ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 732
พอชายคนนั้นเห็นไป๋ยี่เฟย เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “คุณมาหาใครครับ?”
เขาไม่ได้เปิดประตูออก เขาแค่แง้มประตูออกให้ตัวเองพอยื่นหน้าออกไปเท่านั้น
“ผมมาหาไป๋หยุนเผิงครับ” ไป๋ยี่เฟยตอบ
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินแบบนั้นเขาจึงส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “เป็นไอ้หน้าโง่จากไหนกัน? การที่แกมาเรียกชื่อของผู้นำตระกูลของเราตามใจชอบแบบนี้ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าตัวเองอยากเจอก็ได้เจอรึไง?”
“หลีกไปเดี๋ยวนี้!” ไป๋ยี่เฟยกำลังร้อนรน ไม่อยากมาเสียเวลาอยู่กับชายคนนี้
ไป๋ยี่เฟยตั้งใจผลักชายวัยกลางคนให้พ้นทางไป
แต่พอมือของเขาสัมผัสโดนตัววัยกลางคน เขาก็ถูกแรงอันมหาศาลสวนกลับไป
ไป๋ยี่เฟยตกใจมาก ร่างกายก็ถอยหลังไปด้วยหลายก้าว
ชายวัยกลางคนยิ้มออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “คิดจะใช้กำลังเหรอ? รนหาที่ตาย!”
พูดจบ เขาก็โน้มตัวมาข้างหน้า ยกกำปั้นขึ้น แล้วชกไปยังหน้าอกของไป๋ยี่เฟย
การเคลื่อนไหวของชายวัยกลางคนนั้นเร็วมาก ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางตอบได้ทัน เขาทำได้เพียงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากันจากนั้นกำปั้นของชายวัยกลางคนก็ปะทะกับร่างกายของเขาอย่างจัง
“ตุ๊บ!”
ไป๋ยี่เฟยกระเด็นออกไปจนกระแทกลงพื้น
ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจพร้อมกับท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม “ไอ้หมาบ้ามาจากไหน? ถึงกล้ามาก่อความวุ่นวายที่ตระกูลไป๋แบบนี้?”
“หลังจากที่ถูกฉันโจมตีใส่แล้วไม่มีใครเลยที่สามารถยืนขึ้นมาได้อีก นอนอยู่ตรงนั้นไปเถอะ ถ้าบังเอิญมีคนใจบุญผ่านทางมาแกอาจจะรอดก็ได้”
พูดจบเขาก็หันหลังเพื่อกลับเข้าบ้าน
แต่พอหันหลังไปเขาก็ต้องชะงักลง เพราะเขาสามารถรับรู้ได้ว่าไป๋ยี่เฟยที่อยู่ด้านหลังกำลังยืนขึ้นมา
ชายวัยกลางคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “แกนิดอึดใช้ได้เลยนี่”
“เอื้อก!”
ไป๋ยี่เฟยกระอักเลือดออกมา เอามือกุมหน้าอกของตัวเองไว้ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ
ไป๋ยี่เฟยจ้องเขม็งมาที่ชายวัยกลางคน จากนั้นก็พูดออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “ให้ผมเข้าไปพบไป๋หยุนเผิง แล้วผมจะไว้ชีวิตคุณ”
พอชายวัยกลางคนได้ยินอย่างนั้น เขาก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แกคิดว่าแค่อยากเจอก็สามารถเจอท่านเจ้าบ้านได้เลยรึไง?”
“ยังมาบอกว่าจะไว้ชีวิตฉันอีก? โอหังใช้ได้เลยนี่ ที่กล้ามาพูดจาใหญ่โตต่อหน้าตระกูลไป๋ของเราแบบนี้!”
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันที่แกบอกว่าจะไว้ชีวิตฉันมันเป็นยังไง?”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณจบไม่สวยแน่”
ชายวัยกลางคนก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และขำออกมาอย่างไม่ชอบใจเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ฉันดูหน่อยสิว่ามันจะหนักซะแค่ไหนเชียว”
ชายวัยกลางคนคิดว่าไป๋ยี่เฟยตั้งใจจะใช้กำลังกับเขา คิดว่าไป๋ยี่เฟยยังมีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า หรือไป๋ยี่เฟยมีดีแค่ปากเท่านั้น
แต่จะยังไงมันก็ไร้ค่า เพราะไม่ว่าจะใช้เล่ห์กลอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งแล้วมันก็ไร้ความหมายอยู่ดี
ทว่า ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้ใช้กำลัง
ไป๋ยี่เฟยแค่ยิ้มให้ชายวัยกลางคนอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วถามว่า “คุณไม่รู้สึกว่าหน้าผมมันคุ้นๆ บ้างเหรอ?”
