ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 716
แต่ตอนที่เขาได้ยินเสียงดังนั้น ชั่วพริบตาเดียวที่มองเห็นไป๋ยี่เฟยถูกชนลอยออกไป ล้วนได้สติแล้วทั้งตัว ในเวลาเดียวกันได้สติก็ มึนงงแล้วเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยถูกชนล้มสลบไปโดยตรง
……
ความรู้สึกของไป๋ยี่เฟยพร่ามัวมาก รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่
เขาดูเหมือนมองเห็น เขากอดไป๋ยี่หลิงที่ยังแค่ไม่กี่เดือนกำลังหยอกเธอยิ้ม
ยังมองเห็นลักษณะท่าทีที่หัดเดินเตาะแตะ ลักษณะท่าทีที่ฝึกพูดอย่างลำบาก ลักษณะท่าทีที่ชัดเจนไพเราะเรียกเขาว่าพี่ชายของไป๋ยี่หลิง
ยังมีต่อมา น้องสาวเติบโตแล้ว ลักษณะท่าทีที่รู้จักความน่าเอ็นดู ลักษณะท่าทีที่เอาเงินเธอไปซื้อขนมเปี๊ยะใหญ่…..
“เฮ้อ!”
อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยลืมตาขึ้น ความรู้สึกกลับคืนมา มองแล้วมองอีกอย่างละเอียด พบเห็นคือบนเพดานสีขาวในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล ข้างหูมีเสียงติกๆของเครื่องมือดังอยู่
ไป๋ยี่เฟยสูดลมหายใจลึกๆหลายที จากนั้นอยู่ดีๆนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา
น้องสาวจากไปแล้ว จะไม่กลับมาอีกแล้ว
อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยมีคนมากมายล้วนเฝ้าไป๋ยี่เฟยอยู่ เฉินห้าว ไป๋หู่ สวีลั่ง หยางเฉียวอีกทั้งเฉินอ้าวเจียวที่กำลังรักษาแผลอยู่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน
รวมกับหลี่เสว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
หลังจากมองเห็นไป๋ยี่เฟยตื่นแล้ว ล้วนร้อนใจรุมเข้ามา
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “ผมไม่เป็นไร”
เห็นสภาพแบบนี้ ทุกคนล้วนโล่งอกหนึ่งที
แต่ว่าคำพูดไป๋ยี่เฟยนี้ กลับทำให้ใจของหลี่เสว่เจ็บจี๊ดอย่างรุนแรง
หลี่เสว่คิดว่าหลังจากไป๋ยี่เฟยตื่นแล้วอาจจะร้องไห้ อาจจะโมโห อาจจะพูดว่าตัวเองอยากอยู่เงียบๆคนเดียว
แต่ว่าเขาล้วนไม่มี เขาสงบมาก สงบจนน่ากลัว
หลี่เสว่คือภรรยาของไป๋ยี่เฟย ความรักของคนทั้งสองลึกซึ้งมาก เธอรู้สึกได้ว่าไป๋ยี่เฟยใกล้จะค้ำจนไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นเธออดไม่ไหวที่จะแอบน้ำตาไหล
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นหลี่เสว่ร้องไห้แล้ว ก็เลยปลอบโยนเสียงเบาๆกับเธอว่า “ภรรยาจ๋า นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าคิดมาก วันหลังก็อย่าโง่ขนาดนี้เลย”
หลี่เสว่ยิ่งร้องไห้หนักอีก
“ฮือ ฮือ….”
