ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 879
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างอึดอัด “ขอโทษ”
ตอนที่พูดคำนี้ โดยจิตใต้สำนึกเขาปล่อยมือออกแล้ว กลับเพราะว่าหลังจากปล่อยมือร่างกายไหลลงไปข้างล่าง ฉีฉีก็ไหลลงตามกันไปเล็กน้อยเช่นกัน ระยะห่างของทั้งสองคนยิ่งใกล้ชิดแล้ว
“ไป๋ยี่เฟย!” ฉีฉีโมโหร้องเสียงดังหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้ยิ้มอึดอัดอีกหนึ่งที ยังไม่รอเขาพูดอะไร ข้างล่างมีเสียงฉินหัวส่งมาแล้ว
“ลงมาเถอะ”
เสียงของเขาเบาเล็กน้อย เห็นจากนี้แล้ว ฉินหัวเดินไปช่วงระยะไกลมาก
หลังจากได้ยินเสียง ทั้งสองคนก็ปล่อยมือออกหน้าหลังไหลลงตามกันไปข้างล่าง
ไหลไปนานมากจึงไหลถึงใต้สุด
หลังจากถึงแล้ว พวกเขาถึงขนาดยืนอยู่ในช่องว่างที่กลวงว่างมากแห่งหนึ่ง และช่องว่างทั้งหมดล้วนถูกโคมไฟติดผนังส่องอย่างสว่างผิดปกติ
ไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้ในใจกระตุกหนึ่งที รีบวิ่งไปในช่องว่าง สำรวจทั่วบริเวณ
การมองเห็นนี้ก็ทำให้ไป๋ยี่เฟยใจลอยสักพัก เขาคิดว่าเขากลับไปถ้ำทองคำแห่งนั้นของหลันเต่าเมื่อก่อนหน้านั้น
ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยนิ่งอึ้งไปเลย
ฉีฉีก็นิ่งอึ้งไปเลยเช่นกัน
ฉินหัวจ้องมองทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้า เงียบมาก
อยู่ใต้วัดฝูอิงในเมืองเทียนเป่ย ถึงขนาดซ่อนคลังเก็บทองแห่งหนึ่งไว้!
ผ่านไปนานมาก ฉีฉีคืนสติกลับมา พูดเสียงเบาๆในปากว่า “ที่แท้คลังเก็บทองที่สองอยู่ที่นี่”
ใกล้เคียงกันกับถ้ำทองคำในหลันเต่า อยู่ในช่องว่างที่กว้างใหญ่ไพศาลกำแพงถ้ำทั้งหมดล้วนถูกแผ่นเหล็กห่อหุ้มไว้ บนกำแพงถ้ำมีโคมไฟติดผนังและวางกล่องที่สูงดั่งภูเขาไว้ตรงกลางถ้ำ
กล่องเป็นกล่องไม้ อาจจะเนื่องเพราะว่าว่างนานเกินไป เน่าเปื่อยไปนานแล้ว
เปิดกล่องออกมาอันหนึ่งอย่างสะเปะสะปะ ก็ได้เห็นทองคำที่เต็มกล่อง
ฉีฉีตรวจดูกล่องหลายกล่อง หันหน้าไปจ้องมองไป๋ยี่เฟยอย่างประหลาดใจ “นี่เป็นคลังเก็บทองที่สองจริงๆ ความโชคดีของพวกเราโชคดีถึงขนาดนี้!”
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก สีหน้าจริงจัง
ในเวลานี้ฉีฉีมีความไม่เข้าใจเล็กน้อย “นี่คุณมีสีหน้าอะไรล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องยิ่งสลับซับซ้อนแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ฉินหัวอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามาถาม
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วอยู่ พูดเสียงเข้มว่า “ผิดปกติเกินไปแล้ว”
“ที่ไหนผิดปกติหรือ?” ฉีฉีถาม
ไป๋ยี่เฟยพูดว่า “ไม่ว่าที่ไหนล้วนผิดปกติ”
ฉินหัวกับฉีฉีได้ยินคำพูดนี้ทันทีนั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ไป๋ยี่เฟยเดินอ้อมอยู่ในคลังเก็บทองอีกหนึ่งรอบ พบเห็นว่าความกว้างของที่นี่กับคลังเก็บทองที่สามคล้ายกัน ไม่เหมือนอย่างเดียวก็คือที่นี่ไม่มีห้องนอนเหล่านั้นเหมือนคลังเก็บทองที่สาม
นี่เป็นเพียงแค่ห้องโถงใหญ่ที่วางทองคำนับไม่ถ้วนแห่งหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนนึกอะไรขึ้นมา สีหน้าจริงจังพูดว่า “ผมคิดว่าผมรู้ว่าเมิ่งฉิงทำไมจะต้องพูดเรื่องเหล่านั้นให้กับผมแล้ว”
“ทำไมหรือ?” ฉีฉีกับฉินหัวถามทุกปากเป็นเสียงเดียวกัน
อาจจะเนื่องเพราะพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยก้าวหน้า บวกกับเกิดแรงบันดาลใจและการเข้าใจตระหนัก สมองใหญ่ของเขาในปัจจุบันนี้หมุนอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ความครุ่นคิดก็คล่องแคล่วว่องไวมากเช่นกัน เขาพูดว่า “สาเหตุที่ผมคาดการณ์ว่าเหลียงหมิงเยว่ยังไม่ตาย คือเนื่องเพราะเหลียงยู่”
ทั้งพูดอยู่ เขาก็ทั้งนั่งยองๆลงมา หยิบเศษไม้ตามแต่ประสงค์ขึ้นมาอันหนึ่ง ทั้งเขียนทั้งวาดอยู่บนพื้นที่เต็มเปี่ยมด้วยฝุ่น “แต่ว่าผมยังคงมองข้ามจุดจุดหนึ่ง”
“พวกเราล้วนรู้ว่าเหลียงหมิงเยว่เป็นคนในเมืองหลวง และเขาอยู่เมืองเทียนเป่ยไม่มีญาติ และไม่มีเพื่อนที่คุ้นเคย แต่เขากลับวางแผนให้เหลียงยู่ทำงานอยู่ในเมืองเทียนเป่ย”
“นี่เป็นเพราะอะไรหรือ?”
