ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 953
แน่นอนว่าไป๋ยี่เฟยก็ไม่ใช่คนที่เปลี่ยนใจง่าย เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เห็นผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้ก็คงจะมองดูให้มากขึ้น
“ขอโทษครับ” ไป๋ยี่เฟยคิดว่าเธอเป็นพนักงานของโรงแรม ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างขอโทษ และกล่าวคำว่าขอโทษ
คนสวยคนนั้นเพียงแค่ตะคอกอย่างเย็นชา และก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับใบไป๋ยี่เฟยอีกเลย
แต่ตำแหน่งที่ผูกลูกโป่งนั้นสูงไปหน่อย เธอเอื้อมไม่ถึง และหลังจากพยายามหลายครั้งเธอก็ไม่สามารถแขวนเชือกขึ้นไปได้
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตลกเล็กน้อยหลังจากเห็นเช่นนี้ เขาเอื้อมมือไปหยิบเชือกจากมือของหญิงสาวสวย ด้วยเจตนาดี โยนขึ้นไป ก็แขวนขึ้น แล้วก็ช่วยผูกมัดให้เธออีกด้วย
แต่ทันทีหลังจากผูกมัดเสร็จ คนสวยคนนั้นไม่ได้กล่าวขอบคุณเลย แต่เธอกลับยังจ้องไปที่ไป๋ยี่เฟย “คุณทำอะไรอยู่เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณจะผูกมันขึ้นไปไม่ใช่หรือ?”
คนสวยกลับพูดว่า “ใครขอให้คุณมายุ่งเรื่องของฉันเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออกในทันที ช่วยเธอเพราะความหวังดีกลับกลายเป็นการยุ่งเรื่องของเธอไปเลย
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงแก้เชือก และดึงมันลงมา
คนสวยตะโกนอีกครั้งว่า “คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม? ”
ไป๋ยี่เฟยงุนงงเลย ช่วยเธอก็ผิด เอาลงมาให้เธอก็ผิดอีก ทั้งหมดเป็นความผิดของเขางั้นเหรอ!
“ผมว่า คุณอย่างี่เง่าให้มากเพียงเพราะคุณหน้าตาดีนะ” ไป๋ยี่เฟยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
เมื่อสาวงามได้ยินดังนั้นจู่ๆ เธอก็ทำหน้าเคร่งเครียดและพูดว่า “ทั้งๆ ที่คุณเป็นฝ่ายมายุ่งเรื่องของฉันเอง!”
ไป๋ยี่เฟยอารมณ์ขึ้น “คุณผู้หญิง คุณยังคงมีเหตุผลอยู่หรือไม่?”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าเขาต้องสั่งสอนผู้หญิงคนนี้สักหน่อย แต่ตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาเห็นชายวัยกลางคน ยืนอยู่ข้างหน้าเขาไม่ไกลนัก และชายคนนั้นก็กำลังจ้องมาที่เขาอย่างเคร่งขรึม
ไป๋ยี่เฟยตกตะลึง เพราะคนๆ นี้ก็คือฉุงเฉ่าเจว๋พ่อของฉุงโยวเวย
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันแห่งความปิติยินดีอย่างยิ่ง และเป็นการดีกว่าที่จะไม่สร้างปัญหา ดังนั้นจึงช่างมันไปเสียก่อน ดังนั้นเขาจึงเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว และอยากจะเดินอ้อมตัวฉุงเฉ่าเจว๋ไป
แต่ว่าตอนที่เขาเดินผ่านข้างตัว จู่ๆ ฉุงเฉ่าเจว๋ก็พูดกับเขาอย่างดุร้ายว่า “คืนนี้ มึงจะต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
ไป๋ยี่เฟยตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้
และฉุงเฉ่าเจว๋ก็จากไปหลังจากพูดจบ
คำพูดนี้ก็เหมือนกับส่งการสัญญาณบางอย่างให้ไป๋ยี่เฟย วันนี้มันต้องไม่ง่ายอย่างแน่นอน
และในขณะนี้
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย ตะโกนด้วยเสียงดังในขณะที่วิ่งเข้ามาว่า “แย่แล้ว แย่แล้ว!”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งไปทางที่ฉุงเฉ่าซินที่อยู่ในห้องโถง
หลังจากที่เห็นเขา ฉุงเฉ่าซินก็พูดอย่างโกรธเคืองทันทีว่า “เอะอะโวยวายอะไรกัน? ไม่รู้เหรอว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าซีด แต่ดูกระวนกระวาย และยืนอยู่ต่อหน้าฉุงเฉ่าซินพูดด้วยเสียงเบาว่า “ครับๆๆๆ ข้าน้อยพูดผิดไปแล้ว……..”
เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา ฉุงเฉ่าซินก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเสียงนี้และพูดว่า “เจอเรื่องอะไรเข้าอย่าตื่นตระหนก ต้องใจเย็นๆ บอกกี่ครั้งแล้ว คุณยังจำไม่ได้เหรอ? ”
“เอาล่ะ ว่ามาเถอะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหลือบมองไป๋หยุนเผิงอย่างเงียบๆ ก่อนจาก นั้นก็มองฉุงเฉ่าซินอย่างระมัดระวังเล็กน้อย
และในเวลานี้ ผู้คนในห้องโถงดูเหมือนกำลังพูดคุยกันอยู่ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาทั้งหมดให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวทางด้านของพวกเขา และอยากจะแส่เข้ามาเพื่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่ไป๋หยุนเผิงและไป๋ยี่เฟยก็มองดูอยู่ข้างๆ เช่นกัน
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดว่า “คุณชายหวังเขา…….เขาทุบรถไปคันหนึ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉุงเฉ่าซินก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ก็แค่ทุบรถไปคันเดียวเท่านั้น เอะอะอะไรกัน? ใครเป็นเจ้าของรถ? รถคันอะไร? จ่ายเงินให้เจ้าของรถไปก็จบ”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหลือบมองอีกครั้ง และไป๋หยุนเผิงก็ตัวสั่นและกล่าวว่า “คือคือฉางอันสีเทาคันหนึ่งใช่หรือไม่?”
“ว้าว!”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินชัดเจนทั้งหมดก็ระเบิดออก
และการแสดงออกของฉุงเฉ่าซินเปลี่ยนไปอย่างมาก และเบิกตากว้างขึ้นทั้งคู่
คนที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ในเมืองหลวง และคนที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ต่างก็รู้ว่ามีรถฉางอันสีเทาคันหนึ่งที่อยู่ในเมืองหลวงไม่สามารถรุกรานได้โดยธรรมชาติ
เพราะมันเป็นรถของผู้นำตระกูลไป๋
ฉุงเฉ่าซินไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาคว้าหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นทันที “แม่งไอ้สารเลวเอ้ย นี่มันกล้าดียังไง? แม้กระทั่งรถของพี่ไป๋ก็ยังกล้าทุบงั้นเหรอ!”
“พี่ไป๋คุณอย่าพึ่งหุนหันพลันแล่น ผมจะให้ไอ้สารเลวนั่นขึ้นมากราบขอโทษคุณเดียวนี้”
ถ้าหากว่าเป็นเพียงรถธรรมดาคันหนึ่ง ไป๋หยุนเผิงคงไม่สนใจเลย แต่รถคันนี้ไม่ธรรมดาเลย และยังมีความสำคัญเป็นพิเศษอีกด้วย
ดังนั้นสีหน้าของไป๋หยุนเผิงในเวลานี้จึงไม่ค่อยดีนัก และเขาเพียงพยักหน้าให้ฉุงเฉ่าซิน ซึ่งหมายความว่าเขาจะให้บุคคลคนนั้นขึ้นมา
ฉุงเฉ่าซินเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะสองครั้งและพูดว่า “พี่ไป๋ ต้องขอโทษจริงๆ ไม่ต้องกังวล ผมจะทำให้คุณพึ่งพอใจอย่างแน่นอน”
ในฐานะที่ตระกูลฉุงเป็นหนึ่งในตระกูลของสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ในเมืองหลวง การแต่งงานของลูกสาวจึงถือเป็นงานพิเศษ และคนที่มีหน้ามีตาต่างก็ได้รับเชิญมาทั้งหมด แต่ผู้คนที่มีหน้ามีตาเหล่านี้ก็แบ่งออกเป็นระดับชั้นเช่นกัน
ดังนั้นทั่วทั้งโรงแรม จึงมีแขกอยู่ทุกชั้น และชั้นบนสุดก็เต็มไปด้วยผู้คนในระดับอย่างสี่ตระกูลใหญ่ หรือผู้คนที่อยู่ในระดับตระกูลสิบอันดับยักษ์ใหญ่เท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นมาชั้นนี้ได้
คุณชายหวังคนนั้นยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงอยู่ที่ชั้นแปดด้านล่าง พร้อมกับเถ้าแก่ชนชั้นกลางคนอื่นๆ ในเมืองหลวง
ในขณะนั้นเขากำลังถือแก้วแชมเปญและคุยโม้กับกลุ่มคนอยู่ พี่สาวของเขาเป็นเลขาของท่านฉุงรอง และก็บอกว่าพี่สาวของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านฉุงรอง
เถ้าแก่เหล่านี้ไม่สามารถเข้าหาท่านฉุงรองได้ เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ต้องชมเชยคุณชายหวังเป็นเป็นธรรมชาติ
ในเวลานี้ มีคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการทุบรถ “คุณชายหวัง ได้ยินมาว่าเมื่อกี้นี้คุณได้ทุบรถของคนอื่นไป นี่มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าต้องไม่เป็นไร!” คุณชายหวังพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ก็แค่รถเสียคันเดียวเท่านั้น ทุบก็ทุบไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวของผมกับท่านฉุงรอง แม้ว่าตัวตนของคนคนนั้นจะโดดเด่นเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรหรอก”
“ถ้าท่านรองรู้เรื่องนี้เข้า บางทีเจ้าของรถเสียคันนั้น อาจจะต้องมาขอโทษผมด้วยซ้ำ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ปลื้มปีติอีกครั้ง
“มันเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว คุณชายหวังคือใครกัน? คนอื่นจะสามารถรุกรานทั่วได้อย่างไร!”
