ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 910
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
แต่เขายังคงช้าไปหนึ่งก้าว
จีเอร์กุมลำคอของเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง กล่าวเสียงดังว่า “กูอยากไปก็ไป อยากมาก็มา สัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆ อย่างพวกมึงถือดีอะไรมาสั่งกู?”
“หยุดมือ!” เจิ้งซงเห็นจีเอร์จะลงมือ ก็ตะโกนเสียงดังอย่างร้อนใจ
แต่จีเอร์ไม่สนใจ
“กร๊อบ!”
พอจีเอร์คลายมือ บอดี้การ์ดคนนั้นก็คออ่อนพับลงไปบนพื้น ตายทันที
พอเห็นฉากนี้ สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง ยังมีคนอีกจำนวนมากเผยแววตื่นตระหนกออกมา
คนของฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่แบ่งเป็นยอดฝีมือระดับที่สองและระดับที่สาม ยังมียอดฝีมือระดับที่หนึ่งอีกสามคน อีกฝ่ายฝีมือแข็งแกร่งเกินไป ทางฝั่งเจิ้งซงไร้พลังต่อกรโดยสิ้นเชิง
จีเอร์มองเจิ้งซงแวบหนึ่งด้วยความลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นอายบนตัวก็ไม่ได้แสร้งทำออกมาเช่นกัน
ในเวลานี้เอง จู่ๆ เจิ้งหมิงก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเจิ้งซง กล่าวโน้มน้าวด้วยท่าทางหวังดีว่า “พ่อบุญธรรม คุณว่าสถานการณ์ในวันนี้เรื่องคงจบไม่สวยแน่ สู้เรา……ตอบรับเงื่อนไขเขาไปก่อนไม่ดีกว่าหรือ?”
เงื่อนไขที่เขาพูดมา ก็คือการให้เจิ้งหยู่ยานแต่งให้กับจีเอร์ที่อัปลักษณ์หาใดเปรียบผู้นี้
สีหน้าเจิ้งซงพลันขรึมลงทันที ก่อนจะตะคอกเสียงดังว่า “ไอ้สารเลว! ไสหัวไปให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เจิ้งซงด่าเจิ้งหมิงต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ สีหน้าเจิ้งหมิงจึงไม่สู้ดีนัก แต่เขายังคงกล่าวว่า “พ่อบุญธรรม หากไม่ตอบรับพวกเขาล่ะก็ อย่างนั้นพวกเรา……”
“ไป๊!” เจิ้งซงไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ตะคอกเขาอีกครั้ง
เจิ้งหมิงตกใจจนก้มหน้าถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ในดวงตาเขามีแววเข่นฆ่าสายหนึ่งวาบผ่าน
เจิ้งซงไม่ได้สนใจเจิ้งหมิง แต่จ้องไปที่จีเอร์แทนพลางถามว่า “ในที่สุดพวกแกก็ทนไม่ไหวต้องการลงมือกับตระกูลเจิ้งแล้วใช่ไหม?”
ต่อมาจีเอร์ก็เย้ยหยันว่า “นี่ยังไม่ใช่เพราะตัวพวกแกเองมองข้ามความหวังดีของผู้อื่นหรอกหรือ?”
“หากแกฉลาดหน่อย ยกลูกสาวแกให้แต่งงานกับฉันเสียแต่โดยดี ต่อไปแกก็จะเป็นพ่อตาของฉัน แถมยังได้ดูแลทั้งหลันเต่า ผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ใช่ทุกคนต่างก็ชอบหรอกหรือ?”
เจิ้งซงยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า “หากฉันไม่ยอมล่ะ?”
“ไม่ถึงขั้นลงมือกับพวกแกหรอก” จีเอร์พูดยิ้มๆ “เพราะอย่างไรบารมีของตระกูลเจิ้งในเมืองนี้ก็สูงมาก พวกเรายังไมคิดจะทำให้ผู้คนโกรธชั่วคราว”
“แต่ว่านะ……ผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลเจิ้ง พวกเรากลับสามารถพิจารณาดูใหม่อีกครั้งได้”
พอได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ทุกคนล้วนไม่ใช่คนโง่ จีเอร์คิดจะสอดมือเข้ายุ่งเรื่องของตระกูลเจิ้ง
เจิ้งซงเห็นเช่นนี้ กลับกล่าวเสียงเย็นว่า “แกคิดหรือว่าแกสามารถควบคุมผู้สืบทอดของตระกูลเจิ้งเราได้?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” จู่ๆ จีเอร์ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย
เจิ้งซงขมวดคิ้ว รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
วินาทีต่อมา ลางสังหรณ์นี้ก็ถูกต้อง
“ฉึก!”