ฉินหัวกับฉีฉีสบตากันหนึ่งที กลับยังคงไม่เข้าใจ
ไป๋ยี่เฟยพูดต่ออีกว่า “เพราะว่าคลังเก็บทองนี้”
พอที่ได้ยินคำนี้ ทั้งสองคนก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ไป๋ยี่เฟยพูดอีกว่า “เขาวางแผนเหลียงยู่ไปทำงานในเมืองเทียนเป่ย อย่างนี้เขาจากเมืองหลวงมาเมืองเทียนเป่ยบ่อยๆ ก็จะมีเหตุผลที่สมเหตุสมผล และจะปกปิดเรื่องที่เขารู้ตำแหน่งที่อยู่ของคลังเก็บทองที่สอง”
“ผมคิดว่าเขาน่าจะพบเห็นตำแหน่งที่อยู่ของคลังเก็บทองที่สองมานานแล้ว เพียงแค่ไม่ได้ให้คนรู้มาโดยตลอด และเขาทำไมแกล้งตาย คิดว่าน่าจะเพื่อปกปิดข่าวของคลังเก็บทองที่สอง”
ไป๋ยี่เฟยพูดอยู่ทั้งวาดวงกลมหนึ่งวงอยู่บนพื้นอีก “เหลียงเหว่ยชาวพวกเขาน่าจะรู้เพียงว่าที่นี่เป็นกลไกลับกับดักแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าข้างล่างเป็นคลังเก็บทองที่สองเลย”
“และสาเหตุที่พวกเขาจะเลือกที่นี่มาหลอกล่อพวกเรา น่าจะเป็นความคิดของเหลียงหมิงเยว่ แต่ว่านึกไม่ถึง พลังความสามารถของผมก้าวหน้ามากเกินไป โดยไม่มีทางอื่นจึงจวนตัวเปิดกลไกลับนี้”
ต่อมา ไป๋ยี่เฟยวาดอีกหนึ่งวงกลม ตัวแทนเหลียงหมิงเยว่ “แต่ว่า คนที่วางแผนทั้งหมดนี้อยู่เบื้องหลัง คิดว่าคาดเดาถึงก้าวนี้มานานแล้ว”
“ก็ด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้เมิ่งฉิงบอกกับผม จุดประสงค์ของพวกเขาคือคลังเก็บทองที่หนึ่ง จากนั้นทำให้พวกเราคิดทิศทางที่ผิด”
สุดท้ายเขารวมทั้งสองวงกลมเข้ามา สุดท้ายวาดอีกหนึ่งวงกลมอยู่ตรงกลาง จ้องมองฉินหัวกับฉีฉีถามว่า “พวกคุณเข้าใจหรือยัง?”
ฉินหัวสัตย์ซื่อส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
ฉีฉีก็ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีกตามไปเช่นกัน
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพก็เลยยิ่งพูดตรงเปะชัดเจนบ้าง “ตรงกลางนี้ก็คือตัวแทนยอดรวมของคลังเก็บทองทั้งสี่ จำนวนเก็บสต๊อกของทองคำในคลังเก็บทองทั้งสี่น่าจะต่างกันไม่เท่าไหร่กับคลังเก็บทองที่หนึ่ง”
“ดังนั้น จุดประสงค์ของเหลียงหมิงเยว่ที่แท้จริงไม่ใช่คลังเก็บทองที่หนึ่งเลย แต่คือคลังเก็บทองอีกทั้งสี่”
หลังจากฉีฉีกับฉินหัวฟังคำพูดเหล่านี้จบแล้ว สบตากัน
ไม่เพียงแค่นี้ สายตาที่ฉีฉีจ้องมองไป๋ยี่เฟย เผยตัวอาการสั่นเป็นลูกนกออกมาเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตกลงว่าสมองของคุณเติบโตมาได้ยังไงล่ะ?”
