ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 956
ท่านทวดเห็นทุกคนเงียบแล้ว จ้องมองไปยังไป๋ยี่เฟยอีก พูดอย่างเย็นชาว่า “แกไม่ยินยอม งั้นเรื่องนี้พวกเราก็ไม่ต้องเอ่ยอีก”
“แต่ว่า อีกไม่กี่วันงานแต่งของตระกูลฉุงกับฟางหยันก็จะดำเนินการแล้ว พวกเราก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกัน ถึงเวลานั้นหยุนเผิงก็พาไป๋ยี่เฟยไปดูด้วยกันสักหน่อยเถอะ”
“ได้” ไป๋หยุนเผิงพยักหน้าขานรับ
หลังจากไป๋หยุนเผิงพาไป๋ยี่เฟยทำความเคารพกับคนทั้งหลายอีกครั้ง ก็พาไป๋ยี่เฟยออกไปเลย
หลังจากเดินออกจากบ้านเก่า ไป๋ยี่เฟยทั้งระแวงสงสัย ทั้งหยอกล้ออยู่พูดว่า “ผมยังคิดว่าที่ท่านสั่งสอนผมตลอดเวลาเป็นการเคารพรุ่นอาวุโสจริงๆละ ที่แท้ไม่ได้ต่างกันกับผมเลย”
ถ้าพูดถึงแต่ก่อนไป๋ยี่เฟยจะรู้สึกว่าไป๋หยุนเผิงเป็นคนที่ลึกล้ำยากที่จะคาดเดาดูไม่ออกคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าไป๋หยุนเผิงไม่เหมือนกับในความคิดของเขาแต่ก่อน
เขามีกฎเกณฑ์ของตนเอง มีวิธีการจัดการเรื่องของตนเอง อีกทั้งยังมีนิสัยตรงไปตรงมาด้วย นี่น่าจะนับได้ว่าหลังจากเข้าใจแล้ว จึงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เป็นแบบบิดา
ไป๋ยี่เฟยคิดถึงก่อนหน้านั้น ไป๋หยุนเผิงยังตำหนิตนเองหนึ่งรอบ แต่ตอนนี้ล่ะ ทั้งๆที่เขาพาตนเองมาทำการขอโทษที่บ้านเก่า ผลสุดท้ายเขายังโมโหกับพวกรุ่นอาวุโส
งั้นไป๋หยุนเผิงเสียใจภายหลังที่เวลานั้นตำหนิตนเองหนึ่งรอบแล้วใช่หรือไม่ล่ะ?
แต่หลังจากที่พวกเขาขึ้นไปในรถ ไป๋หยุนเผิงจึงพูดว่า “พวกเราไม่เหมือนกัน”
“อะไรไม่เหมือนกันหรือ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ไป๋หยุนเผิงจุดบุหรี่ม้วนหนึ่ง หลังจากดูดไปหนึ่งทีจึงพูดว่า “ผมสามารถโต้แย้งกับพวกเขาแต่แกไม่ได้ ก็เหมือนดั่งแกโต้แย้งกับผมได้ แต่ลูกชายของแกไม่ได้เช่นกัน”
ทันใดนั้นไป๋ยี่เฟยเข้าใจความหมายในนั้นแล้ว ทันทีทันใดไร้คำพูดที่จะพูด
……
บ้านเก่าตระกูลไป๋
สีหน้าของปู่ใหญ่ในเวลานี้ไม่ดีมากเหมือนเดิม เขาถามท่านทวดว่า “อารอง พวกเขาโอหังเกินไปแล้ว ล้วนไม่ได้เอาพวกเรารุ่นอาวุโสเหล่านี้ไว้ในสายตา”
ท่านทวดไม่ได้ตอบปู่ใหญ่ แต่หันหน้าไปจ้องมองชายชราคนนั้นที่ไม่ได้พูดมาโดยตลอด ก็คือปู่แท้ๆของไป๋ยี่เฟย “น้องสี่ พ่อลูกทั้งสองคนนี้คนหนึ่งเป็นลูกแท้ๆของแก คนหนึ่งเป็นหลานแท้ๆของแก แกว่ายังไงล่ะ?”
