ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 985
“ฉันจะช่วยพวกนายออกไปก่อน มีคำพูดอะไรค่อยพูดกันภายหลัง” ไป๋ยี่เฟยกล่าวเสียงเรียบ
ฉุงเฉ่าเจว๋กับฉุงลี่หย่าก็เข้าใจเช่นกัน จึงพยักหน้า
จากนั้นไป๋ยี่เฟยก็ตรงไปเปิดประตู มองเห็นยามเฝ้าหน้าประตู ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สับมือลงไปสองครั้งติดกัน คนโดนก็สลบไปทันที
ไป๋ยี่เฟยเดินอยู่ด้านหน้า ฉุงลี่หย่าประคองฉุงเฉ่าเจว๋เดินอยู่ด้านหลัง หลบคนเดินตรวจตราสองสามครั้งก็มาหยุดตรงข้างกำแพงรั้ว
ไป๋ยี่เฟยกำลังจะช่วยพวกเขาหนีไปจากบนกำแพงรั้ว กลับกลายเป็นว่าในจุดที่ห่างออกไปจู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังเข้ามา
“ใครอยู่ตรงนั้น! อย่าขยับ!”
ทั้งสามคนต่างถูกทำให้ตกใจกันหมด
ไป๋ยี่เฟยหันหน้าไปมอง ปรากฏคนคนหนึ่งพุ่งออกมาจากในที่มืด ฝ่ามือเขาซัดไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยไม่ทันคิดมาก ก็ออกหมัดปะทะกันอย่างรวดเร็ว
“พลั่ก!”
คนทั้บสองถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกัน
คนตรงหน้าประหลาดใจในฝีมือของไป๋ยี่เฟยอยู่บ้าง จากนั้นก็กล่าวเยาะหยันว่า “ที่แท้ ยังมีฝีมือด้วย”
และเวลานี้ไป๋ยี่เฟยก็ได้สติคืนมาในที่สุด เสียงนี้เขาคุ้นเคยอย่างมาก ที่แท้ก็คือสวีเต้าจ่าง
สวีเต้าจ่างยืดคอตะโกนเสียงดังว่า “ใครก็ได้! มีศัตรูบุก!”
พริบตาโคมไฟที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ก็สว่างขึ้นมา และสามารถได้ยินถึงเสียงบอดี้การ์ดเคลื่อนไหว
พวกเขาถูกเต้าจ่างพบตัวเข้าแล้ว หากยังพัวพันกันต่อไปล่ะก็ จะต้องถูกเต้าจ่างรู้ฐานะแน่ อย่างนั้นเขาก็ทำภารกิจของหยุนอิงไม่สำเร็จ
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงกล่าวกับพวกฉุงเฉ่าเจว๋ว่า “อยากรอดตายก็อย่ามัวสนใจหน้าตาอะไรอีก รีบไปหาฉางเชี่ยวที่หลันเต่าซะ”
หลังกล่าวประโยคนี้จบก็ไม่ให้เวลาพวกเขาได้โต้ตอบอีก ไป๋ยี่เฟยใช้มือข้างหนึ่งหิ้วคน แล้วโยนพวกเขาออกไปนอกกำแพงรั้ว
ส่วนไป๋ยี่เฟยไม่อาจไปได้ เพราะเต้าจ่างเห็นเขาแล้ว หากเขาไม่ฆ่าเต้าจ่าง เขาก็จะถูกเปิดโปง
และคนที่อยู่ในจุดห่างไกลคฤหาสน์ก็รีบรุดมายังที่นี่ ใช้เวลาประมาณแค่ครึ่งนาทีเท่านั้น
ดังนั้นเขาจะต้องใช้เวลาครึ่งนาทีนี้ฆ่าเต้าจ่างให้ตายให้คราวเดียว
แต่เต้าจ่างกลับแค่นเสียงเย็นพูดว่า “คิดหนี? ประตูก็ไม่มี พวกแกไม่มีใครหนีรอดไปได้หรอก!”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเย็นมองเต้าจ่าง
ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งทั่วแผ่นดินใหญ่ภาคเหนือเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากที่สุด
ดังนั้น ตอนนี้เต้าจ่างที่เกือบจะก้าวเข้าสู่ยอดฝีมือระดับที่หนึ่งจึงคิดว่า คนตรงหน้านี้ไม่มีทางเป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายจะหนีไปได้
เต้าจ่างมองไป๋ยี่เฟยอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว แล้วใช้ท่าดรรชนีเอกสุริยันของเขากับไป๋ยี่เฟย
แต่ไป๋ยี่เฟยยิ้มเย็น แล้วใช้ท่าดรรชนีเอกสุริยันเช่นเดียวกัน
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยมีฝีมืออยู่ที่ระดับที่หนึ่งชั้นกลางแล้ว สูงกว่าเต้าจ่างขั้นหนึ่ง ทั้งยังได้วิชาความรู้บางส่วนมาจากเมิ่งหลิน ตอนนี้เขาจึงควบคุมพลังอ้านจิ้งได้อย่างเต็มความสามารถ เก่งกว่าเต้าจ่างเสียอีก
สองฝ่ามือปะทะกันเกิดเสียงดังกัมปนาทขึ้นเสียงหนึ่ง
พริบตาเต้าจ่างก็เบิกตากว้าง เขายังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ได้ยินเสียงดังกร้อบ
กระดูกเขาหักเสียแล้ว
“อ๊าก!”