ความสามารถที่วิเคราะห์เรื่องของไป๋ยี่เฟยนี้ทำให้เธอสั่นสะเทือน
แต่พอผ่านการวิเคราะห์ขนาดนี้ของไป๋ยี่เฟย เห็นได้ชัดมากว่า เหลียงเหว่ยชาวไม่ใช่ผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่สองเลยสักนิด
อย่างงั้นปัญหามาแล้ว: ใครจึงจะเป็นผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่สองล่ะ?
แต่ว่าปัญหานี้ในปัจจุบันนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้วเพราะว่าดูจากปัจจุบันนี้เหลียงหมิงเยว่เป็นผู้เฝ้าคลังของคลังเก็บทองที่สาม ในเวลาเดียวกันเขาก็ยึดกุมคลังเก็บทองที่สองอีกด้วย
สำหรับคลังเก็บทองที่สี่ ไป๋ยี่เฟยคาดเดาว่า น่าจะเป็นคลังเก็บทองน้อยที่อยู่บนคลังเก็บทองที่สาม
อย่างงั้น อยู่ด้านสว่าง คนทั้งหลายล้วนคิดว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหลียงหมิงเยว่คือคลังเก็บทองที่หนึ่ง ถึงเวลานั้นจื่ออีกับซินชิวล้วนจะกลับไปเฝ้ารักษาคลังเก็บทองที่หนึ่ง
อีกทั้งในนั้นยังรวมกับฉินหัวและอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังของเขา ล้วนจะช่วยพวกเขาจื่ออีเฝ้ารักษาคลังเก็บทองที่หนึ่ง
อย่างงั้นความสนใจของคนทั้งหลายก็จะวางอยู่ในคลังเก็บทองที่หนึ่งตามไปด้วยเช่นกัน เขาก็จะมีเวลาเพียงพอไปหาคลังเก็บทองที่ห้าแห่งสุดท้าย
เพียงแค่หาเจอคลังเก็บทองที่ห้า บวกกับคลังเก็บทองอีกสามถึงเวลานั้นเขาก็มีพลังความสามารถที่จะต่อต้านประเทศเล็กๆต่างๆบนโลก
ฉินหัวคิดโยงไปมากมาย สีหน้าก็จริงจังขึ้นมาตามไปด้วย “งั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดีล่ะ?”
ฉีฉีพยักหน้าอย่างจริงจัง พูดว่า “เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราจะออกไปยังไงล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองทั้งสองคนหนึ่งทีพูดว่า “ยังคงต้องจัดการบาดแผลก่อนสักหน่อยเถอะ”
พวกเขาทั้งสามคนตกลงมา บนกายล้วนมีการถลอกเป็นแผล จัดการบาดแผลง่ายๆสักหน่อยก็จะยิ่งสะดวกขึ้นบ้าง
พวกเขาล้วนไม่มีความคิดเห็น ดังนั้นก็เลยนั่งลงมาจัดการบาดแผล เพราะว่าฉีฉีเป็นผู้หญิง ดังนั้นเธอหลบอยู่ข้างหลังคนเหล่านั้น ถอดเสื้อออกแล้ว เช็ดเลือดให้แห้งอย่างง่ายๆจากนั้นฉีกผ้าผืนหนึ่งพันไว้อย่างสะเปะสะปะสักหน่อย
ฉินหัวกับไป๋ยี่เฟยก็ล้วนจัดการอย่างนี้เช่นกัน ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ได้พกยาติดตัวมาเลย
แต่ว่า หลังจากพวกเขาจัดการเสร็จแล้ว ฉีฉีกลับยังจัดการไม่เสร็จ อีกทั้งยังร้องเสียงหนึ่ง “ไป๋ยี่เฟย คุณเข้ามาสักหน่อยได้ไหม?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที ฉีฉีร้องอีกเสียงหนึ่ง “บาดแผลที่อยู่ข้างหลังฉันมองไม่เห็น”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดได้แต่เดินเข้าไป จากนั้นก็อึ้งชะงักเลย
ฉีฉีถอดเสื้อออก สวมใส่เพียงแค่ชุดชั้นในชิ้นหนึ่ง กำลังหันหน้าต่อไป๋ยี่เฟย
“คุณนี่…….” ไป๋ยี่เฟยล้วนมีการพูดไม่ออกเล็กน้อยแล้ว
ฉีฉีไม่ได้ไปมองไป๋ยี่เฟย เพียงพูดว่า “รีบช่วยฉันพันไว้สักหน่อย”
ไป๋ยี่เฟยนี่จึงพบเห็นว่า อยู่บนหลังที่เกลี้ยงเกลาของฉีฉี ถึงขนาดมีรอยขีดข่วนยาวเจ็ดแปดเซนติเมตรที่เห็นได้ชัดมาก
ต่อสิ่งนี้ ไป๋ยี่เฟยรู้สึกมีความผิดปกติเล็กน้อยอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดมาก เพียงแค่ฉีกเสื้อตัวเองผืนหนึ่งจัดการบาดแผลให้กับเธอ
ในเวลานี้ อยู่ดีๆฉีฉีถามว่า “ภรรยาของคุณคลอดแล้วใช่หรือไม่?”
“อืม” ไป๋ยี่เฟยหยุดชะงักหนึ่งที พยักหน้าขานรับ