ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - บทที่ 1076 พูดความในใจของตนเอง
ไป๋ยี่เฟยจงใจทำทีท่าเย็นชาไร้ความรู้สึกออกมา เพื่อหวังว่าเธอจะสามารถเกลียดเขา ทำให้เธอลืมเขาได้
หลิวเสี่ยวอิงที่คิดเข้าใจสิ่งเหล่านี้ กุมหน้าร้องไห้เบาๆอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
หลี่เสว่ก็ทุกข์ใจอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน
เธอสามารถเข้าใจได้ว่า ไป๋ยี่เฟยเพียงแต่ไม่อยากให้เธอเสียใจก็เท่านั้น ดังนั้นถึงได้ไม่บอกกับเธอ ถึงอย่างไร รอตายก็ทรมานยิ่งกว่าการตาย
ไป๋หยุนเผิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “พวกเธอ ยินยอมไหม?”
“ยินยอมค่ะ!”
สองคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ไป๋หยุนเผิงลุกขึ้นโค้งคำนับให้กับพวกเขาในทันที “ขอบคุณ”
…
บนหาดทรายบางแห่งในเมืองเป่ยไห่
หาดทรายแห่งนี้เป็นหาดทรายของคฤหาสน์วิวทะเลหลังหนึ่ง เชื่อมต่อกับทะเล ยังตั้งใจสร้างระเบียงยาวสำหรับตกปลาโดยเฉพาะ ระเบียงยาวยื่นเข้าสู่ทะเล สามารถตกปลาได้ที่ปลายสุดระเบียง
ในเวลานี้ ที่บริเวณปลายสุดมีผู้ชายสวมชุดออกกำลังกายสีอ่อนคนหนึ่งกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้นอน ที่ด้านข้างของเขาวางคันเบ็ดตกปลาทิ้งเอาไว้ ดูท่าคืออาบแดดไปด้วยตกปลาไปด้วย
ในเวลานี้ ผู้หญิงที่รูปร่างสัดส่วนเด่นชัดสวมบิกินี่ คลุมด้วยผ้าชีฟองคนหนึ่ง มาถึงยังด้านหลังของชายคนนั้น “เวลานี้แล้วคุณยังมีอารมณ์สบายๆมาตกปลาอยู่ที่นี่?”
ผู้หญิงมีอายุสี่สิบกว่า แต่บำรุงรักษาดีมาก หากไม่พูดอายุ ดูท่าทางก็เหมือนแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
“พี่ใหญ่กับหลานชายของคุณกำลังจัดงานศพ คุณกลับมาตกปลาอยู่ที่นี่ นี่หากให้คนนอกรู้เข้า จะไม่เป็นเรื่องขำขันที่ยอดเยี่ยมเลยหรอคะ?”
ชายวัยกลางคนยังคงเอนกายอยู่บนเก้าอี้นอน มองน้ำทะเลที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมกับเอ่ย “ที่ควรไปมากที่สุดก็คือคุณล่ะมั้ง? คุณเป็นถึงพี่สะใภ้ใหญ่ของผม งานศพสามีกับลูกชายของตนเองก็ยังไม่ไป กระจายออกไปยิ่งทำให้คนเห็นเป็นเรื่องขำมากยิ่งกว่ากระมัง?”
“เฮอะ!” หญิงวัยกลางคนกลับอุทานออกมาอย่างประชดประชัน “ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของฉันสักหน่อย ตายไปยิ่งดี”
ชายวัยกลางคนในที่สุดก็หันศีรษะมา มองดูผู้หญิงที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่ข้างกายของเขา อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปตบที่ก้อนงอนๆของเธอเบาๆ “อยากจะให้กำเนิดเองไหม?”
หญิงวัยกลางคนเห็นท่า รีบตีชายวัยกลางคนในทันที “คุณระวังหน่อย ถูกคนเห็นแล้วค่ะ!”
“ไม่เห็นเป็นไร ทางตระกูลต่อให้รู้แล้วก็ไม่มีทางจะยังไงได้” ชายวัยกลางคนหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นดึงหญิงวัยกลางคนเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง “เวลาตกฟากของคุณสอดคล้องกับตระกูลหวังของพวกเราพอดี พวกเขาจะพูดอะไรได้?”
หญิงวัยกลางคนจ้องเขาอย่างตำหนิออดอ้อน
ชายวัยกลางคนหัวเราะพร้อมกับเอ่ย “ผมได้ยินว่าพวกเหลียงหมิงเยว่จะลงมือแล้ว เรื่องนี้หากสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ต่อไปตระกูลหวังของพวกเราก็จะกลายเป็นตระกูลใหญ่ระดับสูงสุด ถึงเวลาผมก็จะใช้ฐานะผู้นำตระกูลหวังแต่งรับคุณเข้ามา!”