เขาลุกขึ้นมายิ้มอยู่พูดว่า “ทั้งหมดล้วนฟังการจัดวางของอารอง”
ปู่ใหญ่ได้ยินคำพูดนี้อดไม่ไหวที่จะ ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง
ส่วนท่านทวดยิ้มอยู่ตอบกลับว่า “พวกเขาล้วนยังเยาว์วัยอยู่ วู่วามเป็นเรื่องธรรมดา พวกคุณก็ใจเย็นลงสักหน่อย อย่าถึงตอนนั้นถูกสายเลือดทำให้สั่นไหวเลย งั้นก็ดูไม่ดีแล้ว”
“เรื่องนี้ให้ผมมาจัดวางเองเถอะ”
ปู่ใหญ่ได้ยินคำพูดนี้ของท่านทวดสีหน้าหยุดชะงักทันที จากนั้นนัยน์ตากวาดผ่านแสงหนึ่งที
……
ในโรงแรม
หลังจากหลี่เสว่ให้ลูกกินนมแล้ว จัดเก็บของในโรงแรมก่อนสักหน่อย
ถึงตอนเที่ยงเธอสั่งอาหารเที่ยงทั้งหมดสองชุด
หลี่เสว่ถืออาหารเที่ยงไปหาซินชิว เธอไม่รู้สถานะของซินชิวเลย คิดว่าเขาเป็นแค่คนขับรถของไป๋ยี่เฟยจริงๆ
“ฉันสั่งไว้สองชุด ให้คุณชุดหนึ่ง” หลี่เสว่ก็ยืนอยู่หน้าประตูไม่ได้เข้าไป
หลังจากซินชิวรับไปยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “ขอบคุณ”
หลี่เสว่อมยิ้มอยู่ส่ายหัวก็จะจากไปทันที
กลับอยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆมีคนที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งเดินผ่านข้างกายพวกเขา
เพียงแค่ตอนที่เขากำลังเดินถึงข้างกายหลี่เสว่ สะดุดขาของตนเองหนึ่งที ล้มไปยังหลี่เสว่พอดี
ซินชิวเห็นสภาพ ยื่นมือไปอย่างรวดเร็วพยุงเขาไว้
ตอนที่คนสัญจรคนนั้นลุกขึ้นมาประหลาดใจจ้องมองซินชิวหนึ่งที
หลี่เสว่ดูเหมือนรู้สึกถึงความผิดปกติ หันหน้าไปจ้องมองพวกเขา
ซินชิวยิ้มบางๆกับคนสัญจรหนึ่งทีพูดว่า “เดินระมัดระวังหน่อยนะ”
“ขอบคุณ!” คนสัญจรนั้นรีบโค้งตัวขอบคุณ จากนั้นหมุนตัวเดินไปอย่างรีบเร่งทันที
เห็นคนเดินไปแล้ว หลี่เสว่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก กลับไปห้องนอนของตนเองเลย
ซินชิวก็ถือกล่องข้าวที่หลี่เสว่ส่งมาให้เขา กลับเข้าห้องนอนของตนเอง
คนสัญจรคนนั้นเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างรวดเร็ว พอรอประตูลิฟต์ปิดลง เขาก็ขาอ่อนทันที คุกเข่านั่งอยู่กับพื้นโดยตรง
มือของเขาสั่นระริกอยู่ บนใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ และนัยน์ตาของเขาล้วนมีความหวาดกลัว
เขาสั่นระริกพูดกับตัวเองอยู่ว่า “ถึงขนาดเป็นเดนเทพยุทธ์…..ยอดฝีมือของเดนเทพยุทธ์ ……”
หลังจากลิฟต์ลงไปไม่กี่ชั้นประตูเปิดออกแล้ว ก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาอีก
เขาสวมเสื้อคลุมเหมือนกันกับคนคนนี้ หลังจากเข้าไปมองเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้น ทันใดนั้นประหลาดใจขึ้นมา “นี่คุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้นสั่นระริกอยู่ตอบกลับว่า “ผู้แข็งแกร่งของเดนเทพยุทธ์! ข้างกายเธอมีผู้แข็งแกร่งของเดนเทพยุทธ์คนหนึ่ง!”
ทันใดนั้นผู้ชายที่ยืนอยู่ขมวดคิ้วขึ้นมา “ดังนั้น ภารกิจล้มเหลวแล้วหรือ?”
“นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งของเดนเทพยุทธ์นะ ถ้าหากสำเร็จแล้ว ผมยังสามารถจะมีชีวิตรอดออกมาหรือ?” ผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้นหัวเราะเยาะเย้ยตนเองเสียงหนึ่ง
ผู้ชายที่ยืนอยู่ได้ยินคำพูดนี้ถอนหายใจหนึ่งที จากนั้นนั่งยองๆลงตบไหล่ของเขาตบแล้วตบอีกพูดว่า “คุณก็พูดถูกเช่นกัน โชคดีว่าคุณวิ่งกลับมาแล้ว”
คำพูดเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงหนึ่ง “พู่!”
