ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 767
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่า ตนเองอาจจะตามเข้าไปถามกับชายใส่แว่นตาคนนี้
หลังจากมีความคิดแล้ว ไป๋ยี่เฟยนี่จึงวางใจลงมากินอย่างเอร็ดอร่อยเต็มที่
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที คนของโต๊ะนี้จะออกไปแล้ว
หลังจากรอคนโต๊ะนั้นออกไป ไป๋ยี่เฟยหยิบทองคำน้อยเม็ดหนึ่งออกมาทันที วางอยู่บนโต๊ะ พูดกับพนักงานเสิร์ฟว่า “ไม่ต้องทอนแล้ว”
พนักงานเสิร์ฟรีบโค้งตัวขอบคุณ “ขอบคุณเถ้าแก่ ขอบคุณเถ้าแก่ เถ้าแก่โปรดรอสักครู่ เถ้าแก่ของเราอยากจะพูดคุยกับท่านสักหน่อย”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้น พบเห็นข้างหลังของพนักงานเสิร์ฟ ยังมีชายวัยกลางคนอายุห้าสิบปีคนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนยิ้มพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “เถ้าแก่คนนี้ไม่รู้ว่าว่างที่จะคุยสักหน่อยไหม?”
“ไม่ว่าง!”
ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกำลังร้อนใจหาหลิวเสี่ยวอิงอยู่ ที่ไหนจะมีเวลาสนใจคนเหล่านี้ หลังจากพูดจบก็ออกไปจากร้านอาหารทันที
แต่ว่าหลังจากเขาออกมา หลายคนนั้นหายสาบสูญไปแล้ว
“ไอ้ควย!” ไป๋ยี่เฟยวุ่นวายใจมาก
แต่ว่าไม่นานเขาใจเย็นลงอีกครั้ง ดูจากการสนทนากันของเมื่อกี้ เขตที่สี่น่าจะเป็นเขตปกครองสำหรับตระกูลหง อย่างนั้นคนที่ถูกวางยาตายเป็นคนของตระกูลหง คิดว่าคนที่มีสถานะเล็กน้อยหน่อยจะรู้มากกว่า
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยหมุนตัวกลับไปร้านอาหารอีก
แต่เถ้าแก่ของร้านอาหารตื่นตะลึงมาก อึดอัดจนยืนอยู่กับที่
พนักงานเสิร์ฟนึกไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยจะปฏิเสธโดยตรง สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าก็ดูไม่ดีเล็กน้อย
ก็อยู่ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยกลับมาแล้ว ยิ้มพูดกับเถ้าแก่ว่า “ขอโทษ แค่เป็นการล้อเล่น จงอย่าถือสา”
เถ้าแก่เห็นสภาพ สีหน้าที่อึดอัดคลี่คลายลงมาก ยิ้มออกมาใหม่อีกครั้ง “ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ”
จากนั้นไป๋ยี่เฟยถูกเถ้าแก่เชิญเข้าไปในลานบ้านข้างหลังร้านอาหาร
ลานบ้านสวยเงียบสงัดอย่างมาก ค่อนข้างมีความรู้สึกที่เป็นลานบ้านในสมัยโบราณแบบหนึ่ง และยังมีศาลาหลังหนึ่งอยู่กลางลานบ้าน บนศาลามีโต๊ะหินตัวหนึ่ง
เถ้าแก่ร้านอาหารเชิญไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ในศาลา
หลังจากรอนั่งลงแล้ว เถ้าแก่ร้านอาหารจึงพูดว่า “สวัสดีเถ้าแก่ กระผมลู่หย่วน ขอถามเถ้าแก่ว่าแซ่อะไรหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยสามารถรู้สึกถึงท่าทีที่ลู่หย่วนมีต่อเขาถ่อมตัวสุภาพอ่อนโยนเหลือเกิน คิดว่าน่าจะเนื่องเพราะเขาเป็นพ่อค้ามาจากต่างถิ่น ตลอดเวลามาไป๋ยี่เฟยคือคนอื่นดีต่อเขา เขาก็ดีต่อคนอื่นเช่นกัน
ดังนั้นท่าทีของไป๋ยี่เฟยก็ดีมากเช่นกัน พูดชื่อสะเปะสะปะปลอมอย่างหนึ่ง “ผมชื่อว่าไป๋อี”
หลังจากนี้ ลู่หย่วนถามคำถามง่ายๆบางอย่างกับไป๋ยี่เฟย อย่างเช่นทำงานอยู่ที่ไหน มาหลันเต่าทำการค้าขายอะไร คิดว่าจะอยู่นานขนาดไหนหรือ?
