ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 939
ไป๋ยี่เฟยยังไม่ทันที่จะพูดอะไร จื่ออีพูดอีกว่า “แต่ว่า ถ้าหากพวกเขาร่วมมือฆ่าฉันจริงๆล่ะก็ คนที่จะตายก่อนจะเป็นคุณ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ก็เลยพูดว่า “อาจารย์ ผมดีเลวก็ยังช่วยได้นิดหน่อย ตอนนี้ผมมีพลังความสามารถระดับหนึ่งชั้นกลางแล้ว”
จื่ออีกลับยิ้มแล้วยิ้มอีก เพียงแค่ตอนที่กำลังอยากจะพูดอะไร อยู่ดีๆหยุดชะงักไป
ไป๋ยี่เฟยถามทันทีว่า “เป็นยังไงหรือ?”
จากนั้นไป๋ยี่เฟยมองเห็นจื่ออีขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าดูเหมือนมีความหนักอึ้งเล็กน้อย ทันใดนั้นในใจไป๋ยี่เฟยมีลางสังหรที่ไม่ดี
ต่อจากนี้จื่ออีก็เลยพูดว่า “มาแล้ว”
วินาทีถัดมา เสียงที่คุ้นเคยเล็กน้อยเสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ข้างหูของจื่ออีกับไป๋ยี่เฟย
“เวลาเร็วจริงๆ ยี่สิบปีแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยมองไปทั่วทุกหัวระแหงมองแล้วมองอีก ไม่ได้พบเห็นว่ามีใครเลย ในใจตื่นตะลึงอย่างมาก
ในเวลานี้ คิ้วที่ขมวดไว้ของจื่ออีค่อยๆยืดออกพูดว่า “ถึงขนาดเป็นคุณ ดูแล้วศิษย์ทรยศทั้งสองนั้นไปหาศิษย์พี่ที่โน่นแล้ว”
“ศิษย์ทรยศหรือ?” ในใจไป๋ยี่เฟยตื่นตะลึงทันที “อาจารย์ เป็นเหลียงหมิงเยว่กับจีไซหรือ?”
จื่ออีพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ไป๋ยี่เฟยยิ่งเพิ่มความตื่นตะลึงแล้ว
ตกลงว่าซินชิวรับลูกศิษย์ไว้เท่าไหร่ล่ะ?
ฉีฉี เต้าจ่าง เมิ่งฉิง เหลียงหมิงเยว่ จีไซถึงขนาดล้วนเป็นลูกศิษย์ของซินชิว
และในเวลานี้ เสียงนั้นส่งเข้ามาอีกครั้ง “มือข้างเดียว ขาข้างเดียว ยี่สิบปีมานี้ ผมไม่มีเวลาไหนไม่คิดถึงคุณ”
“อาจารย์ เขาเป็นใครหรือ?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างตื่นตะลึง
จื่ออีพูดอย่างเย็นชาว่า “ยี่สิบปีก่อน เมิ่งหลินหัวหน้าหนานเหมินที่บุกรุกแผ่นดินหวาเซี่ย”
ในใจไป๋ยี่เฟยตื่นตกใจอย่างมาก
เรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนหนานเหมินถูกบุกรุก เขาล้วนรู้มาจากหลี่เฉียงตงที่นั่น ก็อยู่ในเวลานั้นจึงรู้ว่า เป็นจื่ออีลงมือทำให้หัวหน้าของพวกเขาพ่ายแพ้ สุดท้ายจึงได้รับชัยชนะ
จื่ออีเห็นแบบนี้ อมยิ้มหนึ่งทีพูดว่า “ยี่สิบปีก่อนฉันทำร้ายมือข้างหนึ่งกับขาข้างหนึ่งของเขา ในตอนนี้ทำได้เหมือนเดิม”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ตื่นตะลึงอีกทันที
เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาพบเจอกับตาแก่ที่ย่างปลาคนนั้น
ตอนนั้นเขาสังเกตเห็นแล้ว ตาแก่คนนั้นมือข้างหนึ่งเห็นได้ชัดว่าผิดปกติและตอนที่เขาเดินก็กะเผลกๆด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเขาเข้าใจขึ้นมาแล้ว มิน่าล่ะเสียงที่ได้ยินคุ้นหูเล็กน้อย
ต่อจากนี้เสียงคนนั้นส่งเข้ามาอีกครั้ง “จื่ออี ออกมาเถอะ”
“อย่าทำร้ายคลังเก็บทองดีๆที่หนึ่งเลย”
ในใจไป๋ยี่เฟยตกกะใจว่า: พลังความสามารถของเดนเทพยุทธ์ แข็งแกร่งขนาดนี้หรือ? สามารถทำร้ายคลังเก็บทองหรือ?