……
ระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ถึงเวลาพิธีฝังศพของไป๋ยี่หลิงแล้ว
วันพิธีฝังศพ คนทั้งหลายล้วนสวมใส่เสื้อสีดำนอกจากญาติๆเพื่อนๆพี่น้อง ยังมีพวกผู้บริหารระดับสูงของเฟยเสว่กรุ๊ป พวกเขาก็มาเช่นกัน
ทุกๆคนล้วนเข้าไปปลอบโยนหลายคำต่างคนต่างทำความเคารพ ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ก็เคารพกลับเช่นกัน
ยุ่งไปทั้งวันพิธีฝังศพเสร็จแล้ว
กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่รู้ว่าไป๋ยี่หลิงตายแล้วจนถึงเสร็จสิ้นพิธีฝังศพ ไป๋ยี่เฟยล้วนไม่เคยร้องไห้
หลิวจื่อหยุนก็เลยดึงมือของหลี่เสว่ไว้เกลี้ยกล่อมพูดกับเธอว่า “เสว่เอ๋อ กลับไปพูดโน้มน้าวใจเขาสักหน่อย ฉันเห็นเขาล้วนไม่ได้ร้องไห้มาโดยตลอด นี่ไม่ใช่เรื่องดีนะ เขาอั้นไว้อยู่ในใจอย่างนี้จะไม่ดีนะ”
หลี่เสว่ขอบตาแดงพยักหน้าต่อๆกัน
รอคนทั้งหลายล้วนไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยจึงนั่งยองๆอยู่หน้าป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพของไป๋ยี่หลิง ลูบรูปถ่ายของยี่หลิงที่อยู่บนป้ายศิลาหน้าหลุมฝังศพอยู่อย่างเบาๆ
หลี่เสว่เฝ้าอยู่ข้างกายเขาอย่างเงียบๆ
แต่ว่าก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆเธอรู้สึกถึงว่าท้องทรมานมาก เธอมีความรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน อดไม่ไหวเลย จากนั้นวิ่งไปที่ไกลๆจับต้นสนไว้อาเจียนออกมาเลย
“อ้วก!”
แต่ว่าท้องทรมานขนาดไหน เธอไม่ว่าจะอาเจียนยังไง ก็อาเจียนไม่ออก
จากนั้นเขารู้สึกถึงว่าข้างหลังของตนเอง ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งลูบอยู่เบาๆ
ไป๋ยี่เฟยเป็นห่วงถามว่า “เป็นยังไงล่ะ?”
หลี่เสว่แปลกใจหันหน้าไปมองไป๋ยี่เฟย กลับเห็นเขาสงบมากเหมือนเดิม บนใบหน้าเพียงแค่มีความห่วงใยเล็กน้อยอย่างนั้นเท่านั้น
หลี่เสว่รู้สึกว่านี่ไม่ปกติมาก
เธอตอบกลับอย่างเบาๆว่า “ไม่เป็นไร กระเพาะไม่สบาย”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูด ขมวดคิ้วเล็กน้อยพูดว่า “กลับบ้านเถอะ”
หลี่เสว่ได้ยินคำพูดนี้ ใจสั่นระริกเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
กลับถึงบ้าน หลี่เสว่มีความเหน็ดเหนื่อยเต็มใบหน้า วันนี้เหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ให้เธอนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงทันที
หลี่เสว่นอนอยู่บนเตียง จับมือของไป๋ยี่เฟยไว้ ตำหนิตนเองพูดว่า “สามีจ๋า ขอโทษ”
ไป๋ยี่เฟยปลอบโยนเสียงเบาๆพูดว่า “ไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าคิดมาก”
ได้ยินคำพูดนี้ ในใจหลี่เสว่ยังคงทรมานมาก
อีกทั้งเธออยากจะอยู่เคียงข้างไป๋ยี่เฟยในเวลานี้เคียงข้างเขา
แต่ว่าเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ เธอล้วนควบคุมไม่ไหวนอนหลับไปแล้ว
หลังจากหลี่เสว่นอนหลับไปไป๋ยี่เฟยมองดูรอบๆมองแล้วมองอีก จากนั้นทำความสะอาดทั้งหมดในห้องด้วยตัวคนเดียวรอบหนึ่ง เอาเสื้อผ้าที่จะซักก็ซักเสร็จแล้ว อีกทั้งแม้แต่อาหารเย็นล้วนทำเสร็จแล้ว