ไป๋ยี่เฟยวางมาดขรึมพูดส่งเดช
ก็อยู่ในเวลานี้ เสียงกังวานมากเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พ่อ! รีบมาดูสิ!”
ไป๋ยี่เฟยมองไปตามต้นเสียง พบเห็นเป็นสาวน้อยคนหนึ่งที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดปี ไม่รู้เดินมาในลานบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยื่นแขนข้างหนึ่งออกมา วางอยู่ต่อหน้าลู่หย่วน
บนแขนสวมใส่กำไลข้อมือเขียวมรกตอันหนึ่ง นี่น่าจะเป็นสิ่งของที่เด็กผู้หญิงจะให้ลู่หย่วนดู
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองสาวน้อยคนนั้นหนึ่งที อึ้งชะงักหนึ่งที เพราะว่าเธอไม่เพียงแค่หน้าตาดี ยังทำให้คนมีความรู้สึกที่สะอาดบริสุทธิ์ดังบัวหิมะอย่างหนึ่ง ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับหลี่เสว่มาก
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยจึงอึ้งชะงักหนึ่งที
ลู่หย่วนไม่ได้ดู แต่หน้าบึ้งพูดว่า “รีบไปข้างๆ ไม่เห็นว่าพ่อกำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอยู่หรือ?”
สาวน้อยไม่พอใจมาก ไม่พอใจจน ฮึ เสียงหนึ่ง ยังเหลือบมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที หมุนตัววิ่งออกไปเลย
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองสาวน้อยแบบนี้ ถึงขนาดใจลอยเลย
จากนั้นเขาได้ยินเสียงเรียกของลู่หย่วนอยู่ข้างหู “เถ้าแก่ไป๋?”
ไป๋ยี่เฟยคืนสติทันที รู้สึกถึงว่าตนเองยั้งสติไม่อยู่เสียกริยาแล้ว มีความรู้สึกขอโทษเล็กน้อย จากนั้นสมองหมุนอย่างรวดเร็ว “พูดอย่างรวดเร็วว่า เถ้าแก่ลู่ ได้ยินว่าหลันเต่าวุ่นวายมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงมากล่าวแล้ว ลูกสาวของคุณหน้าตาสวยขนาดนี้ ก็ไม่กลัว……”
หลังจากลู่หย่วนได้ยินแล้ว ถอนหายใจหนึ่งทีพูดว่า “เถ้าแก่ไป๋พูดถูกแล้ว แต่ว่าลูกสาวของผมคนนี้ก็ตกแต่งๆตนเองเพียงแค่อยู่ในบ้านเท่านั้น ออกจากบ้านก็ต้องทำให้น่าเกลียดเช่นกัน ทำให้เถ้าแก่ไป๋หัวเราะเยาะแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวต่อๆกันพูดว่า “ที่ไหน ที่ไหนล่ะ?”
“พูดไปนานขนาดนี้ ผมก็แค่อยากรู้อยากเห็น เถ้าแก่ลู่ตกลงว่าอยากจะพูดกับผมอะไรหรือ?”