จื่ออีไม่ได้ตอบกลับ แต่เดินไปยังข้างหน้าโดยตรง ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพก็เดินตามออกไปด้วย
ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยจึงเข้าใจ เหลียงหมิงเยว่ไม่ได้คิดที่จะฆ่าคนหนึ่งในนั้นของพวกเขาเลย แต่จะฆ่าซินชิวกับจื่ออีในเวลาเดียวกัน
เพียงแค่ไป๋ยี่เฟยมีจุดหนึ่งไม่เข้าใจ ถ้าหากว่าเหลียงหมิงเยว่ใช้พลังทั้งสามคนนี้ ไปจัดการซินชิวหรือจื่ออีทีละคนล่ะก็ งั้นไม่มีทางพลาดอย่างเด็ดขาด
แต่ว่าทำไมเขาจะแยกคนออกไปล่ะ? ถ้าหากพลาดแล้วจะทำยังไงดีล่ะ?
ในเวลานี้อยู่ดีๆจื่ออีพูดว่า “เหลียงหมิงเยว่รอไม่ไหวแล้ว”
“หมายความว่าอะไรหรือ?” ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที
จื่ออีอธิบายว่า “เขามีโรคหัวใจ อีกทั้งเขารู้ว่าเวลาของตนเองไม่มากแล้ว ดังนั้นเขารอไม่ไหวแล้ว อยากจะใช้วินาทีสุดท้ายนี้ไปพนันสักหน่อย”
“สภาวะอย่างพวกคุณแบบนี้ป่วยเป็นด้วยหรือ?” ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจอย่างมาก
จื่ออีเหลือบมองเขาหนึ่งทีพูดว่า “เป็นคนล้วนมีเกิดแก่เจ็บตาย”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรกลับหุบปากเลย
ถึงยังไงจื่ออีกับซินชิวล้วนอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว แต่ดูแล้วลักษณะท่าทีก็เหมือนแค่อายุสามสิบสี่สิบปี ดูแล้วก็ทำให้คนรู้สึกมหัศจรรย์มาก มหัศจรรย์จนเหนือความรู้ทั่วไปแล้ว
ทั้งสองคนเดินออกจากคลังเก็บทอง ถึงชายหาดริมทะเล
ในเวลานี้ไป๋ยี่เฟยตื่นตะลึงอย่างมาก เพราะว่าชายหาดห่างไกลจากคลังเก็บทองยังมีช่วงระยะไกลมากช่วงหนึ่ง แต่เขาถึงขนาดสามารถส่งเสียงเข้าไปในคลังเก็บทอง!
และตอนที่พวกเขามาถึงชายหาด ที่พบเห็นกลับเป็นตาแก่ที่สวมใส่ชุดลายพรางทหารกำลังก้มตัวจับปลาอยู่ในทะเล
เขาใช้กิ่งไม้ยาวๆอันหนึ่ง เอาปลาที่จับได้เสียบเข้าไปหมด จากนั้นไปจับปลาอีกตัวหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจื่ออีมาแล้ว เขาก็ไม่ได้หยุดการกระทำของเขาเช่นกัน
จื่ออีก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ก็ยืนอยู่บนชายหาดรอเขาพร้อมกับไป๋ยี่เฟย
จื่ออีจ้องมองการกระทำที่เขาจับปลา ถอนหายใจเบาๆหนึ่งทีพูดว่า “คุณแก่แล้ว”
ตาแก่ลงมืออย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งยื่นเข้าไปในน้ำทะเล ตอนที่ดึงมือออกมา ในมือก็มีปลาเพิ่มมาอีกตัวหนึ่งแล้ว
เขาจับปลาไว้มองแล้วมองอีกพูดว่า “นอกจากพวกคุณไม่กี่คน ใครจะไม่แก่อีกล่ะ?”
พูดอยู่เขาก็เสียบปลาตัวนั้นไว้ในกิ่งไม้ สมทบให้ครบห้าตัวพอดี
จากนั้นเขาไม่จับปลาอีก หมุนตัวเดินไปยังชายหาด หลังจากเดินเข้ามาเขาก็วางอยู่กับพื้นอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเช็ดมือเช็ดแล้วเช็ดอีก นี่จึงยืนตัวตรงขึ้นมาจ้องมองจื่ออี
จากนั้นตอนที่เขามองเห็นไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปเล็กน้อยหนึ่งที
จื่ออีก็เลยแนะนำเขาว่า “ลูกศิษย์ของฉัน ไป๋ยี่เฟย”
ทันใดนั้นตาแก่ก็ยิ้มแล้ว “เขาก็คือรุ่นหลังของคุณคนนั้นหรือ?”
จื่ออีพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ตาแก่ก็พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกตามไปด้วย ยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “มิน่าล่ะ ผมเห็นเขายังถูกชะตามาก”
“ไอ้หนุ่ม ปลาที่คุณย่างไม่เลว มีโอกาสละก็ค่อยย่างให้ผมกินอีก ผมจะถ่ายทอดประสบการณ์ให้คุณสักหน่อย ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนแล้ว”
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยกลับมึนงงมาก
รุ่นหลังของคุณคนนั้นชี้ถึงใครอีกล่ะ?
