ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 995
ในขณะนี้มีเสียง “หวด”ดังขึ้น บางอย่างพุ่งออกมาจากช่องระหว่างพุ่มไม้และตรงไปทางฉุงลี่ซือ
“อ๊า!”
ฉุงลี่ซือร้องด้วยความตกใจ เธอหลบไปข้างทางโดยอัตโนมัติ
ผลของการรีบหลบจนเกินไป ทำให้ชุดนอนของฉุงลี่ซือถูกแขวนอยู่บนพุ่มไม้ มีเพียงเสียง “แคว่ก” แล้วชุดนอนของเธอก็ถูกฉีกขาด เธอสะดุดล้มลงไปเพราะสิ่งนี้
ไป๋ยี่เฟยไม่มีเวลาคิด เขาลงมาจากต้นไม้ในเท้าเดียวออกแล้วพุ่งลงไปที่พื้น
โชคดีที่ไป๋ยี่เฟยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาจับสิ่งที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ไว้ได้
หลังจากที่เขามองอย่างพินิจอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่ามันคืองูหลามจุดเหลืองตัวใหญ่
ต้องเป็นในสวนสัตว์ถึงจะได้เจองูหลามตัวหนาแบบนี้ ทว่าก็พบได้บ่อยในป่าฝนเขตร้อนเช่นนี้
ไป๋ยี่เฟยจับงูหลามขนาดกว่าเจ็ดนิ้ว ใช้มือที่แข็งแรงบีบคอจนมันตายแล้วก็เหวี่ยงทิ้งไป
หลังจากนั้นเขาก็กำลังจะหันกลับไปดูสถานการณ์ของฉุงลี่ซือ แต่ทันใดนั้นเองฉุงลี่ซือก็ตะโกนเสียงดัง “อย่าหันมานะ!”
น่าเสียดาย ที่ไป๋ยี่เฟยหันกลับไปเสียแล้ว เห็นฉุงลี่ซือนอนอยู่บนพื้น และเนื่องจากชุดนอนของเธอถูกฉีกขาด ชุดด้านหลังจึงเปิดออก และแผ่นหลังสีขาวหิมะก็ปรากฏต่อสายตาของไป๋ยี่เฟย
เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นก็ตกใจ จากนั้นก็รีบหมุนตัวกลับ “ขอ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“วา…”
ไป๋ยี่เฟยยังคงมึนงง แต่แล้วก็มีเสียงร้องไห้ของฉุงลี่ซือที่ล้มลงดังมาจากด้านหลัง
ในตอนที่ฉุงลี่ซือแต่งงานกับจีซือเธอไม่ร้องไห้เลยด้วยซ้ำ หรือจะเป็นตอนที่เธอโดนจีซือตบบนเรือต่อหน้าคนจำนวนมาก เธอก็ไม่ร้องไห้ แม้กระทั่งตกลงไปในทะเล หนาวจนเกือบจะตาย เธอก็ยังไม่ร้องไห้
ทว่า ในตอนนี้ กลับร้องไห้ราวกับว่าอกหัก ร้องราวกับว่าเจ็บจนแทบจะขาดใจ
ไป๋ยี่เฟยสับสนเข้าไปใหญ่ เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“เอ่อ…เธออย่าร้องเลย ฉันไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ หยุดร้องก่อน ฉันจะลองคิดหาทาง”
“คิดหาทางอะไร? ฮือ…ฉันไม่เห็นใครเลยสักคนที่นี่ แล้วจะคิดหาทางอะไร? ฮือฮือ…”
ฉุงลี่ซือตอบไปร้องไห้ไป
ฉุงลี่ซือร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน เธอร้องจนไม่มีเสียงถึงค่อยๆ หยุดร้อง
ไป๋ยี่เฟยที่นั่งหันหลังให้ฉุงลี่ซือ ถอดเสื้อคลุมของตัวเองแล้วโยนให้อีกฝ่าย “ใส่ซะ”
ดูเหมือนว่าฉุงลี่ซือจะยังมึนงงอยู่ มองเสื้อบนพื้นแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือออกไปหยิบมาสวมบนร่างของตัวเอง
“ฉัน…ใส่เรียบร้อยแล้ว…” เสียงอ่อนแอของฉุงลี่ซือดังขึ้น
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เขาก็ยังไม่ได้หันกลับไปในทันที เพียงกล่าวว่า “เธอใส่แบบนี้ไปก่อน รอพวกเราเจอที่ที่มีคนแล้วค่อยให้เธอเปลี่ยนชุด”
“อืม…ขอบคุณ” ฉุงลี่ซือก้มหน้าแล้วตอบ
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอขี่หลังฉันเถอะ” แบบนี้จะไม่ได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
ครั้งนี้ฉุงลี่ซือไม่ได้ปฏิเสธ ขึ้นไปบนหลังอย่างจริงใจ และไป๋ยี่เฟยเดินต่อไปในป่าอีกครั้งพร้อมกับแบกอีกฝ่ายไว้บนหลัง
หลังจากเดินไปได้สักระยะ ฉุงลี่ซืออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันหิว”
ฉุงลี่ซืออย่างไรก็เป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่ ถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็ก แต่จะมีประสบการณ์แบบนี้ได้อย่างไร?