หลังจากลู่หย่วนได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความลังเล ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่ ทั้งดูเหมือนกำลังดิ้นรน สุดท้ายกัดฟันพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็หน้าด้านพูดแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “เชิญพูด”
จากนั้นลู่หย่วนลุกขึ้นมา พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “เถ้าแก่ไป๋โปรดรอสักครู่”
จากนั้นลู่หย่วนออกจากลานบ้าน ไปยังลานบ้านอีกที่หนึ่ง ผ่านไปไม่นาน ในมือถือถุงผ้าสีดำถุงหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว
หลังจากนั่งลงมาใหม่อีกครั้ง เขาวางถุงผ้าสีดำอยู่บนโต๊ะ เปิดออกให้ไป๋ยี่เฟยดู
ทองคำถุงใหญ่มากก็โผล่อยู่ต่อหน้าไป๋ยี่เฟยอย่างเปิดเผยขนาดนี้
หลังจากไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วประหลาดใจเหลือเกิน
ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่รู้สึกประหลาดใจกับทองคำมากมายขนาดนี้เลย แต่ประหลาดใจกับลู่หย่วนที่ไม่ใช่แค่เปิดร้านอาหารหรือ ทำไมจะมีทองคำมากมายขนาดนี้ล่ะ? อีกทั้งเอาทองคำมากมายขนาดนี้ให้เขาดูหมายความว่าอะไรหรือ?
ไป๋ยี่เฟยถามออกมาโดยตรง “เถ้าแก่ลู่ นี่หมายความว่าอะไรหรือ?”
ลู่หย่วนถอนหายใจอีกหนึ่งทีพูดว่า “เรื่องที่ผมเสียใจภายหลังที่สุดในชาตินี้ ก็คือมาที่หลันเต่า”
“หลังจากมาแล้วก็กลับไปไม่ได้เลย แต่ผมมีแค่เหมียวเหมียวลูกสาวคนเดียว ผมอยากให้เธอออกจากที่นี่”
“เถ้าแก่ไป๋มาจากข้างนอก ย่อมจะกลับไปอย่างแน่นอน ดังนั้นผมคิดว่า ให้ท่านพาเหมียวเหมียวออกไป”
“ทองคำเหล่านี้ ก็เป็นค่าตอบแทนที่ผมให้กับเถ้าแก่ไป๋”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วขึ้นมา ไม่เข้าใจถามเขาว่า “เถ้าแก่ลู่ ตามที่ผมรู้ ทองคำเหล่านี้เพียงพอที่จะให้ท่านพาลูกสาวของท่านออกไปด้วยกันแล้ว”
ลู่หย่วนได้ยินคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวต่อๆกัน หัวเราะขมๆเสียงหนึ่งพูดว่า “ไม่ปิดบังท่านเลย ผมคือคนที่มาหลันเต่าเร็วที่สุดหนึ่งในนั้นของชุดนั้น สิ่งที่รู้ย่อมรู้มากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว”
“ถึงแม้ว่ามีทองคำเพียงพอที่จะซื้อตั๋วเรือ แต่สามารถกลับไปได้หรือ?”
“ถ้าหากว่าเรื่องเล่านั้นเป็นเรื่องจริง เกรงว่าคนเหล่านั้นถูกโยนลงไปเลี้ยงปลาในทะเลมานานแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แต่ก็ยังรู้สึกมีความผิดปกติเล็กน้อย
“เถ้าแก่ลู่ พวกเราเจอกันเป็นครั้งแรกนะ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าผมไม่ใช่คนชั่ว สามารถพาลูกสาวของคุณออกไป ถ้าหากผมมีจุดประสงค์อื่นๆต่อเธอล่ะ?”
“ผมเชื่อใจเถ้าแก่ไป๋” ลู่หย่วนส่ายหัวยิ้มพูด
“ทำไมล่ะ?”