เต้าจ่างร้องโหยหวน
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยจำเป็นต้องรีบสู้รีบจบ ดังนั้นเขาจึงออกฝ่ามืออีกครั้ง ซัดไปที่ศีรษะของเต้าจ่างโดยตรง
เวลานี้ในดวงตาของเต้าจ่างไม่เหลือความอวดดีอย่างเมื่อครู่นี้อีกแล้ว เหลือเพียงความหวาดกลัวต่อไป๋ยี่เฟย
ทว่า ขณะที่ฝ่ามือกำลังจะซัดไปที่เต้าจ่างอยู่นั้น จู่ๆ ที่ข้างตัวก็มีเสียงดังแหวกอากาศเข้ามาวูบหนึ่ง พร้อมกันนั้น ยังมีเสียงคนอีกคนดังขึ้นมาด้วย “ช่างกล้า!”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาล ในใจตระหนกวาบ
พละกำลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าตนอย่างเห็นได้ชัด หากฝ่ามือนี้ของเขาดึงดันจะซัดต่อไปล่ะก็ เต้าจ่างตายแน่ แต่เขาก็ต้องตายด้วยเช่นกัน!
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงถอนมือกลับมาอย่างไม่ลังเล พร้อมกันนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งเหยียบไปบนหน้าอกของเต้าจ่าง ยืมแรงถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ต่อให้เป็นเช่นนี้ ไป๋ยี่เฟยยังคงถูกพละกำลังมหาศาลนั่นซัดโดนเข้า
“อั่ก!”
เขากระอักเลือดออกมาคำโต ยังถูกพละกำลังนั่นซัดกระเด็นออกไปอีกด้วย
ส่วนเต้าจ่างที่ถูกไป๋ยี่เฟยเหยียบ ก็สลบไปในทันที
ไป๋ยี่เฟยเห็นเต้าจ่างยังไม่ตาย ในใจก็ไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก แต่ยอดฝีมือเมื่อสักครู่เขาเองก็ไม่แน่ชัดว่าเป็นใครเช่นกัน
แต่ก็จนปัญญา เขาไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ต่อได้อีก
ดังนั้นเขาจึงคลานขึ้นมา หมุนตัวแล้วหนีไป
เวลานี้เอง เสียงของคนผู้นั้นดังมาจากข้างหลังเขา
“คิดหนี? อย่าหวัง!”
นาทีต่อมา ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกว่าคนคนนั้นไล่ตามตนเองมาอย่างรวดเร็ว
“นายหยุดให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งไปกะทันหัน นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงของเหลียนยิน
เขาเพิ่งจะหมุนตัวไปมอง กลับกลายเป็นว่าที่ด้านหลังมีเสียงตะโกนดังมาอีกเสียงหนึ่ง “สำนักเฟยซิน?”
คนคนนั้นดูเหมือนจะประหลาดใจอยู่บ้าง การกระทำจึงหยุดลงในชั่วพริบตา
จากนั้นไป๋ยี่เฟยได้ยินเหลียนยินพูดว่า “วิ่ง!”