“ใช่ๆๆๆ คอยดูเด็กยากจนคนนั้นมาขอโทษคุณชายหวังในภายหลังกันเถอะ!”
“……..”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ คุณชายหวังเห็นว่าทุกคนประจบประแจงต่อเขา เธอก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เธอแต่งงานกับคนที่ใช่แล้วจริงๆ ได้แต่งงานกับคนที่มีหน้ามีตาแบบนี้
ในเวลานี้ หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ลงมาแล้ว เขารีบวิ่งเข้าไปในฝูงชน และเห็นคุณชายหวังคนนั้น “คุณชายหวัง……….”
คุณชายหวังมองดูหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างดูถูกและกล่าวว่า “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ไม่สามารถรุกรานคุณชายหวังคนนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายหวัง ท่านรองให้คุณ…….ไปที่ห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นบนสุด”
ประโยคนี้ไม่ได้ระบุจุดประสงค์ที่แท้จริง และทำให้ทุกคนอิจฉาอยู่พักหนึ่ง
นั่นคือห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นบนสุด และคนธรรมดาส่วนใหญ่ไม่สามารถขึ้นไปได้เลย
คุณชายหวังก็รู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้ามากนัก “ผมรู้แล้ว จะรีบไปเลย”
ผู้หญิงของคุณชายหวังก็พูดอย่างมีความสุขว่า “สามีคุณสุดยอดมาก!”
มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของคุณชายหวังที่ยากจะปกปิด เขากลับแสร้งทำเป็นพูดอย่างหมดหนทางว่า “จริงๆ แล้วท่านรองให้ผมขึ้นไปตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว แต่ผมบอกว่าผมอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว และตอนนี้ท่านรองก็เชิญให้คนมาเรียกผมขึ้นไปอีกครั้ง เฮ้…….”
“ท่านรองกระตือรือร้นเกินไป ผมจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นคุณชายหวังก็พาแฟนสาวของตัวเอง และเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยท่าทางที่เชิ้ดหน้ายึดอก และไปจนถึงห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุด
ตอนที่เขาเดินเข้าไปข้างในยังคงแสดงความเย่อหยิ่ง ราวกับว่าเขาเป็นเจ้านายของที่นี่
พี่สาวเป็นเลขาของท่านฉุงรอง เธอดูดี และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านฉุงรอง ถ้าจะบอกว่าไม่มีอะไรเล็กน้อยอยู่ระหว่างพวกเขา ใครจะเชื่อล่ะ?
และคุณชายหวังคนนี้เขาไม่รู้สึกละอาย แต่กลับรู้สึกภาคภูมิใจต่อสิ่งนี้
ตระกูลฉุงแห่งสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงไม่ใช่ใครก็จะสามารถปีนขึ้นไปได้ ตราบใดที่ได้กอดต้นขานี้ไว้ แม้จะแบ่งแค่น้ำซุปให้คุณดื่มเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอสำหรับคุณที่จะมีสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว
เมื่อคุณชายหวังเดินเข้ามา ฉุงเฉ่าซินกำลังพูดคุยกับไป๋หยุนเผิง และเขาบังเอิญหันหลังให้กับคุณชายหวังอยู่พอดี และก็ทำให้ไป๋หยุนเผิงต้องเผชิญหน้ากับคุณชายหวัง
ดังนั้นเมื่อคุณชายหวังเห็นไป๋หยุนเผิงในแวบแรก เขาก็จ้องตาทันที เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ชี้ไปที่ไป๋หยุนเผิงและตะโกนว่า “ไอ้สารเลว ใครมอบความกล้าให้คุณถึงขึ้นมาถึงที่นี่ได้?”
ในสายตาของคุณชายหวัง ไป๋หยุนเผิงก็เป็นแค่คนจนที่ขับรถฉางอัน คนจนมีคุณสมบัติอะไรที่ควรรู้ท่านฉุงรอง? แน่นอนว่าไม่มีคุณสมบัติพอ
และคนจนคนนี้แย่งที่จอดรถของเขายังไม่ว่ายังจะกล้าจ้องมองเขาอีก เขากำลังคิดหนักอยู่ว่าหาใครมาชำระบัญชีไม่ได้ ตอนนี้ก็ดีแล้วได้เจอกันพอดีเลย