ลู่หย่วนอมยิ้มหนึ่งที จากนั้นหยิบทองคำก้อนเล็กก้อนหนึ่งจากกระเป๋ากางเกงของตนเองวางอยู่บนโต๊ะ
ไป๋ยี่เฟยย่อมรู้จักทองคำก้อนนี้อยู่แล้ว ที่เป็นค่าตอบแทนก่อนหน้านั้นเขาให้พนักงานเสิร์ฟ แต่เขากลับดูไม่ออกว่ามีปัญหาอะไร
ลู่หย่วนยิ้มพูดว่า “เถ้าแก่ไป๋ ถ้าหากว่าผมคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ ท่านน่าจะเป็นคนของรัฐ ดังนั้นผมเชื่อท่าน”
“ทองคำก้อนนี้ใต้ก้นของมันมีลวดลายที่เป็นพิเศษ ลวดลายแบบนี้ไม่ใช่สำหรับพวกเราที่นี่ อีกทั้งผมก็เคยได้ยินมาก่อน มีเพียงแค่ทองคำของประเทศจึงจะมี”
“และดูร่องรอยของทองคำอีกว่า น่าจะเพิ่งถูกทำแตกไม่นานมานี่เอง”
ไป๋ยี่เฟยได้ฟังถึงที่นี่ก็ประหลาดใจอย่างมากแล้ว อีกทั้งเขาไม่ได้สังเกตเห็นทองคำเหล่านี้มีจุดที่ไม่เหมือนกันอะไรจริงๆเลย
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยยังคงมีความสงสัยงงงวยเล็กน้อย “งั้นคุณรู้สิ่งเหล่านี้ได้ยังไงล่ะ?”
หลังจากลู่หย่วนได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที “อดีตภรรยาของผมเคยเป็นผู้เฝ้าคลัง”
ผู้เฝ้าคลัง!
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยเบิกตาโพลง โดยจิตใต้สำนึกก็ถามว่า “ผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่สี่หรือ?”
ลู่หย่วนได้ยินคำพูดนี้ สายตาทั้งคู่มีชีวิตชีวาจ้องมองไป๋ยี่เฟย ประหลาดใจอย่างมากถามว่า “เถ้าแก่ไป๋รู้หรือ?”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงความผิดปกติ มีความหงุดหงิดโมโหเล็กน้อย แต่คิดแล้วลู่หย่วนล้วนเล่าเรื่องเหล่านี้ให้เขาฟัง เขาก็ไม่มีอะไรน่าปกปิด ก็เลยพูดว่า “เคยได้ยินมาก่อน”
ลู่หย่วนกลับไม่พูดแล้ว
เขาดูเหมือนมีความสงสัยกับไป๋ยี่เฟยเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยคิดแล้วคิดอีกพูดว่า “เถ้าแก่ลู่ ผมรับปากคุณได้ ถ้าหากว่าผมสามารถกลับไปได้ล่ะก็ ผมจะพยายามที่สุดพาลูกสาวของคุณออกไป”
“แต่ว่าทองคำผมรับไว้ไม่ได้ ผมไม่ขาดเงินเหล่านี้ อีกทั้ง ผมอาจจะช่วยทั้งครอบครัวของพวกคุณล้วนออกจากที่นี่ได้”
ลู่หย่วนส่ายหัวยิ้มขม “เถ้าแก่ไป๋เพียงแค่พาลูกสาวของผมออกไปก็พอ พวกเรา…….พวกเราไปไม่ได้”
ไป๋ยี่เฟยสงสัยงงงวยมาก “ทำไมไปไม่ได้ล่ะ?”
ลู่หย่วนนึกถึงอะไรขึ้นมา ถอนหายใจอีกหนึ่งที “นี่…….ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีจริงๆ เถ้าแก่ไป๋ก็อย่าถามมากกว่านี้อีกเลย”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองลู่หย่วนลักษณะท่าทีเหมือนดั่งยากที่จะเอ่ยปากแบบนั้น ก็รู้ว่าเขาพูดยากเช่นกัน ดังนั้นก็ไม่ได้ถามอีกเลย
เขาเพียงแค่พูดถึงจุดประสงค์กับเงื่อนไขของตนเอง “ได้ ผมรับปากคุณ แต่คุณต้องรับปากเงื่อนไขของผมอย่างหนึ่ง”