ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 950
คิดว่าเพราะได้ยินเสียงแล้ว ถึงดึงดูดคนอื่นมา
มีคนทั้งหมดเจ็ดคนที่เดินเข้ามา คนที่เป็นหัวหน้ามีผมเป็นสีขาวทั้งหัว สวมใส่ชุดสูทถังแบบหลวมๆ และมีไฝขนาดเท่าเม็ดถั่วแดงที่มุมปากของเขา
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น พวกเขาทั้งหมดก็จ้องไปที่ไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้าที่มืดมน
ชายชราคนที่เป็นหัวหน้าตะคอกอย่างเย็นชาว่า “ไป๋ยี่เฟย คุณคิดว่าตอนนี้ตัวเองยอดเยี่ยมมากแล้วใช่ไหม? สามารถไม่สนใจกฎระเบียบของตระกูลไป๋ได้แล้วใช่ไหม?”
“หรือคุณคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะเต้าจ่างได้ ก็จะสามารถท้าทายตระกูลไป๋งั้นเหรอ?”
“จะขอบอกคุณนะว่า ผมเพียงต้องพูดคำเดียว เฟยเสว่กรุ๊ปของคุณ และอำนาจของคุณ ก็จะหายไปทันที!”
ด้วยคำพูดเหล่านี้สีหน้าของหลี่เสว่ก็ซีดเผือดมากยิ่งขึ้น เธอรีบพูดกับชายชราว่า “ท่านปู่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับไป๋ยี่เฟยเลย ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ฉันเอง…….”
เมื่อเห็นหลี่เสว่เป็นเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยก็ดึงตัวเธอกลับมา ลากตัวเธอไปข้างหลังของตัวเองแล้วพูดว่า “ภรรยา มีผมอยู่ ไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตัวต่อใครทั้งนั้น”
หลี่เสว่ยังคงกังวลมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้
ไป๋ยี่เฟยตบมือของเธอปลอบโยนอย่างเบาๆ จากนั้นก็หันกลับมา จ้องไปที่ชายชราคนนั้น แล้วถามอย่างจางๆ ว่า “คุณคือคุณปู่ใหญ่งั้นหรือ?”
ชายชราตะคอกอย่างเย็นชา และทำท่าหยิ่งผยอง และไม่ได้มองดูไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาอย่างตรงๆ เลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นไป๋ยี่เฟยอยู่ในสายตาเลย
ตามที่คาดไว้ ด้วยสถานะปัจจุบันของตระกูลไป๋ ผู้เฒ่าเหล่านี้ถึงแม้สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงก็ยังจะเกรงกลัวอยู่บ้าง และจะไม่เห็นรุ่นหลังอยู่ในสายตาของพวกเขาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาอย่างเย็นชาเมื่อเห็นเช่นนี้และถามว่า “ภรรยาของผมยังอยู่ในช่วงเวลาอยู่เดือน ทั้งๆ ที่ควรจะดูแลเธอให้ดี แต่พวกคุณกลับให้เธอทำอะไรบ้างเหรอ?”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หญิงวัยกลางคนที่อยู่บนพื้นและพูดว่า “เธอให้ภรรยาของผมถูพื้น และยังถ่มน้ำลายลงบนพื้นดูหมิ่นภรรยาของผม!”
“ไอ้สารเลว!” ชายชราผมขาวเล็กน้อยยืนออกมา และชี้ไปไป๋ยี่เฟยอย่างโกรธเคืองและพูดว่า “คุยกับคุณย่าสามของคุณอย่างไร กล้าที่จะไม่ให้ความเคารพเธอขนาดนั้นเลยเหรอ!”
จากนั้นอีกคนก็ตะโกนว่า “คุกเข่าลงเดียวนี้ และขอโทษคุณย่าสามของคุณทันที!”