ทว่าพวกเขาช่างโชคดีหลังจากที่เดินมาระยะหนึ่ง ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ใต้ต้นแพร์ ต้นแพร์พวกนี้มีทั้งขึ้นเองและคนปลูก ขนาดจึงดูเล็กไปหน่อย
แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่มีพิษอยู่ดี สามารถเติมลงในกระเพาะได้
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงวางฉุงลี่ซือลง แล้วเดินไปเก็บลูกแพร์
เก็บกันมาคนละลูกสองลูก และกินอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อกินลูกแพร์เสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็รีบโทรศัพท์หาครอบครัว และคนที่รับโทรศัพท์ก็คือหลี่เสว่
“ฮัลโหล ที่รักเหรอ?”
“ที่รัก ฉันเอง”
“ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง เมื่อไหร่นายจะได้กลับมา?”
“ราบรื่นมาก อีกไม่กี่วันก็คงกลับแล้ว”
“ดีเลย ฉันจะรอนายอยู่ที่บ้าน”
“อืม”
ฉุงลี่ซืออยู่ข้าง ไป๋ยี่เฟยไม่สามารถคุยอะไรกับหลี่เสว่ได้มากนัก ดังนั้นหลังจากที่กำชับเธอไปสองสามประโยคก็วางสาย
หลังจากที่วางสายแล้ว ไป๋ยี่เฟยเห็นว่าไม่น่าจะมีอันตรายในช่วงนี้ อีกทั้งท้องก็ถูกเติมจนอิ่ม เขาก็ถามฉุงลี่ซือ “พ่อแม่ของเธอไปไหน? ทำไมวันนั้นที่เธอแต่งงานพวกเขาถึงไม่อยู่ที่นั่น?”
ทันใดนั้นฉุงลี่ซือที่กำลังกินลูกแพรอยู่ก็สำลัก เธอปล่อยมือออกแล้วลูกแพร์ก็ตกลงบนพื้น และเธออดไม่ได้ที่จะสะอื้นเสียงต่ำ
ไป๋ยี่เฟยเห็นท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่าย ก็พอจะเดาอะไรออก จึงถามออกไปตามตรง “พวกเขาถูกจับไปใช่ไหม?”
“อืม…” ฉุงลี่ซือตอบ เธอหยุดสะอื้นแล้วกล่าวต่ออย่างเชื่องช้าว่า “ความจริงแล้ว วันนั้นหลังจากที่เธอเอาชนะเต้าจ่างได้ พวกเขาก็ไปที่บ้านของฉัน”
“พวกเขาจับตัวพ่อแม่ของฉันไป แถมยังคอยคุมพี่ชายของฉันไว้อีก ทำให้ฉันต้องแต่งงานกับจีซือ ไม่อย่างนั้นมันจะฆ่าพวกเขา”
ไป๋ยี่เฟยไม่แปลกใจกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเขาเดาเอาไว้อยู่แล้ว
อันที่จริงทั้งหมดนี้คือการสร้างภาพลวงตาว่าไป๋ยี่เฟยฆ่าจีซือและพวกเขาต้องแสดงให้สมจริง
ทว่าไป๋ยี่เฟยกลับมีมุมมองที่ต่างจากฉุงลี่ซือ
เธอบอกว่าฉุงโยวหมิงถูกคุมตัวไว้
แต่ในมุมของไป๋ยี่เฟย ฉุงโยวหมิงไม่ได้ถูกบังคับให้จำยอม
แต่ไป๋ยี่เฟยเองก็ไม่ได้พูดกับฉุงลี่ซือ ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว
จากนี้ ก็พักผ่อนให้เพียงพอ ไป๋ยี่เฟยก็เดินต่อโดยที่มีฉุงลี่ซืออยู่บนหลัง
ทั้งสองคนเงียบไปตลอดทาง ไป๋ยี่เฟยคิดว่าพวกเขาจะเงียบกันไปตลอดทาง ทว่าทันใดนั้นเองฉุงลี่ซือก็ถามขึ้นมาว่า “เธอแต่งงานกับฉันได้ไหม?”
