ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 942
ลู่เหมียวเหมียวถูกโยนลงไปที่พื้น เธอจ้องไปที่ชายวัยกลางคนที่น่ากลัวทั้งสองทีมีใบหน้าที่ดุร้าย
ลู่เหมียวเหมียวพักอาศัยอยู่ในอาคารสำนักงานเทศบาลของเมืองกวงหมิงมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าเมืองกวงหมิงดีขึ้นอย่างเรื่อยๆ เธอจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถอยู่อย่างเปล่าประโยชน์ได้ และจะต้องทำอะไรบางอย่าง
ดังนั้นเธอจึงไปหาไป๋ยี่เฟย และไป๋ยี่เฟยก็ตกลงด้วย เธอก็เลยติดตามหลิวเสี่ยวอิงไปที่โรงพยาบาล และกลายเป็นพยาบาลคนหนึ่ง
เพราะในตอนกลางวันผู้คนในเมืองกวงหมิงและคนของสำนักหนานเหมินเพิ่งต่อสู้กัน และมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน และจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ลู่เหมียวเหมียวก็ยุ่งมากตามไปด้วยเช่นกัน
ในเวลานั้นก็คือคนสองคนที่อยู่ต่อหน้าเธอ พวกเขาพาชายแขนหักคนหนึ่งมาส่งโรงพยาบาล เธอเป็นคนที่รับผิดชอบการลงทะเบียน และผลักเข้าห้องผ่าตัด
และในที่สุดหลังจากที่เธอว่างแล้วถึงจะมีเวลาไปดื่มน้ำ
และในเวลานี้ ชายคนที่อ้วนก็เดินเข้ามาคุยกับเธอว่า “นางพยาบาลน้อย พี่น้องของผมอาการเป็นอย่างไรบ้างเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดลู่เหมียวเหมียวก็ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันเป็นแค่พยาบาลคนหนึ่ง ฉันไม่รู้………”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอถูกชายที่อยู่ตรงหน้าเคาะที่คอของเธอ และหมดสติไป
เธอเพิ่งตื่นมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว และพบว่าตัวเองถูกลักพาตัวไปแล้ว
เหล่าซุนแตะคางแล้ว มองดูลู่เหมียวเหมียวอย่างน่ากลัว “เฮ้ นางพยาบาลน้อยคนนี้สวยจัง”
เมื่อชายคนที่ขับรถลงจากรถก็เห็นว่าเธอตัวสูงและผอม แล้วก็บอกเหล่าซุนว่า “อย่าทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น รีบฆ่านางให้ตายเถอะ”
“ไม่ใช่ผมว่าคุณนะ นางพยาบาลน้อยคนนี้หน้าตาสวยจริงๆ น่าเสียดายเกินไปไหม ที่ฆ่าทิ้งแบบนี้เลย?” เหล่าซุนย่อตัวลงลงและบีบแก้มของลู่เหมียวเหมียวด้วยมือของเขา
ลู่เหมียวเหมียวได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เข้าใจสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำกับตัวเองในทันที ดังนั้นเธอจึงกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา
และที่นี่ก็คือชายทะเล จะไม่มีคนมาที่นี่ และก็ไม่มีใครสามารถมาช่วยเธอได้อยู่ที่นี่
ในเวลาเดียวกัน เธอก็นึกถึงคนคนหนึ่ง ที่ทำให้เธอทั้งรักทั้งเกลียด
น้ำตาแห่งความสิ้นหวังและเสียใจก็ไหลอาบแก้มของเธอลงมา
เธอเฝ้าดูเหล่าซุนหัวเราะอย่างลามกต่อเธอ จากนั้นก็หยิบผ้าออกจากปากเธอ แล้วยัดยาเข้าปากของเธอหนึ่งเม็ด “นางพยาบาลน้อย หลังจากกินยานี้แล้ว รับประกันว่ามันจะทำให้คุณมีความสุขไปจนตาย”
ลู่เหมียวเหมียวตัวสั่น และสะอื้นด้วยเสียงต่ำ
ความสิ้นหวังในดวงตาของเธอได้ท้วมตัวเธอไปหมดแล้ว และในเวลานี้เธอรู้สึกว่า ความตายไม่ได้ทำให้คนรู้สึกกลัวขนาดนั้นแล้ว
และในขณะนั้น ก็มีเสียงที่เย็นเยียบดังมาจากที่ไม่ไกล
“รู้ไหมว่าการที่ทำเช่นนี้มีผลอะไรที่จะตามมา?”
