ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - บทที่1068 ฉันไม่เชื่อ
จางหัวปินกับเฉินห้าวหิ้วคนออกไปจากห้องคนไข้ ก่อนปิดประตูห้อง จางหัวปินทนไม่ไหวตะคอกใส่ไป๋ยี่เฟยประโยคหนึ่ง “นายพูดบ้าอะไรอยู่?”
ไป๋ยี่เฟยยังคงยิ้ม
แต่รอจนกระทั่งห้องคนไข้ปิด เขาก็ร้องไห้
……
“คุณลุงคุณใจเย็นลงก่อน” เฉินห้าวกับจางหัวปินกดหลิวโก๋จงไว้บนเก้าอี้
หลิวโก๋จงเหมือนยังคิดจะดิ้นรนขึ้นมาอีก จึงถูกคนทั้งสองกดไว้ เขาร้องตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “ใจเย็น? พวกนายได้ยินไหมว่าไอ้เดรัจฉานนั่นพูดอะไร? ฉันจะใจเย็นลงได้ยังไง?”
“ตอนนี้ฉันแทบอยากจะตีไอ้เดรัจฉานนั่นให้ตาย!”
เฉินห้าวรีบกดเขาไว้แล้วพูดว่า “คุณลุง เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ พี่ใหญ่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ใช่ ไป๋ยี่เฟยพวกเรารู้จักดีที่สุด เขาไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนมากมายขนาดนี้ขายชีวิตให้เขาด้วยความยินยอมพร้อมใจหรอก” จางหัวปินเกลี้ยกล่อมสำทับ
“ยังมีอะไรให้เข้าใจผิดได้อีก?” หลิวโก๋จงยังคงโกรธเคืองอย่างมาก “คำพูดที่เขาพูดพวกนายเองก็ได้ยินแล้ว เข้าใจผิดอะไร?”
พูดจบหลิวโก๋จงจู่ๆ ก็ปิดหน้าร้องไห้ขึ้นมาอีก “ลูกพ่อเอ๋ย ทำไมถึงไปชอบได้คนสารเลวแบบนี้นะ!”
จางหัวปินกับเฉินห้าว ต่างฉันมองแกแกมองฉัน ทั้งสองคนต่างรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
เพราะพวกเขารู้จักไป๋ยี่เฟยดี ต่อให้เขาไม่ชอบหลิวเสี่ยวอิงจริง ก็ไม่มีทางพูดเช่นนี้ออกมา ทั้งยังพูดได้ไม่น่าฟังอีกด้วย
นี่แสดงว่าเขากำลังโกรธ
จางหัวปินพลันตระหนกวาบ “บัดซบ!”
จากนั้นเขาก็รีบผลักประตูวิ่งเข้าไปในห้องคนไข้ เฉินห้าวเห็นเช่นนี้ก็วิ่งตามเข้าไปด้วย
หลิวโก๋จงไม่เต็มใจ ไม่มีจางหัวปินกับเฉินห้าวกดเขาไว้ จึงวิ่งตามเข้าไปด้วย คิดจะมาคิดบัญชีกับไป๋ยี่เฟย
ทว่า พวกเขาสามคนต่างชะงักนิ่งอยู่ที่เดิม
เพราะว่าบนเตียงผู้ป่วยคนหายไปแล้ว
……
เวลาตีสอง ไป๋ยี่เฟยปีนออกมาจากหน้าต่าง
ค่ำคืนอันมืดมิดสำหรับเขาแล้วยังคงเป็นกลางวัน
โดยห้องคนไข้ของเขาอยู่ชั้นสาม ไม่ถึงกับสูง หากเขาแข็งแรงดีไม่บาดเจ็บ กระโดดลงไปทั้งอย่างนี้ ก็ไม่มีอันใดยากเย็น
แต่ตอนนี้ร่างกายเขาบาดเจ็บ หลังกระโดดลงไปยังกลิ้งไปบนพื้นสองรอบ สุดท้ายทนไม่ไหวกระอักเลือดออกมาคำโต
เขาดันพื้นพยุงตัวขึ้นมา พิงกับกำแพงหอบหายใจเฮือกใหญ่
พักฟื้นอยู่นาน เขาถึงเดินกะโผลกกะเผลกออกไปข้างนอก
ไป๋ยี่เฟยเดินไปตามถนนใหญ่ไร้คนตามลำพัง
เขากำลังเดินไปยังหลันโปกั่งทีละก้าวๆ
เพราะเขาอยากไปดูหลี่เสว่กับลูกมาก อีกทั้งเขาเดาว่าเพื่อไม่ทำให้หลี่เสว่กังวลใจ พวกเขาจึงไม่ได้บอกเธอถึงสภาพของตนในตอนนี้
