ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 768
“เพียงแค่ผมทำได้ ย่อมจะทุ่มเทสุดกำลังอย่างแน่นอน” ลู่หย่วนไม่ลังเลแม้แต่น้อยพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ไป๋ยี่เฟยบ่นพึมพำเสียงหนึ่งพูดว่า “ผมอยากจะให้ท่านช่วยหาคนคนหนึ่งให้ผม”
ทั้งพูดอยู่ทั้งหยิบมือถือออกมา ข้างบนนั้นเป็นรูปถ่ายคู่ของหลิวเสี่ยวอิงกับหลี่เสว่ที่อยู่บนเรือ เขาส่งให้ลู่หย่วน ชี้ไปที่หลิวเสี่ยวอิงชี้แล้วชี้อีก พูดว่า “ก็คือจะหาเธอ เธอเป็นเพื่อนของผม เดินคลาดกันกับผมแล้ว”
หลังจากตอนที่ลู่หย่วนเห็นชัดเจนแล้ว โดยจิตใต้สำนึกประหลาดใจเลย
ไป๋ยี่เฟยเห็นสีหน้าของเขา อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เถ้าแก่ลู่เคยเห็นหรือ?”
ลู่หย่วนส่ายหัวทันที “ไม่ ไม่เคยเห็นมาก่อน……”
พูดจบก็อุทานด้วยความตื่นตะลึงพูดอีกว่า “เถ้าแก่ไป๋ช่างไม่เหมือนคนทั่วไปจริงๆ ผู้หญิงทั้งสองนี้ดูดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาก่อน”
ได้ยินคำพูดนี้ ไป๋ยี่เฟยมีความผิดหวังเล็กน้อย เขายังคิดว่าลู่หย่วนเคยเห็นหลิวเสี่ยวอิงมาก่อน
ภายใต้ความจนใจ ไป๋ยี่เฟยพูดถึงข่าวที่ได้ยินจากร้านอาหารก่อนหน้านี้ หัวเราะขมๆเสียงหนึ่ง “ผมหวาดกลัวว่าในหลันจูมีเธออยู่จริงๆ แต่ผมไม่หวังว่าเธอจะอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่น เพียงได้แต่ไปดูก่อน”
ลู่หย่วนเห็นสภาพคิดแล้วคิดอีกพูดว่า “เถ้าแก่ไป๋ เห็นท่านดูเหมือนไม่ได้พักผ่อนมากนัก ห่างจากการประมูลของเย็นนี้ยังมีช่วงเวลาหนึ่ง เถ้าแก่ไป๋ไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนเถอะ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดพยักหน้าต่อๆกัน เขาจะต้องพักผ่อนให้ดีๆจริงๆ
จากนั้นลู่หย่วนพาไป๋ยี่เฟยไปลานบ้านเล็กๆอีกแห่งหนึ่ง
ลานบ้านแห่งนี้ก็ทันสมัยกว่า เพราะว่ามันคือคฤหาสน์ขนาดเล็กหลังหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ก็สามารถมองออกว่าลู่หย่วนทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆอยู่หลันเต่าได้ดี
แต่ถึงแม้ว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องใช้ทองคำก้อนใหญ่ๆ สุดความสามารถส่งลูกสาวออกไปให้ได้
เห็นได้ชัดมาก ถึงแม้ว่าทำมาหาเลี้ยงชีพให้รอดไปวันๆอยู่หลันเต่าได้ดี ไม่มีอำนาจอิทธิพล ถึงแม้มีเงินก็ไม่มีประโยชน์
ลู่หย่วนก็คือเป็นคนแบบนี้ เขามีเงิน แต่ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตดีกว่าเล็กน้อยอยู่หลันเต่าเท่านั้น
ไป๋ยี่เฟยถูกจัดวางอยู่ในห้องรับแขกในนั้นห้องหนึ่ง หลังจากเข้าไปแล้วนอนอยู่บนเตียง กลับยังไงก็นอนไม่หลับ
เขาคิดตลอดเวลาว่าตอนบ่ายวันนั้นตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลิวเสี่ยวอิงทำไมออกไปล่ะ?
หรือว่าเขาทำเรื่องที่เกินควรมากล่ะ?
อย่างเช่นทำให้เธอ……
ไป๋ยี่เฟยนึกถึงที่นี่ อยู่ดีๆหวาดกลัวขึ้นมา เขาไม่กล้าคิดต่อไปอีกแล้ว
จากนั้นความคิดของเขาหมุนไปอีกด้านหนึ่ง ถ้าหากว่าหลิวเสี่ยวอิงตกอยู่ในมือของคุณชายน้อยตระกูลหงจริงๆ งั้นเธอจะประสบอะไรหรือ?
อยู่ในเขตที่สี่ ผู้หญิงก็คือของเล่น เกรงว่าหลิวเสี่ยวอิงจะรอดกลับมายาก
แต่ตัวเขาเองล่ะ ถึงแม้ว่าพบเจอกับหลิวเสี่ยวอิงจริงๆ แต่หากว่าเธอมีอันตราย ข้างกายมีคนมากมายจะทำยังไงดีล่ะ?
