยรู้สึกพูดไม่ออก เรื่องดื่มเหล้าเขาสู้ไป๋หยุนเผิงไม่ได้ ดังนั้นเขากลัวต้องดื่มเหล้ากับไป๋หยุนเผิง
ปรากฏว่า ไป๋หยุนเผิงไม่ได้จะดื่มกับเขาต่อ แค่อยากทำให้เขาตกใจ จากนั้นก็ให้เขารับปาก
เย่เจี่ย “โดนหลอกแล้ว”
เย่เจี่ยถอนหายใจอย่างเอือมระอา “พูดไปแล้วเขารีบกว่าฉันอีก แต่ไปแล้วจะทำอะไรได้? เต้าจ่างวางแผน ลูกชายพี่ยังยอมโดดเข้าไปเอง ไม่เข้าใจจริงๆ”
“แต่ว่า ครั้งนี้ลูกชายพี่ตายไป ชื่อเสียงคงโด่งดังทั่วเมืองหลวง เพราะให้คนครึ่งเมืองและสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงลงมือเอง นี่ก็สร้างความฮือฮาไม่น้อย”
คำพูดของเย่เจี่ย ไป๋หยุนเผิงไม่ได้ยิน เพราะเขาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ถึงเขาจะไม่ได้ยิน แต่ในใจก็รู้ดี ครั้งนี้ไป๋ยี่เฟยเรื่องร้ายมากกว่าดี
อีกอย่างถ้าเขาไปแล้ว อาจช่วยไป๋ยี่เฟยไม่ได้ ยังทำให้ตระกูลไป๋เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แต่เขาก็ตัดสินใจไป
เพราะว่าเขาเป็นลูกชายของเขา
แต่ว่าไป๋หยุนเผิงเพิ่งออกมาจากบ้ายเย่เจี่ย รถPorscheคันหนึ่งจอดขวางเขาไว้