ซึ่งตัวไป๋ยี่เฟยเองก็กลัวว่าเธอจะกังวลเช่นกัน จึงไม่อยากบอกเธอ
ดังนั้นพอหลังจากที่เขามาถึงหลันโปกั่ง เขาก็ปีนกำแพงกลับบ้านตัวเองอย่างเงียบๆ
เวลานี้เป็นเวลาตีสามแล้ว ไป๋ยี่เฟยกลับมายังห้องตัวเองอย่างเงียบเชียบ เห็นหลี่เสว่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
เขามองหลี่เสว่ให้มากๆ ก่อน จากนั้นก็ไปที่เตียงเด็กด้านข้างมองลูกชายลูกสาวของตัวเอง
หลี่เสว่กับพี่เลี้ยงดูแลเด็กได้ดีมาก เจ้าตัวน้อยทั้งสองจ้ำม่ำ น่ารักเหลือเกิน
ไป๋ยี่เฟยมองพวกเขาด้วยนัยน์ตาอ่อนแสง แต่ภายในใจกลับมีความโศกเศร้าสุดพรรณนา
เขาทนไม่ไหวยื่นมือไปลูบใบหน้าของเจ้าตัวน้อยทั้งสอง
สุดท้ายเขาก็มาหยุดที่ข้างเตียงอีกครั้ง มองหลี่เสว่เงียบๆ
ต่อให้เป็นยามหลับ หลี่เสว่ก็ยังคงสวยขนาดนี้
ไป๋ยี่เฟยมองใบหน้ายามหลับที่นิ่งสงบของเธอ ในใจเกิดความละอายขึ้นมาสายหนึ่ง “ที่รัก ผมขอโทษ”
ซึ่งตอนที่เขากล่าวคำนี้จบ ขนตาของหลี่เสว่ก็ขยับไหว จากนั้นก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
เธอมองเห็นไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยนิ่งไป
หลี่เสว่ทำเสียงอู้อี้ ทั้งเจือแววออดอ้อนเล็กน้อย ยื่นสองมือของตัวเองออกมา “ที่รัก กลับมาแล้วเหรอคะ?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ในใจก็อ่อนไหวขึ้นมา รีบนั่งลงข้างเตียงยื่นมือออกมากอดหลี่เสว่ไว้
หลี่เสว่ถูไถอยู่ในอ้อมแขนเขา แล้วหลับไปอย่างช้าๆ
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกถึงลมหายใจอันอุ่นร้อนของหลี่เสว่ เขาหวนคิดถึงทุกรายละเอียดที่อยู่กับหลี่เสว่เมื่อก่อน นี่ทำให้เขาอาลัยอาวรณ์มากกว่าเดิม
แต่ เขาอาลัยอาวรณ์เพียงใดก็ไร้หนทาง
……
ท้องฟ้าสว้างจ้า หลี่เสว่ตื่นแล้ว
หลังเธอลุกขึ้นก็บิดขี้เกียจ นั่งนิ่งอยู่บนเตียงพักหนึ่ง
ทันใดนั้นหลี่เสว่ก็หันซ้ายหันขวา ราวกับกำลังหาอะไร
พี่เลี้ยงถือนมเข้ามาพอดี เห็นหลี่เสว่ทำสีหน้าร้อนรนอยู่บ้าง จึงรีบถามว่า “มีอะไรคะ?”
หลี่เสว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เมื่อวานไป๋ยี่เฟยกลับมาแล้วเหรอ?”
พอพี่เลี้ยงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ซีดทันที “นายหญิง คุณผู้ชายเขาไม่ใช่……”
หลี่เสว่พลันมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”
ตอนนี้ทุกคนต่างคิดว่าไป๋ยี่เฟยจมน้ำตายไปแล้ว แต่หลี่เสว่รู้ เขายังไม่ตาย ยิ่งกว่านั้นไป๋ยี่เฟยยังบอกแล้วว่าเขายังมีธุระต้องทำ ไม่อาจให้ใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
แต่เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าเมื่อคืนเหมือนไป๋ยี่เฟยจะกลับมาแล้ว
……
โรงพยาบาลโว่หลง
“เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่เชื่อ!”