อีกทั้งล้วนถึงเวลานี้แล้ว ตอนที่เผชิญหน้ากับเขา เขาไม่มีเจตนาอันเป็นศัตรูเลย
จากนั้นไป๋ยี่เฟยสงสัยงงงวยอีกจ้องมองจื่ออี
จื่ออียิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “วันหลังคุณก็จะรู้เอง”
ต่อจากนี้ตาแก่หยิบกระเป๋าเป้ของเขาขึ้นมา พอเปิดออกดูถึงขนาดเป็นใบมีดที่เป็นแผ่นๆ
และใบมีดเหล่านี้ล้วนถูกโซ่เส้นหนึ่งร้อยใส่เข้าด้วยกันแล้ว ดูลักษณะน่าจะเป็นอาวุธชนิดหนึ่ง
เริ่มแรกไป๋ยี่เฟยยังคิดว่าสิ่งที่ใส่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเขาล้วนเป็นของใช้ประจำวันเล็กน้อยของเขา ตอนนี้จึงรู้ว่าถึงขนาดเป็นอาวุธของเขา
ตาแก่หยิบอาวุธของเขาออกมา พูดกับจื่ออีว่า “เริ่มตอนนี้เลยเถอะ”
จื่ออียิ้มพูดว่า “ร้อนใจขนาดนี้หรือ? ยี่สิบปีไม่ได้เจอจะไม่คุยกันถึงเรื่องในอดีตหน่อยหรือ?”
ตาแก่กลับพูดว่า “ยี่สิบปีไม่เจอ ผมรีบร้อนจนวินาทีเดียวล้วนไม่อยากรอแล้ว”
จื่ออีเห็นสภาพ ก็เลยพูดกับไป๋ยี่เฟยทันทีว่า “คุณออกห่างไกลสักหน่อย”
ตาแก่ก็พูดตามไปด้วยเช่นกัน “ใช่ ออกห่างไกลๆหน่อยไปสูบบุหรี่ที่นั่นเถอะ”
หลังจากพูดจบเขาก็เลยโยนไฟแช็กให้กับไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยยื่นมือรับไว้แล้ว นั่นคือไฟแช็กที่เขาให้กับตาแก่
ไป๋ยี่เฟยมีความเป็นห่วงเล็กน้อย จ้องมองจื่ออีหนึ่งที เห็นเธอดูเหมือนสงบเยือกเย็นมาก ก็เลยเชื่อฟังเดินไปถึงก้อนหินใหญ่หลายก้อนที่อยู่ไกลๆ
ที่นี่ห่างไกลกับพวกเขาสองร้อยกว่าเมตร ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว ก็เลยนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ หยิบบุหรี่ออกมา จุดแล้วหนึ่งม้วนจริงๆ
ยังจำได้ว่าในตอนต้นเขาถูกเหลียงเหว่ยชาวจับไว้ พอจื่ออีมาใช้ท่าเดียวก็ทำให้เหลียงเหว่ยชาวพ่ายแพ้ ในเวลานั้นรู้สึกว่าจื่ออีเก่งมาก
แต่ว่าเหลียงเหว่ยชาวถึงยังไงก็สู้จื่ออีไม่ได้ แต่ตาแก่คนนี้ในวันนี้คิดว่าก็เป็นเดนเทพยุทธ์เช่นกัน รับมือกับยอดฝีมือระดับนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาทำใจไว้ดีแล้วแต่ตอนที่จื่ออีกับเมิ่งหลินประมือกันจริงๆ เขายังคงตื่นตะลึงแล้ว
ชั่วพริบตาเดียวที่ทั้งสองคนประมือกัน อากาศล้วนดูเหมือนกลายเป็นลมพลังอ้านจิ้ง ไฟที่อยู่บนพื้นล้วนถูกเป่าขึ้นมา แตกกระจายอยู่กลางอากาศ และน้ำทะเลในบริเวณนั้นถึงขนาดระเบิดฟองคลื่นออกมาเป็นลูกๆ
เมิ่งหลินโยนโซ่ไปยังจื่ออีกลางอากาศล้วนเกิดเสียงแสบหูออกมา
ทรายเหล่านั้นถูกพลังอ้านจิ้งของเมิ่งหลินควบคุมไว้ชนไปยังจื่ออีพร้อมกัน แต่จื่ออีเพียงแค่สะบัดมือเบาๆหนึ่งที ทรายที่ชนเข้ามาก็เปลี่ยนทิศทางไป แตกกระจายอยู่กลางอากาศ
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วตกตะลึงจนอ้าปากค้าง อีกทั้งการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนเร็วมาก ถึงแม้ด้วยพลังความสามารถของไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ล้วนมองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
ภายใต้การเคลื่อนไหวการประมือกันหลายครั้งทั้งแยกออกอย่างรวดเร็วหลายครั้งของทั้งสองคน ดูเหมือนยังเหลือเศษเงาไว้อยู่ ฉากที่ดูแล้วเหมือนดั่งถ่ายหนังจริงๆ ยังเป็นหนังที่แฝงไว้ด้วยสีสันแฟนตาซีแบบนั้น
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็เข้าใจแล้วเช่นกัน ทำไมล้วนจะให้เขาหลีกห่างไปไกลหน่อย