ร่างกายของเขาในตอนนี้อ่อนแอมาก แรงล้วนไม่มีเท่าไหร่ จะสู้กับคนอื่นได้ยังไงหรือ? ไป๋ยี่เฟยคิดนี่คิดโน้น ในระหว่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงขนาดหลับไปแล้ว
……
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ส่งเสียงเคาะประตูมาพักหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยเอ้อระเหยตื่นขึ้นมา จากนั้นลุกขึ้นไปเปิดประตู พบเห็นคนที่เคาะประตูคือลู่เหมียวเหมียว
ลู่เหมียวเหมียวเพียงจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที จากนั้นก็รู้สึกเขินก้มหัวลง เสียงเบามากพูดว่า “นายไป๋ พ่อของฉันให้ฉันมาเรียกท่านไปกินข้าวเย็น หลังจากกินเสร็จจะได้ทันตลาดโต้รุ่ง”
ไป๋ยี่เฟยก้มหัว จ้องมองสาวน้อยคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าตนเอง
เขามีความอยากรู้อยากเห็นจริงๆ เพราะว่าหน้าตาลู่เหมียวเหมียวกับหลี่เสว่เหมือนกันมาก โดยเฉพาะบุคลิกที่ดีบนกาย
ลู่เหมียวเหมียวถูกไป๋ยี่เฟยจ้องมองอย่างนี้ ทันทีใบหน้าก็แดงขึ้นเลย รู้สึกเขินหมุนตัววิ่งออกไป
ไป๋ยี่เฟย “…….”
……
อาหารเย็นของพวกเขาไม่ได้กินอยู่ที่ร้านอาหาร แต่อยู่ในศาลาแห่งนั้นในตอนกลางวัน
อีกทั้ง นอกจากลู่หย่วนกับลู่เหมียวเหมียวยังมีอีกสองคน
คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าปี หน้าตาธรรมดา แต่รูปร่างดีมาก ยังมีอีกคนหนึ่งก็คือเด็กผู้ชายที่เพิ่งอายุโดยประมาณสิบห้าปี
ลู่หย่วนแนะนำพูดว่า “นี่เป็นภรรยาของผม นี่เป็นลู่หยางลูกชายของผม”
ตอนที่ลู่หย่วนแนะนำภรรยาของเขาไม่ได้พูดถึงชื่อเลย อาจจะเนื่องเพราะผู้หญิงที่อยู่ในเขตที่สี่ไม่มีสิทธิมนุษยชน นี่ก็เหมือนดั่งอยู่ในสังคมศักดินานิยมในสมัยโบราณ
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าทีละคน ทำการทักทาย
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปยังลู่เหมียวเหมียว ลู่เหมียวเหมียวก้มหัวอยู่ สีหน้าแดงนิดๆ
ลู่หย่วนพบเห็นแล้ว คิดแล้วคิดอีก จากนั้นถามไป๋ยี่เฟยว่า “มีคำถามหนึ่งอยากจะถามเถ้าแก่ไป๋ ไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่ควรถามล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆว่า “มีคำถามอะไรก็ถามเถอะ?”
ดังนั้นลู่หย่วนถามว่า “ไม่รู้ว่าเถ้าแก่ไป๋แต่งงานหรือยังล่ะ?”
“แต่งงานแล้ว อีกทั้งเพิ่งตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้ไม่นาน” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน
ลู่หย่วนได้ยินคำพูดนี้ดูเหมือนสีหน้ามีความผิดหวังเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานก็เก็บอาการออกมาแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ ลู่หย่วนไม่ได้พาไป๋ยี่เฟยไปตลาดโต้รุ่งด้วยตนเอง แต่ให้ลู่หยางลูกชายของเขาพาเขาไป
เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึง ครั้งนี้ไปตลาดโต้รุ่งจะก่อเรื่องยุ่งยากใหญ่เสียดฟ้า
…….
ก่อนที่ยังไม่ได้เห็นตลาดโต้รุ่ง ภาพแห่งความทรงจำที่ไป๋ยี่เฟยมีต่อมัน น่าจะก็เหมือนดั่งซอยที่ให้คนออกมาขายของตอนกลางคืนแบบนั้นที่อยู่บนถนนใหญ่
แต่หลังจากมองเห็นแล้ว เขาจึงพบเห็น ตลาดโต้รุ่งที่นี่ล้วนไม่เหมือนกันเลย
เหมือนกันเป็นซอยสองข้างจัดวางเต็มไปด้วยสินค้าต่างๆนานา แต่ไม่ใช่อย่างที่คนจินตนาการแบบนั้นเลย เสื้อผ้าถุงเท้าของใช้ประจำวันที่เป็นสินค้าข้างถนนที่ถูกๆอะไรต่างๆ
แต่เป็นยาที่แปลกประหลาดหายากต่างๆนานา ทั้งยังให้บอดี้การ์ดยืนเป็นแถว ข้างหน้าบอดี้การ์ดแต่ละคนล้วนมีป้ายอันหนึ่งเป็นราคาขายกับเช่าของพวกเขา
อีกทั้งยังมีผู้หญิงที่สวมใส่เปิดโล่ง แต่งหน้าเข้ม ยืนอยู่ที่นั่นเรียกลูกค้า
เพราะว่าเงินตราของหลันเต่าคือทองคำ แต่ว่าทองคำที่นี่ก็ไม่ให้ทุกคนล้วนมีมากมายขนาดนั้น ดังนั้นพวกผู้หญิงเหล่านั้นเพียงแค่ได้เห็นทองคำขนาดใหญ่เท่าถั่วแดง ก็ตามคนไปโดยตรงแล้ว
ด้วยเหตุนี้ อยู่ที่นี่ง่ายมากที่จะแยกแยะคนประเภทไหนมีเงิน คนประเภทไหนไม่มีเงิน
คนที่มีเงินมักจะพกทองคำไว้ติดตัว อีกทั้งพกทองคำยิ่งมาก งั้นก็ยิ่งมีเงิน
งั้นย่อมมีคนอยากจะถามว่า พกทองคำอย่างโจ่งแจ้งอย่างนี้ ก็ไม่กลัวคนอื่นมาแย่งหรือ?
ไม่กลัวแน่นอน
เพราะว่าตลาดโต้รุ่งคือตระกูลหงมาบริหารล่ะ ถ้าหากว่ามีคนกล้ามาแย่งทองคำ หรือว่าขโมยหลังจากถูกจับจะถูกตีจนตายโดยตรง
ตอนที่ลู่หยางกับไป๋ยี่เฟยไปถึงตลาดโต้รุ่ง มีคนมากมายแล้ว ไปๆมาๆล้วนเป็นคน
ไป๋ยี่เฟยมองเห็นสินค้าต่างๆนานาอุทานด้วยความตื่นตะลึงเหลือเกิน
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยก็เพียงแค่เดินด้วยมองด้วย ไม่มีความสนใจที่จะมองสิ่งเหล่านั้นจริงๆเลย เพราะว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือจะไปดูว่าหลันจูมีหลิวเสี่ยวอิงหรือไม่
ไป๋ยี่เฟยให้ลู่หยางพาเขาไปหลันจูโดยตรง
ตอนที่อยู่ระหว่างทางอยู่ดีๆลู่หยางถามไป๋ยี่เฟยว่า “เถ้าแก่ไป๋ ท่านรู้สึกว่าพี่สองของผมหน้าตาเป็นยังไงล่ะ?”
“สวยมาก” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับอย่างสัตย์ซื่อ
ลู่หยางถามอีกว่า “งั้นเถ้าแก่ไป๋อยากจะแต่งกับพี่สองของผมไหม?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักหนึ่งที จากนั้นส่ายหัวทันทีพูดว่า “ผมแต่งงานแล้ว”
ลู่หยางกลับไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังมีความแปลกใจกับคำพูดของไป๋ยี่เฟยเล็กน้อย “นี่ไม่เป็นไรล่ะ มีเงินจะแต่งภรรยากี่คนก็ได้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มขมส่ายหัว
หลันเต่าเป็นสถานที่ที่ประเทศดูแลไม่ถึง ที่นี่ไม่มีกฎหมาย มีเพียงแต่เงินทองกับอำนาจอิทธิพล ดังนั้น ทัศนคติบางอย่างของที่นี่ไม่เหมือนกับภายนอก
ลู่หย่วนบอกว่าเขาเป็นคนที่มาหลันเต่าเร็วที่สุดในชุดนั้น งั้นด้วยเหตุนี้สามารถคาดเดาได้ว่า เหมือนดั่งลู่หยางแบบนี้ น่าจะเกิดอยู่หลันเต่าโดยตรง
ดังนั้นเขาจึงมีทัศนคติแบบนี้ คิดว่าเพียงมีเงิน มีอำนาจอิทธิพล อยากจะมีผู้หญิงมากเท่าไหร่ก็จะมีผู้หญิงมากเท่านั้น
ก็เหมือนดั่งคนเกิดอยู่สังคมศักดินานิยมโดยตรง
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับเขายังดี ถึงยังไงคุณเล่าสังคมกฎหมายของแผ่นดินใหญ่ฝั่งโน้นให้เขาฟัง เขาก็ไม่รู้ อีกทั้งไม่เข้าใจเช่นกัน
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยพูดได้เพียงว่า “ใจจริงมอบให้กับคนเดียวก็พอแล้ว ผมไม่ได้ใจโลภขนาดนั้น”
แท้ที่จริงคนล้วนเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว
ตนเป็นผู้ชาย คุณอยากมีผู้หญิงมากเท่าไหร่ นี่สามารถเข้าใจได้ แต่ใจจริงของคุณมีจำกัด คุณให้ได้แต่เพียงคนเดียว แต่ผู้หญิงล่ะ ก็เช่นกัน