ไป๋ยี่เฟยตะลึงอยู่ครู่หนึ่งที่เห็นเช่นนี้ เขาไม่สามารถเข้าใจกับทัศนคติของพวกเขาที่เป็นเช่นนี้ได้เลย ทั้งๆ ที่เขากำลังพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหลี่เสว่อยู่ แต่คนเหล่านี้ก็พาเขาไปที่เรื่องไม่ไห้ความเคารพต่อผู้ใหญ่ และตำหนิเขา
“ดังนั้น สิ่งที่ผมพูดไปในตอนเมื่อกี้นี้พวกคุณคงไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างเย็นชา
ชายชราคนหนึ่งตำหนิด้วยเสียงดังว่า “บังอาจ มึงช่างกล้าเหลือเกิน!”
“กล้าแม่มึงสิ!” ไป๋ยี่เฟยก็ตะโกนทันที
เพราะเสียงคำรามนี้ ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้นคุณปู่ใหญ่ก็โกรธขึ้นมาทันที “ไอ้สารเลว กล้าดียังไงถึงได้ไม่ให้ความเคารพต่อผู้ใหญ่เช่นนี้!”
“ช่างผู้ใหญ่แม่งสิ!” ไป๋ยี่เฟยด่าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเยาะเย้ยต่อว่า “แต่ละคนเป็นถึงผู้เฒ่าแต่เป็นผู้เฒ่าที่ไม่มีกาลเทศะ และยังปล่อยให้หลานสะใภ้ในนามของพวกคุณได้รับความอัปยศอดสูและความทรมานมากมาย พวกมึงแม่งยังสมควรที่จะเป็นผู้เฒ่าอีกงั้นเหรอ? ”
“ผู้เฒ่าแม่มึงสิผู้เฒ่า!”
หลี่เสว่รู้สึกกังวลมากขึ้นเมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยเป็นแบบนี้ เธอคว้าตัวไป๋ยี่เฟย และพูดเบาๆ ว่า “สามีคุณอย่าโกรธ และอย่าหุนหันพลันแล่น มันไม่คุ้มค่าเลย ที่ทะเลาะกับผู้อาวุโสเพื่อฉัน”
ไป๋ยี่เฟยกลับกล่าวอย่างเสียงดังว่า “สำหรับคุณแล้ว แม้ว่าผมจะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกมันก็คุ้มค่า!”
“ภรรยา ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอดทนยอมใครเพื่อรักษาสถานการณ์โดยรวมอีกเลย คุณเป็นภรรยาของผม ก็ควรเชิดหน้ายืดอก ไม่อย่างนั้นมันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดต่อคุณมากขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เสว่ก็ตกตะลึงอยู่กับที่ และเธอมองไป๋ยี่เฟยด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
เขายังเหมือนเดิม
ไป๋ยี่เฟยจับมือหลี่เสว่แน่ๆ และเดินไปที่ห้องเลี้ยงลูกๆ ของเขา
ผู้เฒ่าเข้าใจความหมายของเขาในทัน จู่ๆ ก็เข้าไปขัดขวาง “หยุด อย่าคิดที่จะพาเชื้อสายของตระกูลไป๋ออกไป!”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะอย่างโกรธจัดกับคำพูดนี้ เขาไม่ได้สนใจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับคนคนนี้ และพูดตรงๆ ว่า “ไปให้พ้น อย่ามาขวางทางกู!”
“คุณ!” ชายชราสีหน้ามืดมนด้วยความโกรธ กัดฟันจ้องไป๋ยี่เฟย “รนหาที่ตายจริงๆ!”
ในขณะที่เขาพูดเขาก็ตบเข้าที่ไป๋ยี่เฟย
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นฉากนี้ สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม เพราะชายชราผู้นี้มีเพียงความแข็งแกร่งระดับที่สองระชั้นกลางเท่านั้น สำหรับไป๋ยี่เฟยแล้วยังไม่เพียงพอเลย
หลังจากที่เห็นไป๋ยี่เฟยยกมือขึ้น เขาก็มาถึงเร็วกว่าชายชรา
“พัฟ!”
