ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 918
แต่จู่ๆ เมิ่งเจียก็เข้าใจสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นมาทันที ตอนนี้เธออยู่ในเขตที่สอง และในเขตที่สองก็อยู่ในการปกครองของตระกูลเจิ้ง ไป๋ยี่เฟยจะไม่ฆ่าเธอ แต่ไม่รับรองว่าตระกูลเจิ้งจะฆ่าเธอหรือไม่
หลังจากเห็นไป๋ยี่เฟยกำลังจะเดินออกไป เมิ่งเจียก็ตะโกนเสียงดังว่า “เดี๋ยวก่อน!”
เมิ่งเจียคลานและล้มลงจากเตียง เนื่องจากเธอกระสับกระส่ายเกินไป เธอจึงนอนอยู่บนพื้นทั้งคน คลานไปข้างหน้า และพูดด้วยว่า “คุณไป๋ ได้โปรดช่วยฉันด้วย”
“ในอนาคตฉันจะยินดีมากขึ้นที่จะยอมรับคุณไป๋เป็นเจ้านายไปตลอดชีวิต และลุยไฟลุยน้ำเพื่อคุณไป๋
ไป๋ยี่เฟยหยุดเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่ได้หันกลับมาเลย เพียงแค่เย้ยหยันว่า “สำหรับผมแล้ว คุณไม่มีค่าของความเชื่อถือใดๆ เลย”
เมิ่งเจียดูเหมือนอยากจะคุกเข่า แต่เพราะว่าขาของเธอถูกทำลาย เธอจึงทนต่อความเจ็บปวดอย่างมากเมื่องอขาลงไป ใบหน้าของเมิ่งเจียก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่ได้ตะโกนด้วยความเจ็บปวด เธอยังคงพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “คุณไป๋ ฉันขอสาบาน สาบานด้วยชีวิตของฉัน!”
แม้ว่าเมิ่งเจียจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอดกลั้น ไป๋ยี่เฟยยังคงได้ยินเสียงสั่นอยู่ในน้ำเสียงของเธอ
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจ หันกลับมา อุ้มเธอกับขึ้นบนเตียงอีกครั้ง แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ผมสามารถให้โอกาสแก่คุณอีกครั้ง”
ดวงตาของเมิ่งเจียก็สว่างขึ้นทันที “ขอบคุณ คุณไป๋มาก”
อย่างไรก็ตามไป๋ยี่เฟยเพียงแค่พูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมแค่บอกว่าจะให้โอกาสคุณสักครั้ง แต่ไม่ได้ตอบตกลงกับคุณ”
“คุณไป๋……..” เมิ่งเจียตกตะลึง รู้สึกตื่นตระหนกในทันใด
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้รีบเดินจากไป แต่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วถามเธอว่า “บอกผมทีว่าคุณมาจากไหน?”
ในหลันเต่า มีผู้ยอดฝีมือเพียงไม่กี่คนที่อยู่เหนือระดับที่สอง และพวกเขาก็ถูกรวบไปโดยผู้มีอำนาจของเขตต่างๆ ไปนานแล้ว
และเมิ่งเจียคนนี้ไม่ใช่คนของสำนักหนานเหมิน แต่จู่ๆ ก็ออกมาช่วยทำงานให้กับเจิ้งหมิง และเจิ้งหมิงก็ไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากหากพูดอย่างเคร่งครัด
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงคาดเดาว่า เธอน่าจะอยู่ภายใต้ผู้มีอำนาจของเขตอื่นๆ
ตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด
เมิ่งเจียกล่าวว่า “ฉันเป็นคนของตระกูลหวังในเขตที่ห้า”
“เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ตระกูลหวังก็ได้มอบตัวให้กับกองกำลังของสำนักหนานเหมินไปแล้ว ผู้คนของสำนักหนานเหมินขอให้ฉันมาติดต่อกับเจิ้งหมิง เพื่อช่วยเจิ้งหมิงและชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเจิ้ง”
ในเวลาเดียวกันเมิ่งเจียยังบอกกับไป๋ยี่เฟยว่า เหตุผลที่คนของหนานเหมินไม่ได้ฆ่าเจิ้งซงโดยตรงนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเจิ้งซงมีธุรกิจมากมายอยู่ในสำนักหนานเหมิน
และธุรกิจเหล่านี้ก็เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของเขตที่สอง และมีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างทั้งสอง ดังนั้นหากเจิ้งซงถูกฆ่า มันก็จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ คนของหนานเหมินถึงคิดที่อยากจะเปลี่ยนเจิ้งซง และสนับสนุนให้เจิ้งหมิงกลายเป็นหัวหน้าตระกูลเจิ้ง และกลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ตกอยู่ในห้วงความคิดลึกๆ และไม่ถามอะไรอีกเลย และเดินออกจากคุกใต้ดิน
เมื่อเขามาถึงห้องที่ถูกจัดไว้ เขาก็หยุดอย่างกะทันหัน
ทางด้านขวาของห้องของเขาคือห้องของหลิวเสี่ยวอิง และทางซ้ายคือห้องของหลี่เฉียงตง
และในเวลานี้ประตูห้องของเขาก็เปิดอยู่
เรื่องที่เกี่ยวกับหนานเหมิน ถูกเรื่องของหลิวเสี่ยวอิงยึดครองทันที เขามีความรู้สึกผิดและไม่สบายใจอยากมาก และเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับหลิวเสี่ยวอิงอย่างไร
หลังจากลังเลอยู่เป็นเวลานาน ไป๋ยี่เฟยก็ถอนหายใจ และผลักประตูห้องของตัวเองให้เปิดออก
พอเข้าไปก็ได้ยินเสียงน้ำไหลจากห้องน้ำ
จากนั้นเสียงของหลิวเสี่ยวอิงก็ดังขึ้นมา “คุณกลับมาแล้วเหรอ!”