หญิงวัยกลางคนได้ยินประโยคนี้ก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานขึ้นมา
แต่วินาทีต่อมา เธอก็เอ่ยอย่างคับแค้นใจเล็กน้อยขึ้นมาอีก “แต่ฉันเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว สู้สาวๆอายุยี่สิบกว่าไม่ได้ หากคุณเจอกับหลงหลิงหลิง ไม่แน่ก็อาจจะทิ้งฉันเลยก็ได้”
“ที่รัก” ชายวัยกลางคนหัวเราะพร้อมกับหอมเธอ ยังใช้มือบีบหน้าอกของเธออีก “เด็กสาวคนหนึ่ง เอามาใช้เป็นเตาหลอมก็พอแล้ว ไม่คู่ควรกับชื่อเสียงและฐานะ”
“รอไป๋หยุนเผิงสองพ่อลูกนั้นตาย ก็จับเธอมา หากคุณไม่พอใจ ให้คุณฝึกอบรมสั่งสอนทั้งหมด”
หญิงวัยกลางคนทั้งเขินอายทั้งได้ใจไปทั้งใบหน้า “งั้นคุณก็ต้องคำไหนคำนั้นนะคะ”
“เพียงแต่…หวังว่าจะเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆก็แล้วกัน”
“วางใจเถอะ ผมได้ส่งคนไปแล้ว” ชายวัยกลางคนเอ่ย “ไอ้เจ้าหนุ่มตระกูลไป๋นั่นไม่มีค่าพอให้ต้องหวาดกลัว ที่ควรป้องกันก็คือจีไซกับเหลียงหมิงเยว่”
…
ท่าเทียบเรือชายฝั่งหนานเหมิน มีเรือจักรไอน้ำลำใหญ่จอดเอาไว้สามลำ
หลังจากได้รับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษแล้วก็ออกเดินทางไปในทิศทางเดียวกันภายในเวลาที่แตกต่างกัน และทิศทางที่ว่านี้ก็คือหลันเต่า
เหลียงหมิงเยว่และจีไซกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือจักรไอน้ำลำที่หนึ่ง
จีไซที่ทั้งใบหน้าดำสนิทมองไปยังทะเลกว้าง ทอดถอนใจออกมา “ฉันนีกว่าอาจารย์ไม่รู้สิ่งเหล่านี้ที่ฉันทำ แต่คิดไม่ถึง สุดท้ายยังคงต้องหนีเกมหมากของเขา”
สีหน้าของเหลียงหมิงเยว่แนบไปด้วยความขาวจากอาการป่วย เขายิ้มอย่างราบเรียบพร้อมกับเอ่ย “เขาเพียงแค่คาดเดาและฝึกแสดงขั้นตอนออกมา ไม่ได้คาดเดาและฝึกแสดงผลลัพธ์ออกมา งั้นพวกเราก็ทำตามความหมายของเขาก็พอแล้ว”
“ยังไงซะถึงสุดท้าย ต่อให้อาจารย์ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย เวลานั้นพวกเราร่วมมือกัน จะต้องได้รับชัยชนะที่สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน”
…
ในขณะเดียวกัน ท่าเรือของเมืองจินเฉิงก็มีเรือลำหนึ่งออกเดินทางไปยังหลันเต่า
ยังมีท่าเรือของเมืองเทียนเป่ย ก็มีเรือสองลำออกเดินทางไปยังหลันเต่าเช่นเดียวกัน
หลิวเสี่ยวอิงยืนอยู่บนเรือลำหนึ่งในนั้น
ในตอนนั้นที่หลิวเสี่ยวอิงจะตามมาด้วย คู่สามีภรรยาหลิวโก๋จงก็ต้องขัดขวางเป็นธรรมดา
แต่หลิวเสี่ยวอิงคราวนี้เถียงย้อนพวกเขาอย่างเหนือความคาดหมาย
“พ่อรู้มาตั้งนานแล้วใช่ไหมคะ?” หลิวเสี่ยวอิงซักถามหลิวโก๋จงเรื่องกระดาษโน๊ต
หลิวโก๋จงก็รู้มาตั้งนานแล้วจริงๆ ร้อนตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นอึกๆอักๆมานานพูดออกมาเพียงแค่ประโยคเดียวว่า “พ่อล้วนหวังดีกับลูก!”
หลิวเสี่ยวอิงมองดูท่าทีนี้ ยังมีอะไรไม่เข้าใจอีก ดังนั้นเธอจึงคุกเข่าลงโขกศีรษะให้กับหลิวโก๋จงสองสามีภรรยาไปตรงๆ “พ่อแม่คะ พวกท่านก็ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ ขอร้องพวกท่านนะคะ”
เห็นหลิวเสี่ยวอิงที่เป็นแบบนี้ สองสามีภรรยาก็ทนทำใจไม่ได้ อีกทั้งคิดว่าไป๋ยี่เฟยถึงอย่างไรก็จะตายแล้ว รอหลังจากที่เธอกลับมา ก็จะไม่ถูกไป๋ยี่เฟยไอ้สารเลวนั่นส่งผลกระทบอีก ดังนั้นจึงปล่อยหลิวเสี่ยวอิงไป
หลี่เสว่ก็มาถึงบนดาดฟ้าเช่นเดียวกัน ยืนอยู่ที่ข้างกายหลิวเสี่ยวอิง เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “บาดแผลของเธอยังไม่หาย ยังไงก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”
หลิวเสี่ยวอิงมองดูหลี่เสว่ ความรู้สึกละอายใจเพิ่มสูงขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เสว่เอ๋อ…เธอเกลียดฉันไหม?”