หลิวเสี่ยวอิงอยู่บนเตียงผู้ป่วยทำสีหน้าเย็นชาตะคอกออกมาประโยคหนึ่ง
หลิวโก๋จงยืนอยู่ข้างเตียง เมื่อวานเขานำคำพูดเหล่านั้นที่ไป๋ยี่เฟยพูดทั้งหมดมาบอกแก่หลิวเสี่ยวอิง
ทว่าหลิวเสี่ยวอิงไม่เชื่อโดยสิ้นเชิง
หลิวโก๋จงเห็นเช่นนี้ก็ชี้เฉินห้าวกับจางหัวปินแล้วพูดว่า “ครั้งนี้พอไม่ได้โกหกแกแน่นอน ถามพวกเขาดูก็ได้ ตอนนั้นพวกเขาอยู่ในเหตุการณ์ ไป๋ยี่เฟยพูดอะไร พวกเขาได้ยินชัดเจน!”
หลิวเสี่ยวอิงจึงหันหน้าไปมองสองคนนั้น
ทว่าทั้งสองคนคนหนึ่งก้มหน้า คนหนึ่งมองหน้าต่าง ต่างไม่มีใครมองเธอ
หลิวเสี่ยวอิงมองอยู่นาน สุดท้ายยังคงกล่าวว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะพูดอย่างไรฉันก็ไม่มีทางเชื่อ”
“เสี่ยวอิงเอ๋ย ลูกตื่นได้แล้ว!” หลิวโก๋จงเอ่ยขึ้นมาอย่างเตือนแล้วเตือนอีก “เขาเห็นแกเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง ไม่ได้ห่วงใยแกโดยสิ้นเชิง”
“เมื่อวานตอนอยู่ในห้องคนไข้ มีเพียงพวกเราสองคน เขาถึงพูดความจริง เขาไม่สนใจแกเลยสักนิด ทำไมแกยังจะเชื่อเขาถึงขนาดนั้นอีก?”
หลิวเสี่ยวอิงกับกล่าวขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “หนูบอกแล้วว่าหนูไม่เชื่อ นอกจากเขาจะมาบอกหนูด้วยตัวเอง”
หลิวโก๋จงเห็นเช่นนี้ก็โกรธจนทนไม่ได้ สุดท้ายเขาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วโยนไปให้ “งั้นแกก็ดูเอาเอง ดูว่าแกจะเชื่อหรือไม่เชื่อ!”
หลิวเสี่ยวอิงก้มหน้า มองกระดาษแผ่นนั้น บนนั้นเป็นลายมือของไป๋ยี่เฟยจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยใช้มือซ้ายเขียน เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ในระดับขั้นสูง เขียนมือซ้ายหรือมือขวาก็ไม่ต่างกันนัก
ซึ่งคำพูดบนกระดาษพูดกับจางหัวปิน
“พี่จาง ความจริงผมเห็นหลิวโก๋จงกับอู๋หยุนขัดตานานแล้ว เมื่อกี้ผมไม่ระวังพลั้งปากพูดกับหลิวโก๋จงไป เขารู้แล้ว ภายหน้าจะยุ่งยาก พี่คิดหาวิธีกำจัดพวกเขาสองคนที”
หลิวโก๋จงสูดหายใจลึกพูดว่า “พ่อไม่อยากให้แกเสียใจ จึงไม่คิดจะให้แกดู แต่พ่อไม่อาจมองเฉยๆ ดูแกถูกไอ้สารเลวนั่นหลอกเอาได้!”
หลิวเสี่ยวอิงตาแดง แต่เธอยังคงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ หนูไม่เชื่อ……”
หลิวโก๋จงกดบ่าหลิวเสี่ยวอิงไว้ “เสี่ยวอิง เขาจะฆ่าพ่อกับแม่ของแก คนแบบนี้จะชอบแกจากใจจริงได้อย่างไร? แกตื่นสักทีเถอะ!”
หลิวเสี่ยวอิงยังคงตาแดงพูดว่า “หนูต้องการให้เขามาบอกต่อหน้าหนู!”
หลิวโก๋จงทำหน้าขรึมพูดว่า “แกนึกว่าตอนนี้เขาจะยังอยู่ในโรงพยาบาลอีกเหรอ? เขาจะฆ่าพ่อกับแม่แก แน่นอนว่าหนีออกไปแล้ว ถึงเวลาพวกเราตาย เขาก็จะไม่มีพยานในเหตุการณ์!”
เฉินห้าวกับจางหัวปินมองอยู่เงียบๆ ไม่เอ่ยอะไรออกมา