ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 828
“หรือว่าไม่ใช่เหรอ?” ล่ายเคอ พูดเสียงเย็นชา “ทำไม? พวกคุณจึงชอบรนหาที่ตาย?”
ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะพูดขึ้นเบา ๆว่า: “ในเมื่อพวกเรากล้าที่จะลงมือ แน่นอนต้องเตรียมการไว้พร้อมแล้ว”
“งั้นคุณลองพูดมาดูสิ พวกคุณวางแผนจะทำยังไง?” ล่ายเคอ ถามกลับด้วยท่าทีสนใจ
หลังจากเขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นขึ้น
“ตึ่ง!”
หัวลู่หยางฟาดกับโต๊ะ สลบไปในทันที
จากนั้นลู่เหมียวเหมียวก็หมดสติตามมาด้วยอีกคน หน้าฟุ๊บอยู่บนโต๊ะ
ล่ายเคอ รีบตอบสนองกลับทันที “เชี่ย! พวกแกวางยาพิษ!”
เขาเริ่มขยับตัว ก็รู้สึกว่าร่างกายมีบางอย่างผิดปกติ เหงื่อออกและไร้เรี่ยวแรง สายตาพร่ามัว
ชายวัยกลางคนเห็นสภาพเช่นนี้ หัวเราะเสียงดังด้วยท่าทีย่ามใจ “ใช่แล้ว รู้ดีว่าพวกเราสู้แกไม่ได้ แน่นอนต้องวางยาพิษ แกคิดว่าพวกเราจะโง่เหมือนแกเหรอ กล้าที่จะต่อกรโดยที่ไม่ดูกำลังตัวเองบ้าง!”
“ขอบอกกับพวกแกตามตรง พิษนี้ค่อนข้างรุนแรง รับรองว่าพวกแกจะหลับไปสามวันสามคืน!”
“ถึงเวลานั้น แกคงจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
หลังสิ้นสุดคำพูดของเขา ไป๋ยี่เฟย ก็ยืนขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงจนหนทางว่า: “มีคน ต้องการรนหาที่ตาย ฉันก็จนปัญญา”
ได้ยินคำพูดนี้ คนในเหตุการณ์ต่างก็ตกใจเล็กน้อย
จากนั้นชายวัยกลางคน ยิ้มเยาะขึ้นและพูดว่า “เด็กน้อย ถึงตอนนี้แล้ว ยังกล้าที่จะดัดจริตอีกเหรอ มีความจำเป็นด้วยเหรอ?”
“อาหารเหล่านี้ พวกเราเห็นแกกินกับตา แกก็ต้องถูกพิษเช่นกัน หากแกไม่ถูกพิษ แล้วจะยังไง?”
“นายท่านเต้าจ่าง บอกว่าในจำนวนพวกแกไม่กี่คน มีคนหนึ่งที่เป็นยอดฝีมือระดับที่สอง ส่วนคนอื่นนั้นไม่ได้พูดถึง แน่นอนว่า แกคงจะไม่มีกำลังอะไรมากมายนัก พวกเรามีคนมากกว่า คิดว่าเราจะกลัวแกเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟย ได้ยินคำพูดนี้ ก็เข้าใจได้ทันที เต้าจ่าง ตั้งใจที่จะปิดบังความสามารถของตนเอง เพื่อให้ตนเองกับหมายเลขสาม ไปเป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว
อีกทั้งอาหารเหล่านี้ เขาก็กินเข้าไปเช่นกัน ……
มองดูคนพวกนี้พูดขึ้นเบา ๆว่า: “พวกแกทั้งหมด ฟังคำพูดของฉันไว้ให้ดีๆ รีบมุ่งหน้าไปที่หลันเต่า ฉันก็ถือเสียว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
พูดจบ เสียงหัวเราะดังสนั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
“ฟังน้ำเสียงนี้ คงจะไม่คิดว่าพวกเราจะตกใจกลัวนะ!”
“ใช่! น่าตกใจกลัวมากจังเลยนะ?”
“ใจกล้าไม่เบาเลยนะ!”
ต่อมา ในเวลานั้นเอง
เส้นผมของไป๋ยี่เฟยจู่ ๆก็เปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงตาทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเช่นนี้ เสียงหัวเราะของคนเหล่านั้น ก็เริ่มที่จะนิ่งไปในทันที จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยจนแต่ละคนพูดไม่เป็นประโยค
ชายวัยกลางคนเบิกสองตาโพลง จ้องมองไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้าตกตะลึง “แก! นี่แก! แกเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย? ถูกพิษไม่เป็นถึงขนาดนี้?”
คนอื่นได้ยินคำพูดเหมือนจะเข้าใจ แต่มีบางคนยังรู้สึกว่าผิดปกติ
“อย่างนี้…… ไม่เหมือนกับถูกผิดนะ?”
หลังจากนั้น ความจริงก็ได้บอกกับพวกเขาว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น
เห็นแต่เพียงไป๋ยี่เฟย ก้มตัวลง ส่งเสียงดัง “อ๊าก” ขย้อนอาหารที่กินเมื่อครู่ออกจนหมด
ทุกคนต่างก็มองตาค้าง
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟย อ๊วกอาหารออกมาจนหมด ใช้กระดาษที่อยู่บนโต๊ะอาหารเช็ดปาก จากนั้นพูดเบาๆว่า: “ฉันชื่อไป๋ยี่เฟย”
“อ๋า?” ชายวัยกลางคนสะดุ้งเล็กน้อยและขมวดคิ้ว เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างมาก เหมือนได้ยินใครพูดจากที่ไหน
ไป๋ยี่เฟย ยังพูดต่ออีกว่า: “ฉันเคยฆ่ามาแล้วคนหนึ่ง มีชื่อว่าจ้าวเทียน”
สิ้นเสียงคำพูด ชายวัยกลางคน เบิกตาทั้งสอง ตัวสั่นเทามือชี้หน้าไป๋ยี่เฟย
ส่วนคนที่เหลือ ก็ตกใจกลัว
มิน่าล่ะ ชื่อนี้คุ้นหูมาก
ครั้งนั้น จ้าวเทียนก็ถูกคนชื่อไป๋ยี่เฟยคนนี้สังหารจริง ๆ อีกครั้งไป๋ยี่เฟย ยังสังหารคนตระกูลจ้าวไปอีกหลายคน รวมถึงลูกศิษย์ของเต้าจ่างอีกสองคนด้วย
อีกทั้ง ยังออกจากเกาะหลันเต่าได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม่แต่น้อย!
สีหน้าของชายวัยกลางคน เปลี่ยนในทันที เขารู้สึกได้ว่าไป๋ยี่เฟยคนนี้จะต้องระมัดระวังและรอบคอบมากกว่าล่ายเคอ
เขาไม่พูดอะไรให้มากความ โบกมือและพูดว่า: “จัดการมัน ฆ่ามัน!”
จากนั้น คนจำนวนยี่สิบกว่าคนพุ่งเข้าใส่ไป๋ยี่เฟย
หลังจากที่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนฆ่าจ้าวเทียนแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือ สังหารไป๋ยี่เฟยให้ได้
ยังไงแล้วพวกเขาก็เป็นคนของตระกูลจ้าว การสังหารไป๋ยี่เฟย ก็เท่ากับการแก้แค้นให้จ้าวเทียน ถึงเวลานั้นความดีความชอบของเขาก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก!
ในกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามา ไป๋ยี่เฟยเห็นคนแรกที่เข้ามาได้อย่างชัดเจน ใช้หมัดซัดออกไป ต่อยไปโดนที่ข้อมือของเขา
“ตึ่ง!”
คนนั้นลอยกระเด็นไปทันที ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
ชายคนนั้น กระเด็นไปติดกับฝาผนัง เรือทั้งลำสั่นคลอนไปชั่วขณะ อย่างนี้แสดงให้เห็นว่า พลังที่ซัดออกมารุนแรงยิ่งนัก!
