ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 845
มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เต้าจ่างได้พ่ายแพ้ไปแล้ว และถูกฉินหัวนำตัวไป เขาจะถูกส่งต่อไปยังรัฐในอนาคต และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเต้าจ่างจะต้องถูกจำคุกอย่างถาวร หรือถูกตัดสินประหารชีวิตโดยตรงอย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น ปล่อยให้เต้าจ่างมาฆ่าฉุงลี่หย่าทิ้ง มันก็จะไม่มีใครยืนยันได้อีกแล้ว
ฉางเชี่ยวกล่าวว่า “เหตุผลที่ไป๋ยี่เฟยส่งคุณมาตรงหน้าของผม ก็เท่ากับบอกผมว่า เห็นแก่หน้าของผม เขาจะไว้ชีวิตคุณสักครั้ง”
“ว้าว……..”
ฉุงลี่หย่าร้องไห้อย่างเสียงดังออกมาทันที
ในเวลานี้เธอรู้สึกน้อยใจและไม่สบายใจอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงปล่อยตัวเองเข้าไปในอ้อมกอดของฉางเชี่ยวโดยตรง และพูดขณะที่ร้องไห้ว่า “พี่ฉางเชี่ยว ทำไมเหรอ? ฉันแค่อยากจะแก้แค้นให้พี่ชายของฉันเท่านั้นเอง แต่ฉันทำไม่ได้!”
“ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้? แม้แต่เต้าจ่างก็พ่ายแพ้ไปแล้ว พี่ฉางเชี่ยว ฉันทำไม่ได้!”
ตั้งแต่ยังเป็นเด็กฉุงโยวเวยและฉางเชี่ยวก็เป็นเพื่อนกัน ดังนั้นฉางเชี่ยวก็จะไปเที่ยวหาฉุงโยวเวยที่ตระกูลฉุงเป็นประจำ และฉุงลี่หย่ายังเด็กมาก และเธอก็ชอบที่จะเล่นกับพวกเขาอยู่ข้างๆ
ไม่ว่าจะเป็นฉางเชี่ยว หรือฉุงโยวเวย พวกเขาต่างก็รักน้องสาวตัวน้อยคนนี้มาก
ในเวลานั้นฉุงลี่หย่าตัวน้อยยังได้พูดว่า “เมื่อฉันโตขึ้นแล้วฉันจะแต่งงานกับพี่ฉางเชี่ยว”
ตามคำพูดที่เธอพูดเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ตอนนี้เธอก็ยังคงอยากจะแต่งงานกับพี่ฉางเชี่ยวของเธอเหมือนเดิม
ในเวลานั้นเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างฉางเชี่ยวและฉุงโยวเวย และบวกกับความสามารถของฉางเชี่ยวนั้นแข็งแกร่งเพียงพอ ฉุงเฉ่าเจว๋ก็ต้องเห็นด้วยตามธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้หมั้นกันไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งชีวิตของคนเรามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น
เนื่องจากความคับแค้นระหว่างฉุงโยวเวยและไป๋ยี่เฟยจึงส่งผลกระทบต่อพวกเขา ทำให้คนสองคนที่ควรจะเป็นครอบครัวเดียวแยกทางกันไป
แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่า พวกเขาต่างฝ่ายก็ยังมีกันและกันอยู่ในใจของตัวเอง
เมื่อมองดูไปที่ฉุงลี่หย่าที่ร้องไห้อย่างน้อยใจขนาดนั้น ฉางเชี่ยวอดไม่ได้ที่จะกอดเธอไว้อย่างเบาๆ และปลอบโยนเธอว่า “ลี่หย่าเด็กดี มีผมอยู่ ไม่มีใครทำร้ายคุณได้หรอก”
แต่คนเราก็จะแปลกเช่นนี้ ยิ่งมีคนเกลี้ยกล่อมคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งอยากจะร้องไห้รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
ฉุงลี่หย่าไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน ร้องไห้จนถึงตอนท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาจนแห้งไปหมดแล้ว และเสื้อของฉางเชี่ยวก็เปียกไปจำนวนมาก
รอให้ฉุงลี่หย่าค่อยๆ สงบลงแล้ว ฉางเชี่ยวถึงกล่าวขึ้นมาว่า “ลี่หย่า คุณอยู่เคียงข้างผมไปก่อน ไม่ต้องกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว จะแก้แค้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะมีคนจำนวนมากเกินไปที่มุ่งเป้าไปที่ไป๋ยี่เฟย”
“ในเรื่องนี้มันก็เหมือนกับการเข้าไปเล่นในน้ำขุ่น ไม่มีใครรู้ว่าปลายังเหลืออยู่กี่ตัวที่อยู่ในนั้น เมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันแล้ว ก็จะถอนตัวออกมาได้ยาก และก็จะไม่มีจุดจบที่ดีอีกด้วย”
ในที่สุดฉุงลี่หย่าก็เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมกอดของฉางเชี่ยว และถามเขาว่า “ทำไมเหรอ?”
ฉางเชี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เรื่องบางเรื่องผมไม่สามารถพูดได้ ผมบอกคุณได้เพียงว่า อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับในเรื่องพวกนี้อีกแล้ว คุณก็โทรไปบอกกับลุงฉุงด้วย ให้เขารีบถอนตัวออกให้เร็วที่สุด”
“เพราะในคราวนี้ เรื่องมันได้บานปลายถึงระดับประเทศไปแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นโดนจัดการขึ้นมา ก็จะไม่มีใครปกป้องไว้ได้”
ฉุงลี่หย่าตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ระดับประเทศงั้นเหรอ?”
ในประเทศจีนทั้งประเทศ ไม่ว่าตระกูลของคุณจะแข็งแกร่งมากเพียงใด หรือความสามารถส่วนตัวของคุณจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เมื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเทศแล้ว ก็จะถอนตัวได้ยากแล้ว
ในเวลานี้ ลูกน้องของฉางเชี่ยวคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาอย่างกะทันหันและตะโกนว่า “เจ้านาย แย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ฉางเชี่ยวปล่อยตัวฉุงลี่หย่าทันทีและหันกลับไปถามว่า “เต้าจ่างพ่ายแพ้ไปแล้ว ยังจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีอีก?”
คนที่อยู่ข้างหน้าเขาชื่อว่าหรั่นซิน ซึ่งเป็นผู้ติดตามฉางเชี่ยวมาเป็นเวลานานที่สุด เขาหอบและพูดพร้อมว่า “ทางด้านเหลยหมิงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น!”
ฉางเชี่ยวรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
……..
ฉางเชี่ยวและคนอื่นๆ ขึ้นรถบรรทุกขนาดใหญ่และมาถึงที่บ้านใหญ่ตระกูลจ้าวในเขตสาม
หลังจากที่ฉางเชี่ยวพาฉุงลี่หย่าและลูกน้องอีกสองคนที่เหลือลงจากรถ พวกเขาก็ต้องตกตะลึงไปกับฉากที่อยู่ตรงหน้า
ศพที่นอนระเนนระนาดเต็มทั่วพื้น และเลือดก็ไหลเต็มไปหมด
ดูจากเสื้อผ้าการแต่งกายของพวกเขาแล้ว ศพส่วนใหญ่เป็นผู้คนธรรมดาทั่วไป
และไม่มีใครเดินเข้าออกอยู่บนถนนเลย
ที่ประตูบ้านใหญ่ตระกูลจ้าวมีชายที่เปื้อนเลือดคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ที่นั่น มันก็คือเหลยหมิงที่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่งนั่นเอง หลังจากเห็นหน้าฉางเชี่ยวเขาก็ก้มศีรษะลงและยอมรับความผิด “เจ้านาย ผมขอโทษ!”
เมื่อเห็นเขาฉางเชี่ยวก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ฉางเชี่ยวดึงตัวเหลยหมิงขึ้นมา แล้วถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ด้วยความรู้สึกผิดในสายตาของเหลยหมิง เขาพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่นว่า “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้ พวกเขาบ้าไปหมดแล้ว”
“แต่เดิมคนพวกนี้ยังอยู่อย่างดีๆ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ พวกเขาก็เหมือนคนบ้าและวิ่งหนีไปรอบๆ พวกเขายังบอกด้วยว่าเราจะสังหารหมู่ในเมือง และจะฆ่าทุกคนให้หมด ผม……..”
เมื่อฉางเชี่ยวได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไร เสียงของรถบรรทุกอีกสองคันก็ดังขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน รถบรรทุกสองคันก็หยุดอยู่ที่หน้าบ้านใหญ่ตระกูลจ้าว
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ลงจากรถ และเดินไปที่ด้านหน้าของเหลยหมิงและฉางเชี่ยวด้วยสีหน้าที่มืดมน
ฉางเชี่ยวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าไป๋ยี่เฟย “ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้? คุณไม่ไปจัดการแผลของคุณก่อนเหรอ?”
ในเวลานี้จางหัวปินก็เดินตามเข้ามา และเมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้เขาก็ตอบก่อนว่า “เดิมทีนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้ว แต่ได้ยินว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ที่นี่ จึงรีบมาโดยไม่สนใจอะไรเลย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉางเชี่ยวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ผมสามารถจัดการได้”
ไป๋ยี่เฟยถามอย่างเย็นชาว่า “คุณจะจัดการยังไงหรือ?”
สีหน้าของฉางเชี่ยวดูตกใจเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยเลื่อนสายตาจ้องมองไปที่เหลยหมิง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าให้โอกาสแก่เขาแสดงฝีมือการทำงานสักครั้ง ผมเชื่อฟังคุณ และปล่อยให้เขาเป็นผู้นำทีม แต่ผลลัพธ์มันเป็นยังไงล่ะ?”
ฉางเชี่ยวอยากจะอธิบายแทนเหลยหมิงสักหน่อย “แต่ในเรื่องนี้ใครก็ตามมันก็จะ…….”
ก่อนที่ฉางเชี่ยวจะพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เตะเข้าไปด้วยขา และเหลยหมิงก็ถูกเตะล้มลงกับพื้น
“ไป๋ยี่เฟย!” เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉางเชี่ยวก็เริ่มวิตกกังวลในทันที
ไป๋ยี่เฟยก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา ชี้ไปที่เหลยหมิงและตะโกนด่าด้วยเสียงดังว่า “แม่งก็เพราะว่าเขาข่มขืนสาวน้อย และทำให้เกิดความขุ่นเคืองในฝุงชน ผู้คนวิ่งหนีอย่างกระจัดกระจาย แม่งก็หยิบมีดขึ้นมาฆ่าคนโดยตรง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉางเชี่ยวก็มองไปที่เหลยหมิงด้วยความประหลาดใจ
“คุณลองไปดูซากศพที่เต็มไปทั่วท้องถนน แล้วถามเขาดู รู้ว่าตัวเองฆ่าคนไปจำนวนเท่าไหร่หรือไม่?”
“มึงลองดูดีๆ อีกทีสิ นี่แม่งยังเป็นเขตที่สามหรือไม่? ตอนนี้แม่งกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว!”
“แม่งเอ๊ย วันนี้กูจะต้องฆ่าเขาทิ้งให้ได้!”
เมื่อเหลยหมิงได้ยินคำพูดนี้เขาก็รีบคลานเข้าไปหาฉางเชี่ยว กอดขาของเขา และกล่าวขอร้องว่า “เจ้านายช่วยผมด้วย เจ้านาย ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว ช่วยผมด้วย!”
ฉางเชี่ยวกำหมัดแน่น และนิ่งเงียบ
ก่อนที่ไป๋ยี่เฟยจะพูดสิ่งเหล่านี้ เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ในเรื่องที่เขารู้เรื่องทั้งหมดหรั่นซินเป็นคนบอกเขาเอง และหรั่นซินก็จงใจปกปิดบางสิ่งเพื่อเหลยหมิง
หลังจากเงียบไปเป็นเวลานาน ฉางเชี่ยวก็กล่าวว่า “ไป๋ยี่เฟย คุณสงบสติอารมณ์ก่อน แล้วผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวโดยไม่ลังเลและพูดว่า “เขาเป็นคนของคุณ คุณคงลงมือไม่ได้หรอก!”