ชายสองคนและลู่เหมียวเหมียวตกใจ และมองไปทันที
ชายร่างสูงยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา เมื่อเขาปรากฏตัว ดวงตาของลู่เหมียวเหมียวก็เป็นประกายมากขึ้น
เพราะเธอรู้ว่า คนคนนี้คือคนของไป๋ยี่เฟย ที่เรียกว่าล่ายเคอ
“พี่ล่าย!”
นี่เป็นเสียงที่น่าประหลาดใจ แต่ไม่ใช่จากลู่เหมียวเหมียว แต่มาจากเหล่าซุนและชายร่างสูงผอม
ดังนั้นลู่เหมียวเหมียวที่เห็นความหวังในตอนแรก ก็ตกสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังในเวลาอันสั้นๆ
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว รู้สึกว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันมาก งั้นก็แสดงว่า ล่ายเคอก็เป็นคนพวกเดียวกับพวกเขาด้วยงั้นเหรอ?
ล่ายเคอเดินเข้ามา หลังจากที่เห็นทั้งสองคน “เป็นเหล่าซุนและเหล่าจางนี้เอง นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน”
เหล่าซุนออกจากลู่เหมียวเหมียวชั่วคราวและยืนขึ้น และก็เดินเข้าไปที่ตรงหน้าล่ายเคออย่างมีความสุขและพูดว่า “เมื่อกี้นี้ทำให้ผมตกใจหมดเลย ปรากฏว่าเป็นพี่ล่ายนั่นเอง ที่คุณยังมีชีวิตอยู่ มันเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ เลย”
เหล่าจางก็หัวเราะตามและพูดว่า “ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาว่าคุณกับเต้าจ่างและคนอื่นๆ ออกไปปฏิบัติภารกิจด้วยกัน พี่น้องพวกนั้นตายกันหมดแล้ว และไม่คิดว่าคุณยังมีชีวิตอยู่”
ล่ายเคอหัวเราะ แล้วก็ถอนหายใจและพูดว่า “ใช่ มันค่อนข้างน่าแปลกใจ ตอนนี้มันกลับกันโดยสิ้นเชิง เต้าจ่างเป็นคนทรยศที่สมรู้ร่วมคิดกับสำนักหนานเหมิน และไป๋ยี่เฟยกลับกลายเป็นกำลังหลักในการต่อสู้กับสำนักหนานเหมินในครั้งนี้”
เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าจางก็ถามว่า “พี่ล่าย ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ”
เหล่าซุนตบมือไปทีหนึ่ง แล้วเหล่าหลินก็พูดว่า “นี่คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่เหรอ? แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่วิ่งหนีออกมาเหมือนกับพวกเราไง ใครแม่งจะไปสละชีวิตเพื่อไอ้โง่พวกนั้นจริงๆ เล้า?”
“พี่ล่าย ในเมื่อพวกเราก็ได้เจอกันแล้ว ต่อไปนี้เราสามคนก็อยู่ด้วยกัน ผมกับเหล่าจาง จะติดตามคุณไป และเชื่อฟังคุณ”
เมื่อล่ายเคอได้ยินเช่นนี้ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เชื่อฟังผมทุกอย่างใช่ไหม?”