“ไม่ได้” ไป๋ยี่เฟยตอบอย่างหนักแน่น
ในใจของฉุงลี่ซือไม่ค่อยมั่นใจ เธอส่ายขาไปมา “ทำไมถึงไม่ได้? เธอเห็นฉันหมดแล้ว จะไม่รับผิดชอบเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยตอบเสียงเบา “ฉันเห็นแค่แผ่นหลังกับขาของเธอเท่านั้น ที่อื่นฉันไม่เห็น ตอนนี้บนท้องถนนหญิงสาวพวกนั้นคนไหนที่ไม่ได้เปิดขาเผยแผ่นหลังเปอดเอวบ้าง?”
“ถ้าพูดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ต้องแต่งงานกับทุกคนเลยเหรอ?”
ฉุงลี่ซือตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้
หลังจากผ่านไปสักพัก ฉุงลี่ซือก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโกรธและตบไหล่ของไป๋ยี่เฟย
หลังจากที่ตบไหล่ของไป๋ยี่เฟย ทันใดนั้นฉุงลี่ซือก็กระซิบ “ที่จริงแล้ว ฉันไม่สนหรอกนะที่เธอมีเมียมีลูก…”
“เธอควรจะสน” ไป๋ยี่เฟยกล่าว
ฉุงลี่ซือ “…”
เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ฉุงลี่ซือก็ถามด้วยความกังวลว่า “หรือว่าฉันสวยไม่พอ?”
“ไม่ใช่” เขาตอบ “เธอสวยมาก”
ฉุงลี่ซือถามอีกว่า “ฉันกับภรรยาของเธอใครสวยกว่ากัน?”
ไป๋ยี่เฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “การแต่งงานกับใครสักคนไม่ได้ดูว่าสวยหรือไม่สวย นี่มันไม่ยุติธรรม เธอควรจะถามว่า ฉันชอบใครมากกว่ากันระหว่างเธอกับภรรยาของฉัน?”
“งั้นเธอชอบใครมากกว่ากันระหว่างฉันกับภรรยาของเธอ?”
“ภรรยาฉัน”
“นาย…”
หล่อนถูกไป๋ยี่เฟยทำให้โกรธจนพูดไม่ออก เธอเริ่มตบตีอีกฝ่ายอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็ตอบคำถามด้วยคำตอบกับไป๋ยี่เฟยขึ้นมาอีก
การตอบคำถามด้วยคำตอบแบบนี้ ในที่สุดพวกเขาก็เดินออกจากป่าฝนแห่งนี้ได้
นอกจากฝ่าฝนแล้ว ก็เห็นมีบ้านไม้ที่ทรุดโทรมหลังหนึ่งตั้งอยู่ ดูแล้วเหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
แม้ว่าหมู่บ้านเล็กๆ นี้จะดูทรุดโทรมมาก ไม่มีกระทั่งถนนหรือรถยนต์ แต่พวกเขาก็เห็นผู้คน
ดังนั้น ใบหน้าของทั้งสองคนจึงฉายแววแสดงความตื่นเต้นออกมา
ไป๋ยี่เฟยที่แบกฉุงลี่ซือไว้บนหลังเร่งฝีเท้า เดินไปจนถึงหน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง จากนั้นเขาก็พบว่ามีเสื้อผ้าที่แห้งแล้วตากอยู่ที่ราวในลานบ้าน
“ดูสิ นั่นเสื้อผ้าผู้หญิง!” ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยความตื่นเต้น
ทว่าฉุงลี่ซือกลับเข้าใจผิด “เวลาแบบนี้ นายยังคิดถึงเสื้อผ้าผู้หญิงอีกเหรอ?”