ต่อมา ไป๋ยี่เฟยหยิบตะเกียบบนโต๊ะขึ้นมาทำเป็นอาวุธขว้างตะเกียบพุ่งเข้าใส่
ในเวลานั้นเอง ไป๋ยี่เฟยรู้สึกได้ถึงอันตราย รีบเบี่ยงตัว เอียงหัวเพื่อหลบฉาก
“ปั้ง!”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด กระสุนปืนพุ่งเฉียดหูของไป๋ยี่เฟยไปพอดิบพอดี จากนั้นก็พุ่งไปโดนคนคนหนึ่งที่พุ่งมาจากทางด้านหลัง คนนั้นล้มไปกองกับพื้นแน่นิ่ง
เฉินอ้าวเจียวเคยพูดไว้ ยิ่งมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้น ความว่องไวต่ออันตรายยิ่งมากขึ้น ดังนั้นเมื่อขณะที่ปากกระบอกปืนเล็งมาที่เขา เขาก็รู้สึกได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงหลบหลีกได้โดยสัญชาตญาณ
จากนั้นไป๋ยี่เฟย หันหลังไป ใช้ดวงตาแดงฉานทั้งสองจ้องไปที่คนยิงปืน
คนนั้นตกใจมองตาค้าง
เชี่ยอะไรวะหลบได้!
นี่มันลูกปืนนะ!
หลบลูกกระสุนได้ด้วยเหรอ!
หลังจากคนนั้นตกใจอยู่ประเดี๋ยวเดียว เตรียมที่จะยิงออกมาเป็นนัดที่สอง แต่ครั้งนี้เป็นการยิงด้วยท่าที่ตื่นตระหนก ดังนั้นเขายังไม่ทันได้สับไกปืน ไป๋ยี่เฟยก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ต่อมาไป๋ยี่เฟย ยื่นมือออกไปจับข้อมือคนนั้นไว้แน่น ใช้แรงบิด
จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังกรอบ นั่นก็คือเสียงของกระดูกที่หัก
“โอ้ย!”
คุณนั่นร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด ร่างกายโค้งงอเพราะความเจ็บปวด
ไป๋ยี่เฟยแย่งปืนมาจากมือเขา จากนั้นโยนออกไปนอกหน้าต่าง
ไป๋ยี่เฟยทำให้สองคนนั้นตกใจมาก ไม่กล้าที่จะยิงปืนอีก มิหนำซ้ำคนหนึ่งในนั้นรีบโยนปืนออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อแสดงท่าทางว่าเขานั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย
อีกคนหนึ่งเห็นอย่างนั้น ก็โยนปืนทิ้งเช่นกัน
ส่วนคนอื่น ตกใจไป๋ยี่เฟยมาก ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือก่อน
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยจึงหันไปมองชายวัยกลางคนคนนั้น จากนั้นค่อย ๆเดินทีละก้าวทีละก้าวไปหาเขา
ชายวัยกลางคนตกใจจนหน้าถอดสี ขาอ่อนปวกเปียก มองเห็นไป๋ยี่เฟย เดินเข้ามาพลันคุกเข่าลงบนพื้นทันที พูดจาอ้ำอึ้ง: “พี่ใหญ่…… ไว้ชีวิตด้วย! พี่ใหญ่…… ไว้ชีวิตด้วย!”
พูดพลางพร้อมกับโขกศีรษะไปพลาง
คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ ก็ทำเช่นกันคุกเข่าลงโขกศีรษะร้องขอชีวิต
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว สีของเส้นผมก็กลับมาเป็นปกติ สีของดวงตาทั้งสองข้างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ไป๋ยี่เฟย คาดเดาได้แต่แรกอยู่แล้วว่าพวกเขา จะต้องวางยาพิษในอาหาร ในขณะเดียวกันก็ยังรู้อีกว่า พวกเขาไม่มีทางที่จะวางยาพิษที่ทำให้ถึงชีวิต ยังไงแล้วจับเป็นมีข้อดีกว่าจับตายมาก!
และมีสิ่งที่เขายังไม่พูด สาเหตุที่เขาสามารถรับมือเหตุการณ์ จำพวกนี้ก็เพราะว่าเขาเคยได้สัมผัสเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเมื่อครั้งที่อยู่ที่คลังสินค้าของตระกูลหง เคยผ่านการถูกการวางยาพิษมาก่อน
ในเวลานั้นเขายังไม่มีประสบการณ์และสติสัมปชัญญะเพียงพอ ดังนั้นจึงไม่รู้ล่วงหน้า แต่ครั้งนี้ ภายใต้ความสามารถของเขาเช่นนี้ อีกทั้งได้เคยผ่าน ประสบการณ์การถูกวางยาพิษมาก่อน