หลี่เสว่ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ได้ตอบกลับ
หลิวเสี่ยวอิงเห็นท่ากลับเข้าใจความหมายของเธอ ในใจยิ่งเพิ่มความละอาย โค้งคำนับไปด้วย เอ่ยขึ้นกับหลี่เสว่ไปด้วยว่า “ขอโทษ…ขอโทษ…”
หลี่เสว่ส่ายศีรษะเบาๆ ประคองหลิวเสี่ยวอิง “ตอนนี้พูดสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?”
“อีกทั้ง เธอไม่ได้ผิด ฉันก็ไม่ได้ผิด เขาเองก็ไม่ได้ผิด พูดได้เพียงโชคชะตากลั่นแกล้งล่ะมั้ง” หลี่เสว่เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
แต่หลังจากที่พูดจบ หลี่เสว่กลับหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน เอ่ยถามขึ้นว่า “เสี่ยวอิง ฉัน…เกลียดเธอได้ไหม?”
หลิวเสี่ยวอิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย
หลี่เสว่เอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ฉันเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแต่งงานกับเขา ทำไมต้องเอาสามีของตัวเองแบ่งให้กับผู้หญิงคนอื่น?”
“ในใจของฉันที่จริงแล้วทุกข์ทรมานมาก”
“ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงมีใครที่ไหนยินดีที่จะแบ่งสามีของตนเองให้กับคนอื่น”
“ดังนั้น พูดความจริงกับเธอก็แล้วกัน ฉันเกลียดเธอ”
หลิวเสี่ยวอิงก้มศีรษะลง ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกละอาย
หลี่เสว่ใช้มือปาดน้ำตาที่บริเวณปลายหางตา
หากไป๋ยี่เฟยยังอยู่ หลี่เสว่ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งเหล่านี้ แต่ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยจะตายแล้ว เธอเพียงแค่อยากให้หลิวเสี่ยวอิงรู้ความรู้สึกของตนเอง
ถึงอย่างไร ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนยินยอมที่จะแบ่งสามีของตนเองให้กับคนอื่นจริงๆ
หลี่เสว่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอทำไม่ได้
หลี่เสว่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “แต่ตอนนี้พูดสิ่งเหล่านี้จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?”
หลิวเสี่ยวอิงเม้มริมฝีปาก
หลี่เสว่อยู่ๆก็เอ่ยถามเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เสี่ยวอิง พวกเรายังคงเป็นเพื่อนรักกันอยู่หรือเปล่า?”
หลิวเสี่ยวอิงพยักหน้า แต่ในใจแอบเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค แต่ฉันไม่คู่ควร
หลี่เสว่ยิ้มเล็กน้อย สีหน้าแฝงไปด้วยความทรงจำ “ยังจำตอนที่ฉันสูญเสียความทรงจำพวกเราถูกเย่อ้ายจับได้หรือเปล่า?”
“ฉันตอนนั้นขี้ขลาดมาก อะไรก็กลัวไปหมด ในตอนนั้นโชคดีที่มีเธอยู่เป็นเพื่อนฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคิดว่าฉันจะต้องบ้าตายอย่างแน่นอน”
“ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนรักมาโดยตลอด ฉันขอบคุณเธอมาก”
“และความเจ็บปวดที่ไป๋ยี่เฟยได้กระทำต่อเธอ…ไม่ใช่จิตสำนึกโดยส่วนตัวของเขา คือตอนที่เขาสูญเสียสติถึงได้…ดังนั้นฉันไม่สามารถโทษเขาได้เลย”
“ขณะเดียวกัน ในตอนนั้นเธอหลบหลีกมาโดยตลอด ฉันรู้ว่าเธอกลัวจะทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเรา ฉันในตอนนั้นซาบซึ้งใจเธอมาก”
“แต่ว่า…เธอในตอนนั้นก็คงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมากเลยใช่หรือเปล่า?”
“แต่ฉันเป็นภรรยาของเขา เขาทำเรื่องผิด ฉันก็ควรจะคิดหาวิธีช่วยเขาชดเชย”
“ฉันให้เขารับผิดชอบต่อเธอ ยอมรับเธออย่างใจกว้าง”
“ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเกลียดเธอ”
“แต่ว่า ฉันยิ่งเกลียดตัวฉันเองและโชคชะตาที่เล่นตลกกับคนอื่นนี้มากยิ่งกว่า!”
หลี่เสว่สูดหายใจเข้าอย่างกะทันหัน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆอีกว่า “เสี่ยวอิง หากเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป งั้นพวกเราสามคนอยู่ด้วยกันดีไหม? พวกเรายังคงเป็นเพื่อนรักกัน”
“เธอไม่สามารถให้กำเนิดได้ก็ไม่เป็นไร ปรึกษากับเขาเอาไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้วว่า ให้ลูกชายของเราอยู่กับเธอ”