พอชายวัยกลางคนได้ยินอย่างนั้น เขาก็ชะงักไป จากนั้นก็ใช้ความคิด มันก็คุ้นจริงๆ นั่นแหละ เหมือนเคยเจอเขามาก่อน แล้วเคยเจอที่ไหนล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยถามต่อ “คุณไม่รู้สึกว่าผมหน้าตาเหมือนใครที่คุณรู้จักบ้างเหรอ?”
“ก็คล้ายๆ ……กับ……” จู่ๆ ชายวัยกลางคนก็อึ้งไป
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ชูคอขึ้นมาตะโกนเข้าไปทางวิลล่า “ผมคือไป๋ยี่เฟย! มีคนกำลังจะฆ่าผม!”
……
ภายในห้องรับแขกของวิลล่า
อู๋กุ้ยเซียงจับมือของไป๋ยี่เฟยไว้ และกำลังรู้สึกดีอกดีใจ
ไป๋หยุนเผิงก็ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกัน
ซึ่งวัยกลางคนนั้นก็คือพ่อบ้านของตระกูลไป๋ เขาชื่อเจี่ยงอาน
เขายื่นอยู่ด้านหลังของทั้งสามด้วยร่างกายที่สั่นเทา พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่เต็มหน้าผาก
เจี่ยงอานกำลังรู้สึกเสียใจมาก ทำไมเขาถึงดูไม่ออกนะว่าไอ้หนูนี่มันหน้าตาเหมือนไป๋หยุนเผิงเลย
ไป๋นี่เฟยเองก็เหมือนกัน บอกชื่อมาเลยก็ได้ไม่ใช่รึไง เรื่องก็ไม่ต้องวุ่นวายแล้ว ฉันก็จะไม่ใช้กำลังกับแกแล้ว!
ไป๋หยุนเผิงเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ส่วนอู๋กุ้ยเซียงนั้นหนักว่านั้นอีก ถ้าถูกพวกเขารู้เรื่องที่ตัวเองไปทำร้ายไป๋ยี่เฟยเข้า มันคง……
ตอนนี้เขาหวังแค่เพียงว่าไป๋ยี่เฟยจะไม่เอาเรื่องนี้มาพูดต่อไป๋หยุนเผิงกับอู๋กุ้ยเซียงก็พอ
อู๋กุ้ยเซียงเอาแต่ถามโน้นถามนี้ไป๋ยี่เฟย ส่วนไป๋ยี่เฟยก็ตอบทุกคำถามที่ถูกถาม
พออู่กุ้ยเซียงพูดถึงน้องสาวของไป๋ยี่เฟย ดวงตาของไป๋ยี่เฟยแดงก่ำขึ้นมา
อู๋กุ้ยเซียงเองอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา แล้วพูดเบาๆ ว่า “ว่างๆ ฉันจะไปดูที่เมืองเทียนเป่ยซะหน่อย เด็กคนนี้ก็น่าสงสารเหมือนกัน”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไร
ในขณะที่ห้องรับแขกตกอยู่ในความเงียบนั้นเอง ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น
เสียงนั้นทำให้ทุกคนต่างตื่นตกใจ
โดยเฉพาะไป๋ยี่เฟยที่ใจเต้นขึ้นมาอย่างแรง
สีหน้าของอู๋กุ้ยเซียงเปลี่ยนไป แถมยังปล่อยมือของไป๋ยี่เฟยออกอย่างไม่รู้ตัวด้วย
ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนไป๋ยี่เฟยมากคนหนึ่งถูกจิงหลัวเข็นเข้ามา
เขาคนนั้นก็คือไป๋เซี่ยว คนที่ตั้งใจจะฆ่าไป๋ยี่เฟยนั่นเอง
พอไป๋เซี่ยวเห็นหน้าไป๋ยี่เฟย เขาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่ใหญ่จริงๆ ด้วย!”
