ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 98
ตอนที่ 98
พอพูดถึงเรื่องนี้ หลี่เสว่ก็มีเรื่องที่จะถามไป๋ยี่เฟยอยู่พอดี
“ใช่แล้ว เรื่องของวันนี้ ทำไมฉันจึงรู้สึกว่ากรรมการจางดูคล้ายจะเชื่อฟังคุณจัง”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากจะปิดบังหลี่เสว่อีกต่อไป จึงพูดไปว่า “ผมเป็นประธานของโหวจวี๋กรุ๊ป เขาเป็นแค่กรรมการ แน่นอนว่าต้องฟังผม”
หลี่เสว่ได้ยินแล้วก็อึ้งอยู่ขณะหนึ่ง และพูดต่อว่า “คุณไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ทำไมต้องล้อเล่นแบบนี้ด้วย”
พูดจบหลี่เสว่ก็เดินเข้าห้องน้ำไป
ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นไป๋ยี่เฟยที่ไปต่อไม่ถูก
เขาพูดเรื่องจริงนะ
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นจริง แต่เขาต้องคิดหน่อย ไป๋ยี่เฟยในเวลาปกติ ไม่มีท่าทางว่าจะเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น แค่พูดปากเปล่า ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือมายืนยัน ถ้าหลี่เสว่เชื่อก็แปลกแล้ว
เมื่อหลี่เสว่เดินไปถึงประตูห้องน้ำ จู่ๆหน้าก็แดงขึ้นมาพลางพูดว่า “เอ่อ คุณก็รีบไปอาบน้ำซิ”
เมียหมายถึงอะไร ต่อให้เป็นคนโง่ก็น่าจะเข้าใจนะ
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็กระแอมรับทราบ หมุนตัวและเดินไปที่ห้องน้ำอีกห้องในวิลล่า
หลี่เสว่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกสักครู่ในห้องน้ำ แดงของหล่อนก็หยุดแดงไม่ได้ หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไป๋ยี่เฟยก็คิดถึงเธอตลอด ให้ทั้งรถให้ทั้งบ้าน แต่แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด
ที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติที่เขามีต่อเธอ โดยเฉพาะเรื่องของวันนี้
เมื่อเธอถูกคนอื่นกล่าวหาและดูถูกเหยียดหยาม เขาก็ลุกขึ้นมาปกป้องเธอโดยไม่ลังเล เพื่อเธอแล้วเขาถึงกับยอมสูญเสียงานที่หามาด้วยความยากลำบากของตัวเอง
ผู้ชายแบบนี้จะไม่ให้รักได้อย่างไร
อีกอย่างเธอก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับไป๋ยี่เฟย ถ้าหากเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับเขาทั้งกายและใจเลยล่ะ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ไป๋ยี่เฟยแต่งตัวเสร็จก็เข้ามาที่ห้องของหลี่เสว่
ตอนที่เขาเข้ามา หลี่เสว่ยังอยู่ในห้องน้ำ ยังไม่ออกมา
ไป๋ยี่เฟยเลยนอนรอบนเตียง
เนื่องจากวันนี้เจอเรื่องราวมากมาย บวกกับร่างกายไม่ค่อยมีแรง เขาเลยนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
หลี่เสว่โอ้เอ้อยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมงจึงจะออกมา
และเมื่อเธอเดินออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ก็พบว่าเขานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงแล้ว
หลี่เสว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและพูดเบาๆว่า “ไม่เข้าใจมุกซะเลย”
พอเธอเดินเข้าไปใกล้ก็รู้สึกว่าไม่ปกติแล้ว
“ไป๋ยี่เฟย”หลี่เสว่เห็นตัวเขาสั่น จึงเอามือจับที่หน้าผากของเขา
หน้าผากของไป๋ยี่เฟยร้อนมาก เขาเป็นไข้สูง
หลี่เสว่รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรเรียก 120 ให้มารับทั้งคู่ไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
หมอบอกว่าไข้สูงครั้งนี้ เกิดจากการติดเชื้อจากบาดแผลที่หน้าท้องครั้งก่อน。
หลี่เสว่นึกถึงครั้งนั้นที่ไป๋ยี่เฟยปกป้องเธอจากมีด ก็รู้สึกสงสารและกลัว
ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นในตอนเช้าของวันที่สอง เขาเพิ่งค้นพบว่า ตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล
ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ตัวเองป่วยสักนิด ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องราวของเมื่อคืน
หลี่เสว่พูดชัดเจนขนาดนั้น แต่เขากลับนอนหลับไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้แทบอยากจะตบหูตัวเองสักสองที
พลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไป ต้องเสียดายจนวันตาย
ขณะนี้เอง หลี่เสว่ก็เปิดประตูเข้ามา เห็นไป๋ยี่เฟยตื่นแล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ แต่พอคิดถึงตอนที่เขาเป็นไข้สูงเมื่อคืน ก็โกรธแล้วพูดว่า “คุณเป็นอะไรไป ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเหรอ”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแหะๆ ยื่นมือออกไปดึงตัวหลี่เสว่เข้ามา “เสว่เอ๋อ เมื่อคืนพวกเรา………”
หลี่เสว่ได้ยินดังนั้นก็สะบัดมือเขาออกไป “รักษาตัวให้หายก่อนเถอะ”
พูดจบใบหน้าของหลี่เสว่ก็แดงก่ำ
“คุณรีบไปทำงานเถอะ อย่าเสียเวลาเลย…..”