มีดเล็กสลักเสลางดงามด้ามหนึ่งก็เสียบเข้าที่ด้านหลังของเจิ้งซง
เจิ้งซงเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
นายหญิงเจิ้งเองก็ตระหนกวาบ รีบใช้ฝ่ามือตบไปที่เจิ้งหมิงอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว คนที่ลงมือคือลูกบุญธรรมของเจิ้งซง เจิ้งหมิง
เจิ้งหมิงพลันหลบไปด้านหลัง เจิ้งซงชี้เจิ้งหมิงพลางตะคอกเสียงดัง “แกมันไอ้ชาติชั่ว!”
“ใครก็ได้ ฆ่ามันให้ฉันที!”
ทว่าหลังจากที่เขาพูดจบ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครขยับตัว
นอกจากนี้ ยังมีบอดี้การ์ดบางส่วนหันมีดใส่เจิ้งซงกับนายหญิงเจิ้งอีกด้วย
เจิ้งหยู่ยานร้องเสียงดัง วิ่งเข้าไปประคองเจิ้งซง “คุณพ่อ เป็นยังไงบ้างคะ?”
เวลาเพียงชั่วพริบตา ครอบครัวเจิ้งซงก็กลายเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ
เวลานี้เจิ้งซงเพิ่งตระหนักได้ว่า นี่คือแผนชั่วของพวกเขาที่จัดวางไว้อย่างดีมานานแล้ว
ลูกน้องหลายร้อยคนของตระกูลเจิ้ง มากกว่าครึ่งล้วนแปรพักตร์ไปหมดแล้ว คนเหล่านั้นที่เหลืออยู่หลังมองดูสถานการณ์ เพื่อให้รอดชีวิต ย่อมจะไม่กล้าออกหน้า
ดังนั้น ข้างกายเจิ้งซงจึงมีเพียงเจิ้งหยู่ยานและนายหญิงเจิ้งรวมถึงลูกสะใภ้เท่านั้น
โชคดีที่นายหญิงเจิ้งเป็นยอดฝีมือระดับที่สองคนหนึ่ง เธอป้องกันสามีตัวเองก่อนจะเสียชีวิตไว้ได้ ก่อนจะชี้ไปที่เจิ้งหมิงพลางบริภาษเสียงดัง “เจิ้งหมิง! ไอ้คนเนรคุณ เสียแรงที่เราเลี้ยงดูแกดุจลูกชายแท้ๆ คนหนึ่งมาจนโต!”
“ลูกชายแท้ๆ ?” เจิ้งหมิงเยาะหยัน “ลูกชายแท้ๆ กับผีสิ!”
“เมื่อก่อนผมเคยเปรยกับคุณแล้ว ผมชอบหยู่ยาน คิดจะให้หยู่ยานแต่งงานกับผม คุณยังจำได้ไหมว่าตอนนั้นพูดกับผมว่ายังไง?”
“คุณบอกว่าผมไม่คู่ควรกับหยู่ยาน แถมยังต้องการให้ผมจดจำฐานะของตัวเองให้ดี”
“นี่น่ะหรือคือสิ่งที่คุณบอกว่า เห็นผมเป็นเหมือนลูกชายแท้ๆ?”
“ทั้งหมดมันก็แค่ลมปาก!”
“พวกคุณแค่เห็นแก่ที่พ่อผมสละชีวิตเพื่อตระกูลเจิ้งของพวกคุณ ถึงได้รับผมเป็นลูกบุญธรรม ยังมาบอกว่าเห็นผมเป็นเหมือนลูกชายแท้ๆ อะไรนั่นอีก งั้นคุณบอกผมมา ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งนี่จะยกให้ผมไหม?”
“แก! ไอ้คนสารเลว!” นายหญิงเจิ้งชี้เจิ้งหมิงพลางด่าเสียงดัง
พี่สะใภ้เจิ้งหยู่ยานก็ชี้เจิ้งหมิงแล้วด่าเช่นกันว่า “แกนับเป็นตัวอะไร? ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งมีแค่พี่ใหญ่ของแกเท่านั้นถึงจะสามารถสืบทอดได้ แกอย่ามาเพ้อเจ้อ!”
“เจิ้งส้าวเนี่ยนะ?” เจิ้งหมิงเยาะหยัน
พี่สะใภ้เจิ้งหยู่ยานกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “แน่นอน!”
จู่ๆ เจิ้งหมิงก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นไหนคุณบอกผมสิว่าตอนนี้เจิ้งส้าวอยู่ที่ไหน ตอนนี้ตระกูลเจิ้งตกอยู่ในอันตราย เขาล่ะ? เป็นถึงทายาทคนต่อไปของตระกูลเจิ้ง เขาไปไหนเสียแล้ว?”