พอเห็นอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ต้องเข้าใจก่อนว่า ไป๋เซี่ยวนั้นอยากฆ่าเขามากแค่ไหน ต้องเกลียดเขามากถึงจะถูก
แล้วทำไมได้ถึงแสดงท่าทีที่เป็นกันเองแบบนี้? ไม่ได้เกลียดเขาเลยสักนิด แถมดูแล้วก็ไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย
เห็นแบบนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เขาแค่พูดออกไปอย่างเรียบเฉยว่า “ไป๋เซี่ยวเหรอ?”
ไป๋เซี่ยวพยักหน้า แล้วพูดด้วยท่าทางที่ดีใจว่า “ใช่ครับ พี่ใหญ่ผมรอให้พี่กลับบ้านมาโดยตลอดเลยนะครับ ตั้งแต่ที่รู้ว่ามีพี่ใหญ่อยู่ ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด”
การที่ไป๋เซี่ยวแสดงท่าทีที่สนิทสนมแบบนี้ ส่งผลให้ไป๋ยี่เฟยไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน
ทั้งๆ ที่เกลียดตัวเองจะตายอยู่แล้ว แต่กลับทำตัวสนิทสนมแบบนี้ได้ยังไง?
เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมไป๋เซี่ยวถึงสามารถเก็บซ่อนความเกลียดชังทั้งหมดเอาไว้ได้ลึกขนาดนั้น โดยไม่มีพิรุธเลยแม้แต่นิดเดียว?
คนแบบนี้มันน่ากลัวมาก
แต่ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่สามารถเก็บซ่อนมันได้
ไป๋ยี่เฟยมองไป๋เซี่ยวด้วยท่าทางที่เรียบเฉย “พี่สะใภ้ของแกตั้งท้องแล้ว แถมยังเป็นลูกแฝดด้วย”
พอไป๋เซี่ยวได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็เกร็งไปเล็กน้อย ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่
ไป๋ยี่เฟยรู้ดัว่าไป๋เซี่ยวได้วางยาหลี่เสว่ ทำให้เธอไม่สามารถมีลูกได้ แต่มันก็ไม่มีหลักฐาน แต่ทุกคนต่างก็รู้ดี
การที่ไป๋ยี่เฟยพูดมาแบบนี้ก็ตั้งใจที่จะประกาศศึกกับไป๋เซี่ยว บอกกับไป๋เซี่ยวให้รู้ว่าเขารู้
เขามาที่เมืองหลวงและมีลูก เขาต่างหากที่เป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของตระกูลไป๋
ส่วนไป๋เซี่ยวนั้น มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ด้วยเหตุนี้ แววตาของไป๋เซี่ยวก็ได้แสดงถึงจิตสังหารออกมา
เห็นทีคงมีแต่อู๋กุ้ยเซียงกับไป๋หยุนเผิงเท่านั้นที่หายจากอาการตกใจแล้วเกิดดีใจขึ้นมา
“จริงๆ เหรอ?” อู๋กุ้ยเซียงถามด้วยความตื่นเต้น
ส่วนไป๋หยุนเผิงก็มองไป๋ยี่เฟยด้วยความคาดหวัง
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า “เธอตั้งท้องแล้วจริงๆ แต่……”
“แต่อะไร?”
“เธอหายตัวไปครับ ผมสงสัยว่าสหพันธ์ธุรกิจจะเป็นคนทำ” ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างขมขื่น
พูดคำพูดนี้สิ้นสุด ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
จากนั้นไป๋หยุนเผิงก็พูดออกมาด้วยความโมโหว่า “ช่างกล้านัก!”
“ลูกสะใภ้ของไป๋หยุนเผิงคนนี้ ถ้าใครกล้าแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บละก็ ไม่ว่าต้องสูญเสียเท่าไหร่ ก็ต้องจัดการมันให้ได้!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าไป๋หยุนเผิงจะโกรธได้ขนาดนี้ ทำเอาทุกคนต่างปรับตัวไม่ทันเลย
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกแปลกใจ ไป๋หยุนเผิงเป็นถึงหนึ่งในเจ้าบ้านของสี่ตระกูลใหญ่ไม่ใช่รึไง? อารมณ์แบบนี้มันไม่ดูรุนแรงไปหน่อยเหรอ? อารมณ์ดูไม่สุขุมเลยสักนิด!
ความจริงไป๋หยุนเผิงเป็นคนที่สุขุมมาตลอด แต่กับเรื่องนี้เขาไม่สามารถอดทนได้เลย