ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 146 คุณอยากเป็นประธานไหม?
บทที่ 146 คุณอยากเป็นประธานไหม?
บนใบหน้าหลินอิ่งแต้มด้วยรอยยิ้มบาง ในกระเป๋าเสื้อด้านข้างมีกล่องคริสทัลที่มี King of the world ใส่เอาไว้
“อืม” จางฉีโม่พยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู
ทั้งสองหมุนตัวออกจากห้างอัลเลน อู่เจิ้งได้ขับรถมาถึงนานแล้ว เปิดประตูอย่างมืออาชีพ
เมื่อเห็นแผ่นหลังของหลินอิ่งและจางฉีโม่ ฉินอวี่รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงด้วยความสยดสยอง และเขายังพะวงจนไม่สามารถวางใจได้ เหมือนท่านหลินจะยังไม่ค่อยพอใจ?
“พี่อวี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพี่