ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 848
“พูดซี้ซั้วอะไรกัน!” เฉินห้าวตะโกนก่อนที่ประชาชนเหล่านั้นจะตอบ “มันไม่ถูกต้องเลยแม้แต่น้อย!”
คำพูดเหล่านี้ที่หวังหู่พูดสามารถกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนได้ และทำให้พวกเขาสับสนได้ง่าย หากว่าเขาไม่ยืนออกมาอธิบายอีก ถ้าอย่างนั้นต่อมาก็จะกลายเป็นทางตันที่ไม่รู้จบไปได้
เฉินห้าวตะโกนและพูดทันทีว่า “คุณได้ยินกับหูของคุณเอง หรือเห็นด้วยกับตาของคุณเองที่ว่าเมืองเจาหยางกลายเป็นนรกบนดิน? คุณมีหลักฐานอะไรหรือไม่?”
“หลักฐานงั้นเหรอ?” หวังหู่เยาะเย้ย “ในสายตาของคุณมันคือสวรรค์ แต่ในสายตาของคนอื่นมันก็เป็นนรกชัดๆ ยังจำเป็นจะต้องมีหลักฐานอะไรอีกเหรอ?”
“ผมว่าคุณก็แค่กำลังเล่นลิ้นอยู่!” หวังหู่กล่าวต่อว่า “ก็แค่อยากจะพูดให้พวกเขาสับสนและวางอาวุธลงเท่านั้น และจากนั้นก็เปลี่ยนเขตที่สามให้กลายเป็นนรกไปด้วย!”
เมื่อเฉินห้าวได้ยินคำพูดนี้เขาก็คำรามว่า “มึงพูดไปทั่ว! เมืองเจาหยางของเราไม่ได้เป็นเหมือนที่คุณพูดสักหน่อย!”
“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรที่จะสามารถนำมาพิสูจน์ได้หรือไม่?” หวังหู่ถาม
เฉินห้าวเหลือบมองหวังหู่ จากนั้นก็ชี้ไปที่ผู้คนในชุดดำเหล่านั้นและพูดว่า “พวกเขาก็คือหลักฐาน!”
“แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกเขาเป็นประชาชนที่อยู่ในเมืองเจาหยางทั้งนั้น และตอนนี้พวกเขาเป็นสมาชิกของฝ่ายรัฐบาลของเรา แต่รอให้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นประชาชนคนธรรมดา หลังจากที่พวกเขากลับถึงที่บ้าน พวกเขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”
“เมื่อถึงเวลาต้องไปทำงาน พวกเขาก็สวมใส่ชุดเครื่องแบบอีกครั้ง และกลายเป็นสมาชิกฝ่ายรัฐบาลของเรา และไปเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย”
“สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ในตอนนี้ก็คืองาน ชั่วโมงการทำงานของพวกเขาแบ่งออกเป็นสามส่วน บางส่วนทำงานตอนกลางวันและพักผ่อนตอนกลางคืน และบางส่วนทำงานตอนกลางคืนและพักผ่อนตอนกลางวัน”
“พวกเขาพึ่งพาแรงงานของตนเองเพื่อหารายได้แลกกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ และเวลาที่เหลือก็เป็นอิสระ โดยไม่มีใครไปก้าวก่ายใดๆ เลย”
“พวกเขา ก็คือหลักฐานที่ดีที่สุด!”
ทันทีที่เฉินห้าวพูดจบ ผู้คนในชุดดำที่อยู่ข้างหลังเขาก็พยักหน้า และก็เริ่มพูดขึ้นมา
“ใช่ ผมเคยเป็นคนของตระกูลหงมาก่อน เมื่อตอนที่ตระกูลหงยังอยู่ แต่คนในตระกูลหงไม่ได้ปฏิบัติต่อเราเหมือนเป็นมนุษย์เลย และไม่เคยสนใจชีวิตหรือความเป็นตายของเราเลย”
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว พวกเราที่สละชีวิตในหน้าที่ ก็จะได้รับเงินบำนาญเป็นจำนวนมาก”
“ใช่ๆ งานนี้ก็ได้รับค่าจ้างอีกด้วย และผมสามารถเลี้ยงดูครอบครัวของเราได้ ด้วยเงินเดือนนี้ด้วย”
“พวกคุณไม่เคยไปที่เมืองเจาหยาง มันเหมือนกับเป็นสวรรค์จริงๆ ถ้าพวกคุณไปแล้ว ผมเกรงว่าพวกคุณตงไม่อยากจะออกมาเลย”
รอให้คนพวกนี้พูดจนพอประมาณแล้ว ทุกคนในเขตที่สามที่ถูกล้อมรอบต่างก็เริ่มเปลี่ยนความคิดแล้ว
พวกเขาถูกกดขี่ข่มเหงและเอารัดเอาเปรียบมานานหลายปี แล้วพวกเขาจะไม่โหยหาชีวิตแบบนั้นได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม หวังหู่ก็เยาะเย้ยขึ้นมาอีกครั้งและกล่าวว่า “ให้คนของตัวเองมาพิสูจน์ ใครแม่งจะรู้ว่าสิ่งที่พวกคุณพูดเป็นความจริงหรือไม่?”
“ดังนั้น คุณไม่เชื่อใช่ไหม?” เฉินห้าวถามเขา
หวังหู่ตอบว่า “แน่นอนว่าไม่เชื่อ!”
เฉินห้าวไม่รู้สึกโกรธเลยเมื่อเห็นเช่นนี้ เพียงแค่พยักหน้า จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและเดินเข้าไปหาประชาชน
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็อยากจะถอยหลังไปโดยจิตสำนึก
และหลายคนที่เดินตามหลังเฉินห้าว ก็กลัวว่าเฉินห้าวจะถูกโจมตีจากคนพวกนี้
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เฉินห้าวก็ยืนนิ่ง และยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพูดว่า “คิดว่าในหมู่ของพวกคุณน่าจะมีพวกที่มาจากแผ่นดินใหญ่ น่าจะรู้ว่าสิ่งนี่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ”
“และในโทรศัพท์มือถือมีฟังก์ชันตัวหนึ่งสามารถบันทึกวิดีโอได้ ตอนนี้ผมก็สามารถแสดงให้พวกคุณเห็นว่า นรกบนดินที่พวกคุณพูดถึงนั้นมันมีจริงหรือไม่?”
หลังจากพูดจบเขาก็เปิดวิดีโอขึ้นมา และยกโทรศัพท์ขึ้นแสดงอยู่ตรงหน้าประชาชนโดยตรง
ประชาชนเห็นฉากถนนในเมืองเจาหยางแห่งหนึ่งผ่านโทรศัพท์มือถือของเขา
ถนนที่สะอาดสะอ้าน มีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย และมีเหล่าประชาชนอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจากใจ
ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ของที่นี่มาที่นี่หลังจากก่อตั้งหลันเต่า ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงกับสหพันธ์ธุรกิจ แล้วมาหาเงินทองอยู่ที่นี่
แต่ไม่มีใครคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มาเพื่อหาเงินทอง แต่มาเป็นทาส พวกเขาไม่มีอิสระ ไม่มีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเอง และแม้กระทั่งไม่สามารถออกจากหลันเต่าได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ พวกเขาก็ค่อยๆ ชินกับมัน และคนที่เกิดอยู่บนหลันเต่า ก็มีมุมมองโลกใบนี้อย่างผิดๆ พวกเขาคิดว่าโลกและสังคมก็ควรจะเป็นแบบนี้
แต่เมื่อตอนที่พวกเขาเห็นเมืองเจาหยางที่ไม่เหมือนกัน บรรดาผู้ที่มาจากแผ่นดินใหญ่ก็อดร้องไห้เสียใจไม่ได้ เพราะโลกเดิมมันก็ควรจะเป็นเช่นนี้
นอกจากร้านค้าแล้ว บนถนนในวิดีโอยังมีโรงพยาบาลโดยเฉพาะ สวนสาธารณะ และสถานีขนส่งเฉพาะทางอีกด้วย บางแห่งยังไม่ได้สร้างเสร็จ และบางแห่งก็สร้างเสร็จแล้ว
ผู้คนที่อยู่หน้าโทรศัพท์มือถือต่างตกตะลึงไปเลย
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้หวังหู่ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงตะโกนออกมาทันทีว่า “อย่าถูกพวกเขาหลอกลวง ของพวกนั้นเป็นความเท็จที่พวกเขาปลอมแปลงขึ้นมาเอง มันล้วนเป็นของปลอมทั้งนัน!”
หลังจากเห็นปฏิกิริยาของประชาชน เฉินห้าวสงบลงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเสียงดังว่า “โลกใบนี้ควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดเลย!”
“มันจะจริงหรือไม่จริงเนี่ย คิดว่าในนี้คงจะมีคนรู้เรื่องอยู่บ้าง? ในกลุ่มพวกคุณมีบางคนมาที่หลันเต่าเมื่อคุณยังเป็นวัยรุ่น อายุยี่สิบ สามสิบกว่า แม้ว่าจะผ่านไปยี่สิบปีแล้ว แต่ผมคิดว่าพวกคุณก็ไม่น่าจะลืมหรอกว่า โลกภายนอกมันเป็นอย่างไร”
รูปภาพในวิดีโอสามารถอธิบายได้ทุกอย่าง แม้ว่าคนหนุ่มสาวที่เกิดอยู่บนหลันเต่าจะไม่เชื่อ แต่คนที่เคยอยู่ข้างนอกมา อย่างน้อยพวกเขาก็เห็นด้วย
“ความจริงของเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่? มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณที่จะพูด คุณพูดคนเดียวมันก็ไม่นับ และทุกคนก็มีผลลัพธ์ของตัวเองอยู่ในใจ คุณสามารถทำให้พวกเขาถูกมนต์สะกดได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่คุณคงไม่สามารถทำให้พวกเขาถูกคุณสะกดไปตลอดชีวิตได้!
หวังหู่ไม่พอใจอย่างมากที่ได้ยินคำพูดนี้ เขากัดฟันและอยากจะยืนขึ้น แต่ก็ยังยืนขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทุบพื้นด้วยหมัดของเขาและตะโกนว่า “แล้วแม่งที่พวกมึงโจมตีบ้านใหญ่ตระกูลจ้าวไป และฆ่าคนตามใจชอบมันก็เป็นของปลอมงั้นหรือ?”
เมื่อเฉินห้าวได้ยินคำพูดนี้เขาไม่ได้โต้เถียงเลย แต่พูดกับผู้ที่ตกอยู่ในครุ่นคิดหลังจากดูวิดีโอ “ในเรื่องนี้มันเป็นความจริง พี่ชายของผมบอกว่า นี่เป็นความผิดของพวกเราเอง เป็นเพราะเราไม่ได้ควบคุมคนที่อยู่ภายใต้บัญชาให้ดี เลยทำให้พวกเขาทำตามใจอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด”
“และในครั้งนี้ที่ผมมาที่นี่ ก็เพื่อมาเชิญชวนทุกคนให้กลับไป หลังจากที่พวกคุณกลับไปแล้ว พวกคุณก็จะเห็นด้วยตาของคุณเองว่าเราจะคืนความเป็นธรรมต่อทุกคนอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม พูดมามากขนาดนี้แล้ว และยังแสดงหลักฐานแล้วด้วย แม้กระทั่งเชิญให้พวกเขากลับไป เพื่อที่จะคืนความยุติธรรมแก่พวกเขา แต่คนพวกนี้ก็ยังรู้สึกลังเลอยู่
นี่เป็นทางเลือกที่ยากสำหรับพวกเขา
ความเชื่อและความไม่เชื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งและชีวิตของพวกเขา
หวังหู่ไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงยังคงใช้คำพูดก่อนหน้านี้เพื่อทำให้ทุกคนสับสน และกระตุ้นอารมณ์ของทุกคน
เฉินห้าวมองมาที่เขาและไม่โต้เถียงอีกต่อไป เพียงแค่ปล่อยให้ประชาชนพวกนั้นเลือกเอาเอง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผู้ชายที่ดูเหมือนอายุมากเล็กน้อยกัดฟันและพูดว่า “ผมจะกลับไป!”
หลังจากมีคนแรกที่ยืนออกมาแล้ว คนกลุ่มใหญ่ก็เดินไปข้างหน้าตามทีละคน
“ฉันก็จะกลับเหมือนกัน!”
“ฉันด้วย………”
หลังจากครบรอบดังกล่าวลงมา เกือบทุกคนที่อยู่ในสถานที่ต่างก็เต็มใจที่จะกลับไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังหู่ก็จ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธ และตะโกนด่าว่า “พวกคุณโง่ไปแล้วหรือเปล่า คนพวกนี้ล้วนเป็นแต่คนพูดโกหก พวกคุณจะถูกทรมานและถูกฆ่าตายหลังจากที่พวกคุณกลับไป!”
“พวกมึงจะถูกเชือดเหมือนหมูกับแกะ พวกมึงแม่งรู้กันหรือเปล่า?”
แต่ไม่ว่าเขาจะคำรามหรือตะโกนด่าอย่างไร ก็ไม่มีใครยอมฟังเขาอีกต่อไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินห้าวก็ยิ้ม แล้วชี้ไปที่หม้อขนาดใหญ่และอาหารที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “อาหารถูกปรุงสุกแล้ว ตามหลักการความสิ้นเปลืองเป็นเรื่องที่น่าละอาย ทุกคนควรกินอาหารให้หมดก่อนออกเดินทาง”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ไชโยด้วยความดีใจ จะต้องรู้ว่า พวกเขาไม่ได้กินอาหารแบบร้อนๆ มานานแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้หวังหู่ก็ด่าขึ้นมาอีกครั้งว่า “ปัญญาอ่อน! งี่เง่า!นี่ก็คืออาหารมื้อสุดท้าย รอให้พวกคุณกินอิ่มกันแล้วค่อยลงมือฆ่า ไอ้โง่ทั้งหลาย!”
แต่ไม่มีใครสนใจเขา แต่เขายังคงนอนอยู่บนพื้นและตะโกนใส่เขา
ดังนั้นเฉินห้าวจึงพูดกับล่ายเคอว่า “มึงไปจัดการมันซะ”
ล่ายเคอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่เขาก็เดินไปที่ข้างกายของหวังหู่ คว้าเสื้อผ้าของเขา แล้วก็หิ้วตัวเขาขึ้น และลากเขาออกไปในที่ห่างไกล
บรรดาผู้ที่กำลังจะรับประทานอาหาร ก็ตกตะลึง เมื่อได้เห็นฉากนี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินห้าวก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาทันที และอ่านตามข้อมูลข้างต้นว่า “เพราะหวังหู่เสียเงินทั้งหมดไปกับการพนันเมื่อห้าปีก่อน และไม่สามารถชำระคืนได้ เขาจึงมอบภรรยาของตัวเองให้จ้าวเห้อไป ก็เพราะเหตุนี้เขาจึงนับว่าจ้าวเห้อเป็นพ่อบุญธรรมของเขา”
“ในขณะเดียวกัน เขาเคยเห็นชอบผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อห้าปีที่แล้ว และร่วมมือกับจ้าวเทียนเพื่อฆ่าครอบครัวของเธอทั้งหมด จากนั้นก็ชิงตัวผู้หญิงคนนั้นมา และข่มขืนเธอจนตาย”
“เมื่อสามปีที่แล้ว คนงานสามคนถูกทุบตีตายโดยตรง เพราะปัญหาภาษีของเหมืองทองคำในเขตที่สาม”
“ยังมีอีกเมื่อสองปีที่แล้ว……….”
อาชญากรรมเหล่านี้ถูกอ่านออกมาทีละข้อ และหลายคนเบือนหน้าหนี แต่ก็สามารถเห็นได้ว่า มีความโกรธซ่อนอยู่ในดวงตาของพวกเขาทั้งหมด
“มีข้อคดีทั้งหมดแปดสิบเจ็ดคดี กับร้อยยี่สิบชีวิต ที่เหลือผมก็จะไม่อ่านต่อไปแล้ว ที่ผมพูดถึงเรื่องพวกนี้ ณ ที่นี้ เพียงเพื่อจะบอกทุกคนว่า ในอนาคตในเขตที่สาม ผู้ใดกระทำความชั่วและฝ่าฝืนกฎแห่งกฎหมาย ก็จะถูกลงโทษตามนั้น”
“แม้ว่าจะเป็นพวกเรา ก็ไม่มีข้อยกเว้นเลย”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนั้นต่างก็ก้มหัวกินข้าวอย่างเงียบๆ