การตบนี้ทำให้ชายชราถอยหลังไปหลายก้าวโดยตรง
คนอื่นเห็นฉากนี้ ก็อึ้งไปนานยังไม่ตอบสนองกลับมาเลย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น และพาหลี่เสว่ไปที่ห้องนอน
เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นเตียงนอนในห้องนอนสองตัว บนเตียงมีของเล่นเยอะแยะ และนมผงที่ดีที่สุด ต้องบอกว่าพวกเขายังคงดีต่อเด็กมาก
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็เห็นหน้าลูกของตัวเอง แสงแห่งความอ่อนโยนก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา
และในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงคำรามมาจากด้านหลัง “เจ้าเด็กเวรเอ๊ย! กล้าดียังไงถึงลงมือทุบตีผู้เฒ่า! รนหาที่ตายจริงๆ เลย!”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ เขาก็ผลักตัวหลี่เสว่ไปทางเปล และพูดเบาๆ ว่า “ภรรยา คุณไปให้นมลูกก่อน และเราจะจากไปหลังให้นมลูกเสร็จ”
หลังจากพูดจบ ก่อนที่หลี่เสว่จะตอบสนองได้ เขาก็หันหลังเดินออกไป และปิดประตูตามด้วย
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่ในห้องโถง ดวงตาของเขาเป็นประกายมากขึ้นในทันที
และชายชราสองคนในนั้นก็ฉายแววตาที่เป็นสีแดง และพุ่งเข้ามาที่ไป๋ยี่เฟย
หนึ่งในนั้นมีความแข็งแกร่งที่ลดระดับลงเหลือเพียงระดับที่หนึ่งชั้นต่ำโดยตรง และอีกคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขาก็ใกล้เคียงกับระดับที่หนึ่งชั้นต่ำเช่นกัน
หลังจากที่เห็นเช่นนี้ไป๋ยี่เฟยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่ให้ความเคารพตนเช่นนี้!”
ทันทีหลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ชกออกไปอย่างสบายๆ หนึ่งคนหนึ่งหมัด และชายชราสองคนนั้นก็บินออกไป ก่อนที่พวกเขาจะแตะต้องโดนตัวไป๋ยี่เฟยได้
“บูม!”
พวกเขากระแทกตรงไปที่กำแพงฝั่งตรงข้าม และก็ตกลงมาอีกครั้ง
อีกห้าคนตกตะลึงไปเลยเมื่อเห็นฉากนี้
จะต้องรู้ว่า ในภาคเหนือ มีผู้ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งเพียงไม่กี่คน
ผู้เฒ่าเหล่านี้ของตระกูลไป๋หลังจากที่เข้าสู่สภาวะแปรสภาพแล้ว ความแข็งแกร่งก็จะอยู่ที่ระดับที่หนึ่งชั้นต่ำหรือใกล้เคียงกับระดับที่หนึ่ง ดังนั้นพวกเขาถึงมีความรู้สึกที่ดูถูกสิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง โดยคิดว่าตัวเองมีพลังมากจนไม่มีใครสามารถทำอะไรพวกเขาได้
แต่ทันทีที่ไป๋ยี่เฟยเคลื่อนไหวอย่างเบาๆ และก็ทุบตีจนผู้ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งชั้นต่ำและผู้ยอดฝีมือที่ใกล้เคียงระดับที่หนึ่งบินออกไป และพวกเขามองไม่เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าไป๋ยี่เฟยออกตัวอย่างไร
ดวงตาของไป๋ยี่เฟยเป็นสีดำจนมีแสงเกิดขึ้น และเขาพูดอย่างเย็นชาว่า “นั่นคือลูกของผม ผมอยากจะพาไปก็สามารถพาไปได้ พวกคุณต้องมีสิทธิ์อะไรมาขัดขวางไว้?”