สุดท้ายเขาไม่รู้ว่าควรทำอะไร จากนั้นเขาไปบ้านสวีลั่ง
แต่ว่าหลังจากไปบ้านสวีลั่งแล้ว เขาก็นั่งงงงันอยู่บนโซฟา ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร
สวีลั่งเห็นแบบนี้เป็นห่วงเหลือเกิน เพราะว่าคำพูดของตัวเขาเองก็น้อยอยู่แล้ว ยิ่งไม่รู้จะไปปลอบโยนคนยังไง ก็มีแต่นั่งอยู่ข้างกายเขาเป็นเพื่อนเขา
ไป๋ยี่เฟยก็นั่งอย่างนี้เป็นชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปเลย
หลังจากรอไป๋ยี่เฟยออกไปแล้ว หยางเฉียวเป็นห่วงถามสวีลั่งว่า “พี่ไป๋ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
สวีลั่งส่ายหัวพูดว่า “การกระทบในครั้งนี้สำหรับเขาแรงเกินไปแล้ว อาจจะยังไม่สามารถยอมรับในทันที”
……
หลังจากไป๋ยี่เฟยออกไปยังไม่ได้กลับบ้านเลย แต่ไปบ้านของจางหัวปิน
เหมือนกัน เขานั่งอยู่บ้านจางหัวปินหนึ่งชั่วโมง ออกไปเลย
ภรรยาของจางหัวปินเห็นแบบนี้ความกังวลก็เต็มใบหน้าเช่นกัน “เขาเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่ดี”
“ไอ้ เขาต้องการใช้เวลาไปยอมรับ” จางหัวปินถอนหายใจพูดอย่างจนใจ
……
จากนั้นไป๋ยี่เฟยไปที่บ้านหลงหลิงหลิงอีก มองเห็นไฟในบ้านเธอยังสว่างอยู่ก็เลยไปเคาะประตูเคาะแล้วเคาะอีก
หลงหลิงหลิงสวมใส่ชุดนอนเปิดประตูแล้ว มองเห็นถึงขนาดเป็นไป๋ยี่เฟย มีความประหลาดใจเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยถามว่า “ให้ผมเข้าไปนั่งสักพักได้ไหม?”
หลงหลิงหลิงกำลังจะตอบเขา อยู่ดีๆในห้องนอนส่งเสียงอีกเสียงหนึ่งมา “ใครหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักหนึ่งที จากนั้นพูดทันทีว่า “ขอโทษ ผมไม่รู้……”
พูดคำนี้จบก็หมุนตัวออกไปเลย
หลงหลิงหลิงไม่ได้เรียกไป๋ยี่เฟยไว้เลย เธอเพียงแค่เจ็บปวดใจจ้องมองภาพด้านหลังของไป๋ยี่เฟยที่เดินออกไป
หลิวเสี่ยวอิงเดินออกจากห้องนอนถามว่า “ใครหรือ?”
หลงหลิงหลิงส่ายหัวต่อๆกันพูดว่า “มาผิดล่ะ”
หลิวเสี่ยวอิงสงสัยงงงวยจ้องมองหน้าประตูจ้องมองแล้วจ้องมองอีก ไม่ได้เห็นคนอะไรเลย
……
ไป๋ยี่เฟยดั่งซากศพที่เดินได้เดินอยู่บนถนนตัวคนเดียว
กลางคืนมาถึงแล้ว ไฟนีออนที่อยู่ข้างถนนสองฝั่งสว่างขึ้นมา สะท้อนแก่คนเดินถนนที่ไปๆมาๆกันและกัน
ไป๋ยี่เฟยเดินอยู่อย่างไร้จุดหมาย เขาไม่รู้ว่าตนเองอยากจะไปไหน ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะไปไหนเช่นกัน ยิ่งไม่รู้ว่าตนเองควรทำอะไรบ้าง
เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนดั่งสูญเสียวิญญาณไป ไม่มีพลังเลยทั้งตัว ก็ดูเหมือนไม่มีความหมายที่จะอยู่ต่ออีกเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยเดินไปเรื่อยๆเช่นนี้ อยู่ดีๆเดินชนคน คนคนนั้นโมโหเต็มใบหน้าพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “ไม่มีตาหรือ!”
แต่ว่ามองเห็นสีหน้าซีดเผือกของไป๋ยี่เฟยเหมือนดั่งซากศพที่เดินได้ ทันใดนั้นตื่นตกใจหนึ่งที จากนั้นหลบหนีเขาอย่างรังเกียจ “ซวยจริงๆ!”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจเดินไปข้างหน้าต่อ ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไหร่ก็ไปชนอีกคนหนึ่ง
“ทำไมเป็นคุณล่ะ?”