ไป๋ยี่เฟยสะดุ้ง และหยุดอยู่กับที่ชั่วคราว เขาลืมทุกคำพูดที่เขาคิดไว้ในตอนเมื่อกี้นี้ และในสมองของเขาก็ว่างเปล่า
หลังจากยืนนิ่งอยู่นาน ไป๋ยี่เฟยก็เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่ตาของเขาไม่กล้าที่จะมองไปทางห้องน้ำ เขาเดินไปที่โต๊ะ และเทน้ำหนึ่งแก้วเพื่อดื่ม
แต่ตอนนี้เขารู้สึกกระวนกระวายมาก และไม่ได้สังเกตเห็นเลย น้ำที่เขาเทคือน้ำร้อน
“พุฟ!”
ไป๋ยี่เฟยอาเจียนออกมาทันทีที่เขาดื่มเข้าไป แต่เพราะเสียงนี้ หลิวเสี่ยวอิงจึงเปิดประตูอย่างกังวลและเดินออกมา “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”
ไป๋ยี่เฟยตกใจและตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ทันที ไม่ขยับตัวเลย “ไม่…….. ไม่เป็นไร ผมแค่เผลอโดนน้ำร้อนลวกนิดหน่อยอ่ะ”
หลิวเสี่ยวอิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินเช่นนี้ “ฉันยังคิดว่าคุณอาเจียนเป็นเลือดจากการได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น”
ไป๋ยี่เฟยยังคงแข็งทื้ออยู่กับที่ และพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “อืม เสี่ยว………เซียวอิง คุณ…….คุณรีบไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเถอะ”
ในตอนเมื่อกี้นี้ทันทีที่เขาอาเจียนน้ำเสร็จ หลิวเสี่ยวอิงก็ผลักประตูออกมาทันที เธอน่าจะกังวลมาก และไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก ดังนั้นเธอคงไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลย
แต่หลิวเสี่ยวอิงกลับผงะไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ใส่แล้วจะทำไมเหรอ? ฉันไม่เชื่อเลยว่าคุณจะรักษาท่าทีนี้ไว้ได้โดยไม่ขยับตัวเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ และไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกถึงความร้อนพุ่งตรงเข้าสู่สมอง จนสีหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ
และในความตื่นตระหนกเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็นึกถึงหลี่เสว่ขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อเขานึกถึงหลี่เสว่ ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกผิด ตำหนิตนเอง และความพัวพันอยู่ในใจของเขา
ท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถผ่านอุปสรรคนี้ไปได้
เขาทำร้ายหลิวเสี่ยวอิง และรู้สึกว่านี่เป็นความผิดพลาด ดังนั้นเขาก็ไม่ควรทำผิดต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นหลี่เสว่ยังให้กำเนิดฝาแฝดแก่เขา ซึ่งจนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่เคยได้เจอหน้าเลย
ตัวเองเป็นสามี ภรรยาให้กำเนิดลูกตัวเองยังอยู่ในช่วงเวลาอยู่เดือน ตัวเองกลับคบผู้หญิงคนอื่นอยู่ข้างนอก เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจมากขึ้น
ความกระตือรือร้นของไป๋ยี่เฟยค่อยๆ คลายลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เสี่ยวอิง ใส่เสื้อผ้าของคุณให้เรียบร้อย เรามาคุยกันสักหน่อยเถอะ”
“ฉันไม่ใส่” หลิวเสี่ยวอิงฮัมเพลงสองครั้ง
“คุณ……..” ไป๋ยี่เฟยโกรธ “คุณสงวนตัวไว้บ้างได้หรือไม่?”