“ใช่ครับ!” เหล่าจางพยักหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ล่ายเคอก็พูดว่า “โอเค ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็กลับไปพร้อมผม และยอมรับผิดต่อลูกพี่ไป๋ บางทีเขาอาจจะไว้ชีวิตพวกคุณก็ได้”
“อะไรนะ? ” เหล่าซุนและเหล่าจางทั้งสองคนต่างตะลึงไปเลย รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็แข็งขึ้นมา
จากนั้นเหล่าซุนก็จ้องไปที่ล่ายเคอด้วยความประหลาดใจ “พี่ล่าย คุณหมายความว่ายังไง? ”
ล่ายเคอมองดูพวกเขา และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ความรุ่งโรจน์และการล่มสลายของโลกใบนี้ เป็นหน้าที่ของทุกคน แม้ว่าเราจะไม่แข็งแกร่งพอ แต่เราก็ควรทำให้ดีที่สุด”
บนใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้
เหล่าซุนยังอุทานออกมาอีกว่า “พี่ล่าย นี่คุณเป็นอะไรไปเหรอ? นี่มันไม่เหมือนพี่เลย!”
“ผมจำได้ว่าตอนที่คุณยังอยู่ในสหพันธ์ธุรกิจ ทั้งๆ ที่คุณเป็นคนที่ขี้ขลาดกลัวตายที่สุด! ทำไมตอนนี้คุณถึง…….”
เหล่าจางจ้องมองที่เหล่าซุน หัวเราะสองครั้งแล้วพูดว่า “พี่ล่าย อย่าไปฟังที่เขาพูดเลย เขาแค่พูดจาไม่ดี”
“อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้อยากทำเช่นกัน แต่เพราะว่าช่องว่างความแข็งแกรงของเรามันต่างกันเกินไป ถึงจะไปแล้วก็เท่ากับไปตาย อีกอย่าง เราต่างก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว หากเราตายไปแล้วคนในครอบครัวควรจะทำอย่างไร? คุณว่าถูกไหม?”
ล่ายเคอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็ส่ายหัว สายตาของเขายังคงแน่วแน่มาก “อันที่จริงเหล่าซุนพูดถูก ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ขี้ขลาดกลัวตายจริงๆ แม้กระทั่งพูดได้ว่า การมีชีวิตอยู่นั้นแบบไร้ความหมายอย่างมาก”
“แต่ตอนนี้มันต่างกันออกไป ผมได้พบความหมายของชีวิต และความหลงใหลในการใช้ชีวิตแล้ว”
“ความหลงใหลเหรอ?” เมื่อเหล่าซุนได้ยินเช่นนี้ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมา เขาชี้ไปที่ลู่เหมียวเหมียวที่อยู่บนพื้นและพูดว่า “คุณดูสินางพยาบาลน้อยคนนี้สวยงามมาก คุณสามารถมีความหลงใหลได้ตามต้องการ ผมจะมอบเธอให้คุณไป”
ล่ายเคอยังคงส่ายหัวเหมือนเดิมและพูดว่า “นี่ไม่ใช่ความหลงใหล นี่คือการก่ออาชญากรรม”
“ก่ออาชญากรรมเหรอ?” เหล่าซุนหัวเราะอย่างโกรธเคือง “ล่ายเคอ คุณก็พูดคำว่าอาชญากรรมเป็นด้วยหรือ? อาชญากรรมที่คุณก่อไว้ในเมื่อก่อนมันยังน้อยเหรอ?”
ล่ายเคอพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“ถุย!” เหล่าซุนถุยใส่ข้างๆ ไปทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีกแล้ว คุณไปเถอะ ก็คิดซะว่าไม่เคยเจอกับเราในคืนนี้”
ล่ายเคอยังคงส่ายหัว เขาพูดว่า “ลูกพี่ไป๋เคยกล่าวว่า คนที่หนีการต่อสู้ ให้ฆ่า! สำหรับคนที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิง ก็ต้องโดนลงโทษ!”
เหล่าซุนโกรธเพราะล่ายเคอ “ล่ายเคอ มึงแม่งยังรู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร? มึงอยู่กับไป๋ยี่เฟยมานานแค่ไหนแล้ว? ก็จะยอมสละเพื่อไป๋ยี่เฟยแล้วหรือ? ”
“อีกอย่างเราสามคนมีความแข็งแกร่งเท่ากัน หรือว่ามึงยังอยากจะลงมือกับพวกเรางั้นหรือ?”