ไป๋ยี่เฟยไม่คิดอะไรมาก และไม่หันกลับไปมองอีก หนีห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าวิ่งอยู่นานแค่ไหน ไป๋ยี่เฟยก็หยุดลงในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง ในที่สุดก็รู้สึกตัวว่าไม่มีใครตามมา ถึงได้หยุดวิ่ง
เพิ่งจะหยุดวิ่งก็มีเสียง “อั่ก” เกิดขึ้นอีก เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
เวลานี้ เขาเองก็ไม่มีความคิดจะไปเผื่อแผ่ถึงฉุงเฉ่าเจว๋กับฉุงลี่หย่าว่าจะหนีพ้นหรือไม่เช่นกัน
เขารู้สึกเพียงว่าตนเองเหมือนถูกคนวางแผน
แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกได้นานนัก ไม่อย่างนั้นหากถูกพบเข้า แผนการของหยุนอิงก็จะล้มเหลว
แต่ตอนนี้หลี่เสว่ยังอยู่ในมือของหยุนอิง หากแผนการของเขาล้มเหลว ผลลัพธ์คงไม่อาจจะจินตนาการได้
ด้วยเหตุนี้หลังไป๋ยี่เฟยหอบหายใจสองครั้ง ก็รีบลอบกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉุงจากอีกทิศทางหนึ่ง
และเวลานี้ เขาก็เห็นฉุงโยวหมิงกำลังพาคนกลุ่มหนึ่งเดินไปยังคฤหาสน์หลังนั้นที่เขาพักอยู่พอดี
ไป๋ยี่เฟยในใจตระหนกวาบ นี่ฉุงโยวหมิงจะไปตรวจสอบเขา?
ไป๋ยี่เฟยพลันหลั่งเหงื่อเย็นขึ้นมา หากตอนนี้เขากลับไปล่ะก็ จะต้องปะทะเข้ากับฉุงโยวหมิงอย่างแน่นอน แต่หากตนไม่อยู่ในห้อง ก็บอกไม่ได้ชัดเจนนัก
ไป๋ยี่เฟยร้อนใจดั่งไฟลน ชั่วขณะหนึ่งคิดว่าควรจะรับมืออย่างไรดี
และในเวลานี้เอง จู่ๆ เขาก็เห็นว่าบนโถงรับแขกทางฝั่งคฤหาสน์เจ้าตระกูล วางไวน์แดงไว้อยู่หลายขวด
ไป๋ยี่เฟยพลันคิดวิธีออก จึงลอบเข้าไปที่โถงรับแขกทางด้านนั้นอย่างเงียบๆ
……
ขณะเดียวกัน ฉุงโยวหมิงก็กำลังพาคนกลุ่มหนึ่งมายังห้องที่พวกไป๋ยี่เฟยพักอยู่
โดยในบรรดาคนกลุ่มนี้ ยังมีชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำเข้มอีกหนึ่งคน
“ท่านใหญ่จั่ว สองคนนี้เป็นคนที่คุณชายจีอิงส่งมา น่าจะไม่มีปัญหาหรอก?” ฉุงโยวหมิงเดินไปพลางถามด้วยความไม่เข้าใจไปพลาง
ชายคนนั้นเพียงแค่นเสียงเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีใครเคยพบคุณชายจีอิง และไม่มีโทรศัพท์จากเขา จึงไม่อาจพิสูจน์ฐานะที่แท้จริงของพวกเขาได้”
ด้วยเหตุนี้ฉุงโยวหมิงจึงหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นของยืนยันที่พวกเขานำมา”
หลังจากที่ชายคนนั้นรับไปดูก็เอ่ยขึ้นว่า “ของเป็นของจริง แต่คนที่มาเป็นคนแบบไหนก็ไม่รู้”
“ดังนั้น จึงจำเป็นต้องยืนยันสักหน่อย”
“อีกอย่าง ข้างนอกเสียงดังขนาดนั้น พวกเขากลับไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด นี่ไม่แปลกเลยหรือ?”
“ที่พูดมาก็จริง” ฉุงโยวหมิงพยักหน้า
เวลานี้ พวกเขาก็มาหยุดตรงหน้าห้องของไป๋ยี่เฟยกับเหลียนยินแล้ว จึงรีบเดินขึ้นหน้าไปเคาะประตูอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก เหลียนยินก็เปิดประตูห้อง เขายังสวมชุดนอนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความง่วงงุน “มีอะไร?”
ฉุงโยวหมิงยังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร ชายคนนั้นก็มองผ่านรอยแยกเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ถามว่า “อีกคนล่ะ?”
“หา?” เหลียนยินส่ายหน้า ตอบด้วยสีหน้างุนงง “ฉันไม่รู้สิ”
ชายคนนั้นเห็นเช่นนี้ก็รีบตะโกนเสียงดังว่า “พวกเขามีปัญหาอย่างที่คิดจริงๆ จับคนไว้!”