หลี่เสว่หันไปมองไป๋ยี่เฟย “คุณอยู่โรงพยาบาลคนเดียว ฉันเป็นห่วง”
“ผมไม่เป็นไร ให้น้ำเกลือ นอนซักตื่นก็หายแล้ว”
หลี่เสว่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนไป๋ยี่เฟย แต่เขายืนยันให้เธอไปทำงาน เธอก็ไม่รู้จะทำไง จึงต้องไป
หลังจากหลี่เสว่ออกไป ผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมง กรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ปและหลงหลิงหลิงรู้ข่าวเลยพากันมาเยี่ยมไป๋ยี่เฟยทุกคน
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกปวดหัว จึงบอกให้ทุกคนกลับไป
สุดท้ายเหลือแค่หลงหลิงหลิงคนเดียว
ณ ห้องทำงานของประธานคริสตัลกรุ๊ป
หวังโหลวกำลังนั่งดูรูปในมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สักพัก หลิ่วเซียวเหยาก็มาเคาะประตู “สวัสดีครับพี่หวัง มาเยี่ยมเยียนกะทันหันแบบนี้คงไม่เป็นการรบกวนนะครับ”
หวังโหลวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ถามเบาๆว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่”
หลิ่วเซียวเหยาทำตัวตามสบาย เดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้ตอบคำถามของหวังโหลว แต่กลับพูดว่า “พี่หวัง ไม่เชิญผมดื่มน้ำหน่อยหรือ”
หวังโหลวได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ แต่ก็หันไปหยิบน้ำในตู้เย็นที่วางอยู่ด้านข้าง
หลิ่วเซียวเหยา ใช้จังหวะที่หวังโหลวหันตัวไปหยิบน้ำ เปิดดูเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของเขา ดูรูปภาพสองสามใบนั้นแล้ว ก็วางกลับไปตามเดิม แล้วนั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ได้ข่าวว่าประธานใหญ่โหวจวี๋กรุ๊ปไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาล”
หวังโหลวตอบกลับแบบเฉยๆ “แล้วไง”
หลิ่วเซียวเหยายิ้มแล้วถามว่า “คุณไม่ไปเยี่ยมเขาเหรอ ผมจำได้ว่าพวกคุณเป็นเพื่อนชั้นเดียวกัน สนิทกันพอสมควร”
หลังบทสนทนา หวังโหลวหรี่ตาลงเล็กน้อย
หลิ่วเซียวเหยาแอบสังเกตปฏิกิริยาของหวังโหลวอย่างลับๆ เขาจงใจพูดออกมา เพื่อทดสอบความรู้สึกที่หวังโหลวมีต่อไป๋ยี่เฟย
“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
หลิ่วเซียวเหยายิ้มขึ้น “ไม่เกี่ยวกับผมจริงด้วย แต่พี่หวังไม่ได้เป็นเพื่อนนักเรียนของเขาหรือ หรือพี่จะไม่ไปเยี่ยมเขาจริงๆ”
หวังโหลวนิ่งเงียบครู่นึง ลุกตัวขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไป
หลิ่วเซียวเหยาเห็นดังนั้นก็รีบตามไป
หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง หวังโหลวและหลิ่วเซียวเหยาก็ปรากฏตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ในห้องผู้ป่วยของไป๋ยี่เฟย
หลงหลิงหลิงนั่งเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้างเตียง
ไป๋ยี่เฟยทำไรไม่ถูก “ยังมีงานต้องทำอีก คุณกลับไปก่อนเถอะ”
หลงหลิงหลิงส่ายหน้า
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นซะก่อน
หลงหลิงหลิงลุกขึ้นไปเปิดประตู “เชิญเข้ามาค่ะคุณหวัง”
เมื่อเห็นหลงหลิงหลิง สีหน้าของหวังโหลวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างแข็งกร้าว
ไป๋ยี่เฟยเห็นว่าเป็นหวังโหลว ก็แปลกใจนิดหน่อย แต่ในใจก็ดีใจ เพราะมีเพื่อนรักมาเยี่ยม
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันป่วย”