“อีกอย่างก็คือ ในเมื่อได้จัดทำกฎข้อขึ้นมา งั้นก็ควรปฏิบัติตาม ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ยังมีโอกาสที่จะทำผิดได้อีก ในเมื่อกระทำความผิดไปแล้ว งั้นก็ควรรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมากับสิ่งที่ทำผิดไป”
หลังจากพูดจบไป๋ยี่เฟยก็ตะโกนขึ้นมาว่า “จับตัวเขาไว้เดี๋ยวนี้!”
จากนั้นชายชุดดำสองสามคนก็ก้าวไปข้างหน้าและจับตัวเหลยหมิงไว้ และกำลังจะพาไปขึ้นรถบรรทุก
เหลยหมิงตะโกนในขณะที่เขาดิ้นรน “เจ้านาย! ช่วยผมด้วย! เจ้านาย พี่น้องพวกเราหลายคนติดตามคุณ และก็ได้มอบชีวิตให้กับคุณไปแล้ว เราปฏิบัติต่อคุณอย่างเป็นพี่ใหญ่ แต่เราแค่ไม่ยอมรับไป๋ยี่เฟยเท่านั้น!”
“มีสิทธิ์อะไรถึงต้องเชื่อฟังของไป๋ยี่เฟยทั้งหมด?”
“ไป๋ยี่เฟย มึงเป็นไอ้คนเนรคุณ ไอ้สามของเราก็เสียชีวิตเพราะคุณ และยังมีไอ้สองอีกด้วย คุณบอกว่าเขากบฏเขาก็กบฎงั้นหรือ?”
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เจตนาร้ายของคุณ คุณคิดอยากจะฆ่าทุกคนที่อยู่รอบตัวพี่ใหญ่ของผมทั้งหมด เพื่อที่จะไม่มีใครอยู่รอบตัวเขา!”
“พี่ใหญ่ช่วยผมด้วย อย่าโดนไป๋ยี่เฟยหลอก ไป๋ยี่เฟยเขาอยากจะควบคุมคุณ!”
คำพูดเหล่านี้ของเหลยหมิงอยากจะกระตุ้นให้เกิดความไม่ลงรอยกัน และก็พยายามสู้เพื่อความหวังที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเขาเองอีกด้วย
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง เขาก็ถูกพาตัวขึ้นไปที่รถบรรทุก
ฉางเชี่ยวกำหมัดของเขาแน่นและกัดฟันพูดว่า “ไป๋ยี่เฟย เหลยหมิงก็เป็นคนของผม แม้ว่าเขาจะทำอะไรผิดก็ตาม คนที่จะจัดการกับมันควรจะเป็นผม!”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกผมมาสิ คุณจะจัดการกับมันอย่างไรเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยจ้องไปที่ฉางเชี่ยวและถามว่า
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ชี้ไปที่ซากศพเต็มทั่วพื้นนั่นอีกครั้ง “นี่เรียกว่าทำผิดไปเล็กน้อยเองงั้นหรือ? ในพื้นที่เขตสามทั้งหมด มีประชากรเกือบหกแสนคน ทั้งหมดกลายเป็นผู้ลี้ภัยและหลบหนีออกไป ในเวลาเพียงครึ่งวัน ก็กลายเป็นเมืองร้างแห่งหนึ่งโดยตรง!”
ฉางเชี่ยวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอะไรไม่ออกเลย
เมื่อเห็นเช่นนี้ไป๋ยี่เฟยก็ถ่มน้ำลายอย่างดุเดือดไปทีหนึ่ง และหันหลังขึ้นไปที่รถบรรทุก
หลังจากนั้นไม่นาน คนอื่นๆ ก็ขึ้นไปด้วย และรถบรรทุกก็นำคนออกไปเลย
ฉางเชี่ยวยืนอยู่ที่ประตูและมองดูซากศพเต็มทั่วพื้น จากนั้นก็มองไปยังเมืองที่ว่างเปล่าในระยะไกล และหลับตาลงอย่างอดไม่ได้