ผู้ชายที่นั่งอยู่กับพื้นถูกใบมีดอันหนึ่งกรีดคอ
ทันใดนั้นผู้ชายคนนั้นเบิกตาโพลงทั้งคู่ จ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างตื่นตะลึง
ฝ่ายตรงข้ามพูดว่า “พี่น้อง ผมก็ไม่มีทางอื่นเช่นกัน นายท่านใหญ่ของตระกูลไป๋พูดแล้ว ไม่ว่าสำเร็จหรือไม่ เหลือเบาะแสใดๆไว้ไม่ได้”
……
สำหรับการลอบฆ่าในครั้งนี้ ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
มีเพียงซินชิวที่เห็นอยู่กับตา แต่เขารู้ นี่เพิ่งเริ่ม
หลังจากไป๋ยี่เฟยกลับถึงโรงแรม กอดหลี่เสว่ก่อนกอดแล้วกอดอีก จากนั้นไปกอดลูกๆของตนเองอีก
หลี่เสว่ถามไป๋ยี่เฟยว่า “พ่อแม่พวกเขาเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ? กลับไปหรือยัง?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกันพูดว่า “กลับไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
หลี่เสว่พยักหน้าต่อๆกัน หมดห่วงแล้ว จากนั้นถามไป๋ยี่เฟยอีกว่า “งั้นพวกเราจะกลับเมืองเทียนเป่ยเมื่อไหร่หรือ?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นพูดเสียงเข้มว่า “หลังจากสามวันนี้ ผมจะไปงานแต่งของตระกูลฉุงพร้อมกับพ่อผมสักครั้ง”
ทันใดนั้นหลี่เสว่ประหลาดใจจ้องมองไป๋ยี่เฟย “ตระกูลฉุงหรือ? แต่คุณไม่ใช่…..”
ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่ฆ่าฉุงโยวเวยแล้วหรือ? ไปตระกูลฉุงอย่างนี้ คนของตระกูลฉุงจะไม่ล้างแค้นเขาหรือ?
ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าหลี่เสว่เป็นห่วงอะไรอยู่ ยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเขาทำร้ายผมไม่ได้”
แท้ที่จริงไป๋ยี่เฟยไม่ต้องไปก็ได้ แต่เขามีจุดประสงค์อื่น ดังนั้นยังจำเป็นต้องไป
ในเวลานี้ อยู่ดีๆประตูห้องถูกเคาะดังขึ้น ไป๋ยี่เฟยรีบไปเปิดประตู
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือซินชิว หลังจากไป๋ยี่เฟยเห็นเขาอึ้งชะงักไปหนึ่งที “อืม ท่าน……มีเรื่องอะไรหรือ?”
ถึงยังไงซินชิวก็เป็นพี่ใหญ่ ไป๋ยี่เฟยยังคงมีความเคารพยำเกรงเล็กน้อย
ซินชิวกลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เพียงแค่พูดกับไป๋ยี่เฟยว่า “มากับผม มีอะไรจะคุยด้วย”
หลังจากพูดจบซินชิวก็เลยหมุนตัวเดินไปเลย ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้จ้องมองหลี่เสว่หนึ่งที จากนั้นปิดประตูห้องไว้ ตามซินชิวไปที่ห้องนอนของเขา
หลังจากไปถึงห้องนอนซินชิว ไป๋ยี่เฟยมีความกังวลเล็กน้อย
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไป๋ยี่เฟยต่อเต้าจ่าง เหลียงเหว่ยชาวล้วนไม่กลัวเท่าไหร่ แต่ต่อกับซินชิว ก็คือกลัว
เพียงแค่ซินชิวพาไป๋ยี่เฟยมาถึงข้างหน้าต่าง ซินชิวชี้ไปนอกหน้าต่าง เมฆขาวลอยอยู่บนท้องฟ้า พูดอย่างเย็นชาว่า “เห็นหรือยัง?เมฆขยับอยู่”
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมอง ผ่านไปนานมากจึงจะพบเห็นเมฆเหล่านั้นขยับอยู่จริงๆ เพียงแค่ช้ามาก ช้ามาก
“มองเห็นแล้ว” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ
ซินชิวพูดอีกว่า “งั้นคุณรู้ไหมว่าทำไมขยับได้ล่ะ”
“มีลม” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ
ซินชิวพูดว่า “เมฆผ่านมา ก็เย็นสบายเลย”
“อืม?” ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจเต็มใบหน้าจ้องมองซินชิว
ซินชิวไม่ได้มองไป๋ยี่เฟย แต่จ้องมองเมฆนั้นโดยตลอด พูดอย่างเย็นชาว่า “พลังอ้านจิ้งในกายก็เหมือนดั่งลมนี้ สิ่งที่ไม่เหมือนเพียงอย่างเดียวคือ พวกเราสามารถควบคุมทิศทางของมัน”
“นักต่อสู้ที่ด้อยกว่าเดนเทพยุทธ์ ได้เพียงแต่ควบคุมพลังอ้านจิ้ง ที่ไหลเวียนอยู่ในกาย ไม่สามารถควบคุมเหนือร่างกาย ก็เช่นดั่งเหมือนลมเพียงเป่าได้แต่อยู่บนโลก ไม่สามารถเป่าอยู่นอกจักรวาล”