สีหน้าของเหล่าจางก็เย็นชาลงเช่นกัน และเขาพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ล่ายเคอ ในเมื่อมึงอยากจะติดตามเขา งั้นมึงก็ตามไปไม่มีความเกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย และก็อย่ามาขวางทางพวกเราหาทางรอดชีวิต มิเช่นนั้นก็อย่าโทษพวกที่ไม่ไว้หน้า”
ล่ายเคอพูดเบาๆ ว่า “พวกคุณกลับไปกับผม และผมสามารถช่วยขอร้องให้พวกคุณได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าซุนและเหล่าจางก็ชำเลืองมองกันและกัน และเพียงแค่ชำเลืองมองทั้งสองก็บรรลุข้อตกลงร่วมกัน
วินาทีถัดมา ทั้งสองออกตัวพร้อมกัน คนหนึ่งถือมีด อีกคนชกด้วยหมัด และโจมตีล่ายเคอในเวลาเดียวกัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ล่ายเคอดูเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หยิบมีดออกมาและฟันไปที่เหล่าซุนอย่างใจเย็น
เหล่าซุนตกใจอย่างกะทันหัน มีดที่ล่ายเคอออกตัว เห็นได้ชัดว่า ทำร้ายศัตรูนับพัน แต่กลับทำร้ายตัวเองแปดร้อย!
ตอนที่เขาอยู่ในสหพันธ์ธุรกิจ ล่ายเคอเป็นคนที่รักษาชีวิตมากที่สุด แต่ตอนนี้การออกตัวของเขา ทำให้เขาไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นเขาจึงรีบเก็บมีด และถอยหนีเพื่อหลบมีดของล่ายเคอ
ในทางกลับกันล่ายเคอกลับโดนหมัดของเหล่าซุนไปทีหนึ่ง แต่มีดนั้นก็กรีดเข้าที่แขนของเหล่าซุนในเวลาเดียวกัน
“บูม!”
ล่ายเคอนั่งลงบนกับพื้นอย่างแรง
และเลือดของเหล่าซุนก็ไหลกระจาย เพราะแขนของเขาถูกกรีด
เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าจางก็รีบเร่งเข้าไป และอยากจะใช้โอกาสที่จะต่อยล่ายเคออีกครั้ง แต่ล่ายเคอก็ลุกขึ้นทันที ไม่หลบไม่หลีก และถึงกับพุ่งเข้าหาเขาด้วยซ้ำ
“บูม!”
หมัดของทั้งสองตกลงบนร่างของกันและกันพร้อมกัน
เหล่าจางก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเลยทีเดียว แต่ล่ายเคอกลับล้มลงกับพื้นอีกครั้ง แม้กระทั่งกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
เหล่าซุนเหลือบมองไปที่แขนที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเอง การแสดงออกของเขาก็น่ากลัวมากขึ้น เขาหยิบมีดชี้ไปที่ล่ายเคอและพูดว่า “นี่เป็นคุณที่บังคับพวกเราเอง!”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็ฟันไปทางล่ายเคอด้วยมีด
ล่ายเคอก็รีบลุกขึ้นมาและสับกลับด้วยมีด
เหมือนกับเมื่อก่อน นี่เป็นวิธีการต่อสู้แบบไม่เอาชีวิต และเหล่าซุนก็ต้องเก็บมีดคืนกลับมาเพื่อต้านทานมีดของเขา “มึงแม่งบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเห็นเช่นนี้เหล่าจางก็เดินตามไปข้างหน้า และช่วยเหล่าซุน พร้อมตะโกนด้วยเสียงดังว่า “ล่ายเคอ เราไม่เคยมีความแค้นต่อกันเลย เหตุใดจึงต้องสู้ตายกันขนาดนี้ล่ะ?”