“ยี่สิบปีที่แล้ว ก็คือไอ้แก่อย่างพวกแกที่บังคับให้พ่อแม่ผมทิ้งผมไป และตอนนี้ยังจะมีหน้าให้ผมทิ้งลูกผมไว้งั้นเหรอ มีสิทธิ์อะไร?”
พูดถึงเรื่องนี้ไป๋ยี่เฟยหยุดชั่วคราว แล้วมองดูทุกคน เขาเยาะเย้ยว่า “พอดีเลย วันนี้เราก็มาคิดบัญชีนี้กันสักหน่อยเถอะ”
“ในพวกคุณ ใครคือคนที่บังคับให้พ่อแม่ผมทิ้งผมไป?”
อณาจักรปัจจุบันของไป๋ยี่เฟยทำให้เขามองเห็นอะไรหลายๆ อย่างได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเขาฉลาดมากอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดได้ชัดเจนขึ้นเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว
ด้วยนิสัยใจคอของอู๋กุ้ยเซียง เธอคงไม่คิดริเริ่มที่จะละทิ้งไป๋ยี่เฟย และนิสัยที่ดื้อรั้นอย่างไป๋หยุนเผิง ก็จะไม่เชื่อในเรื่องโชคชะตาอย่างแน่นอนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ดังนั้นคนที่ตัดสินใจทิ้งไป๋ยี่เฟยในที่สุดก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากผู้เฒ่าเหล่านี้ในบ้านหลังเก่าของตระกูลไป๋?
ร่างของแม่บุญธรรมและน้องสาวของเขาปรากฏขึ้นในความคิดของไป๋ยี่เฟย และทั้งสองคนก็ได้จากเขาไปแล้ว
แต่ในขณะนั้น คุณปู่ใหญ่ที่ตอบสนองกลับมามีสีหน้าที่บูดบึ้ง และชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยและตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า “ลูกชายที่ดื้อรั้นของตระกูลไป๋คือไป๋ยี่เฟย ไม่ให้ความเคารพแก่ผู้ใหญ่ และทุบตีผู้เฒ่าในตระกูล ตระกูลไป๋จะปล่อยให้ลูกอกตัญญูเช่นนี้อยู่ได้!”
“วันนี้ก็จะขับไล่ลูกอกตัญญูนี้ออกจากตระกูลไป๋ และทำลายกังฟูในตัวเขาด้วย!”
“พี่น้อง ออกตัวพร้อมกัน!”
“ครับ!”
สี่คนที่เหลือและอีกสองคนที่ถูกไป๋ยี่เฟยทุบตีบินออกไปต่างก็ตอบคำพูด
ทันทีหลังจากนั้นผู้เฒ่าทั้งเจ็ดคนก็เข้าสู่สภาวะแปรสภาพในทันที ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายด้วยแสงสีแดงเข้ม
เนื่องจากทุกคนเข้าสู่สภาวะแปรสภาพ จึงมีเจตนาฆ่าที่รุนแรงในห้องโถงนี้ในทันที
คุณปู่ใหญ่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่หนึ่งชั้นกลาง และคนที่อ่อนที่สุดของพวกเขาคือระดับที่สองชั้นสูง
พวกเขาพุ่งเข้าไปที่ไป๋ยี่เฟยในเวลาเดียวกัน
ไป๋ยี่เฟยยืนอยู่หน้าประตู และหลี่เสว่และลูกๆ ของเขาอยู่หลังประตู ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถก้าวถอยหลังได้แม้แต่ก้าวเดียว
ไป๋ยี่เฟยหลับตาลง และเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แสงในดวงตาของเขาก็สว่างมากยิ่งขึ้น
“หาว่าผมไม่ให้ความเคารพแก่ผู้ใหญ่ งั้นผมก็จะสั่งสอนผู้เฒ่าที่ไม่มีกาลเทศะอย่างพวกคุณ!