พี่สะใภ้เจิ้งหยู่ยานพลันเข้าใจขึ้นมาทันที เธอเบิกตากว้าง “แกเป็นคนจับตัวเขาไป!”
เจิ้งหยู่ยานก็ได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน จึงถลึงตาใส่เจิ้งหมิงอย่างโกรธเคือง “นายจับตัวพี่ชายฉันไปไว้ที่ไหน? รีบปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”
“ฮ่าฮ่า……”
เจิ้งหมิงหัวเราะเสียงดัง หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว ก็ชี้ไปที่ครอบครัวเจิ้งซงแล้วกล่าวว่า “พ่อบุญธรรม ทุกอย่างต้องโทษที่ตัวคุณไร้กาลเทศะ ลองมองดูความสามารถของผู้อื่น แล้วมองดูความสามารถของตัวเอง พวกคุณจะสู้กับผู้อื่นยังไง”
“ผมว่าคุณก็แค่ไม่อยากล่วงเกินทั้งสองฝ่าย จากนั้นก็รอคนกลุ่มนั้นของภาคเหนือสู้กับพวกเขาจนเสร็จสิ้นแล้ว จึงค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกข้างไหนใช่หรือไม่?”
“พ่อบุญธรรม ปกติคุณฉลาดมาก ตอนนี้ทำไมถึงเลอะเลือนเสียแล้วล่ะ? ถึงตอนนั้นเมื่อสู้เสร็จแล้ว ใครจะมาสนใจว่าคุณจะเลือกข้างไหนอีกกันล่ะ?”
พูดจบเขาก็ชี้ไปที่ตัวเอง “เขตที่สองเป็นเลือดเนื้อของตระกูลเจิ้งเรา ผมไม่อยากเห็นคุณทำลายเขตที่สองลง ดังนั้นผมถึงได้แอบติดต่อกับพวกคนใหญ่คนโตทุกคนของหนานเหมิน”
“ถึงเวลาพอคุณตายแล้ว เจิ้งส้าวก็ตายแล้ว ส่วนหยู่ยานแต่งให้กับท่านชายแห่งหนานเหมิน ตระกูลเจิ้งก็จะเหลือแค่ผม มีแค่ผมถึงจะสามารถสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งได้”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนในตระกูลเจิ้งถลึงตาใส่เจิ้งหมิงด้วยความเดือดดาล
แต่ว่า พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก พวกเขาไม่เหลือที่ให้กับคำพูดใดๆ เลย
และในเวลานี้เอง นายหญิงเจิ้งก็โกรธจนทนไม่ไหว ตะคอกด่าเสียงดังว่า “ไอ้สารเลวอย่างแก วันนี้ฉันจะชำระสะสางมันด้วยตัวเอง!”
หลังพูดจบก็พุ่งเข้าไปหาเจิ้งหมิงอย่างไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
ดีร้ายอย่างไรนายหญิงเจิ้งก็คือยอดฝีมือระดับที่สอง สำหรับเจิ้งหมิงที่เป็นเพียงยอดฝีมือระดับที่สามแล้ว จึงสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ
แต่เจิ้งหมิงไม่มีแววหวาดกลัวเลยสักนิด
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
เสียงเบาๆ ดังมาจากเข็มเงินสองสามเล่มที่ยิงใส่นายหญิงเจิ้งติดๆ กัน
นายหญิงเจิ้งในใจตื่นตระหนก รีบพลิกตัวหลบทันที
ทว่าช่วงที่เธอกำลังหลบอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา ใช้ฝ่ามือตบไปยังช่องท้องของนายหญิงเจิ้ง
“อั่ก!”
นายหญิงเจิ้งถูกตบจนล้มลงกับพื้น พร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำโต
ตอนที่เธอคิดจะยืนขึ้นมา มีดเล่มหนึ่งก็กดไว้บนลำคอเธอทันที ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้
เจิ้งหมิงแสยะยิ้มมองนายหญิงเจิ้งแวบหนึ่ง “อย่าขยับมั่วซั่วจะดีกว่า หากขยับชีวิตอาจจะหาไม่!”
ที่นี่ดูเหมือนจะปิดฉากลงได้เสียที จีเอร์ที่ชมละครอยู่อีกทางเดินเข้ามา พร้อมกับพูดยิ้มๆ ว่า “ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
จากนั้นเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าเจิ้งหยู่ยาน มองเจิ้งหยู่ยานด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เจิ้งหยู่ยานตกใจจนหลบไปอยู่ด้านหลังเจิ้งซง