หลิวเสี่ยวอิงพูดอย่างเฉยเมยว่า “จะสงวนตัวไว้เพื่ออะไรเหรอ? ”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกหมดหนทางเมื่อได้ยินเช่นนี้ “เสี่ยวอิง คุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย เราไม่เหมือนกัน”
“ชิ!” หลิวเสี่ยวอิงชิไปทีหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจงใจกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนที่คุณต่อสู้กับศัตรู และคู่ต่อสู้เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง คุณก็จะแพ้ถ้าอีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าออกใช่ไหม?”
“ตอนที่ต่อสู้กันมันก็คือการต่อสู้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย!” ไป๋ยี่เฟยแก้ตัว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “เสี่ยวอิง ใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า และหยุดเล่นเถอะ”
“หือ ฉันว่าคุณไม่กล้าที่จะดูเลย คุณไม่มีความกล้าแม้เรื่องแค่นี้ เราจะต้องพูดคุยอะไรกันได้อีกล่ะ?” น้ำเสียงของหลิวเสี่ยวอิงลดลงเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยดูเหมือนจะกระวนกระวายเมื่อได้ยินคำพูด และทันใดนั้นก็หันกลับมาและพูดว่า “มีอะไรที่ผมไม่กล้าดูงั้นหรือ?”
ทันทีที่เขาหันกลับมา เขาก็เห็นว่าหลิวเสี่ยวอิงใส่เสื้อผ้าอยู่ ใส่เป็นชุดกระโปรงสีครีม
ไป๋ยี่เฟยตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “มันสนุกมากใช่ไหม?”
หลิวเสี่ยวอิงยิ้มและพูดว่า “ใช่!”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองหลิวเสี่ยวอิง จากนั้นก็นั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ชี้ไปที่เตียง และพูดกับหลิวเสี่ยวอิงว่า “นั่งลงคุยกัน”
หลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างเชื่อฟัง
ไป๋ยี่เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็หายใจออกแรงๆ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวอิง เรามาพูดถึงปัญหาระหว่างเราสองคนกันดีกว่า”
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า จากนั้นก่อนที่ไป๋ยี่เฟยจะพูดว่า “เธอยอมรับฉันแล้ว”
“ผมรู้ ผม…….” ไป๋ยี่เฟยไม่ตอบสนองในตอนแรก ทันใดนั้นก็หยุดลง มองหลิวเสี่ยวอิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและพูดว่า “คุณพูดอะไรน่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงกระพริบตาและพูดว่า “คุณได้ยินชัดเจนแล้ว”
ร่างกายของไป๋ยี่เฟยแข็งทื้อไปทั้งตัว เขานั่งตัวตรงในตอนแรก ร่างกายของเขาก็ทรุดลงทันที และศีรษะของเขาก็ค่อยๆ ลดลง
หลิวเสี่ยวอิงมองดูเขา และไม่ได้รบกวนเขาเลย
เสว่เอ๋อยอมรับแล้วเหรอ?
ยอมรับอะไรเหรอ?
เสว่เอ๋อเธอจะสามารถยอมรับได้อย่างไร?
สมองของไป๋ยี่เฟยวุ่นวายไปหมด ในขณะเดียวกัน หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอย่างมาก
จะต้องรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่อึดอัดและเจ็บปวดมากแค่ไหน ที่ผู้หญิงคนใดจะยอมรับสามีของเธอคบกับผู้หญิงคนอื่น แต่เธอก็ยังยอมรับ
ทั้งๆ ที่เขาเคยบอกว่าจะทำดีกับหลี่เสว่และทำให้เธอมีความสุขที่สุด แต่พื่อเขา หลี่เสว่จะต้องแบกรับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานมากมาย
ชั่วขณะหนึ่งความรู้สึกผิดของไป๋ยี่เฟยที่มีต่อหลี่เสว่ก็ลึกซึ้งมากขึ้น
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะเป็นสามีที่ดีคนหนึ่ง และก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง
………..
หลังจากเวลาผ่านไปนาน อารมณ์ของไป๋ยี่เฟยก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย และในช่วงเวลานี้ เขาก็ค่อยๆ ครุ่นคิดอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา มองไปที่หลิวเสี่ยวอิงและกล่าวว่า “เสี่ยวอิง ผมไม่รู้ว่าเสว่เอ๋อพูดอะไรกับคุณไปบ้าง และก็ไม่รู้ว่าระหว่างพวกคุณตกลงว่าอย่างไร ตอนนี้เรามาพูดคุยถึงปัญหาของเรากันดีกว่า”
ตอนนี้หลี่เสว่ไม่อยู่ข้างๆ แม้ว่าเขาต้องการจะแสดงความรู้สึกผิดต่อหลี่เสว่เขาก็ไม่สามารถแสดงได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแก้ปัญหากับหลิวเสี่ยวอิงได้ก่อนเท่านั้น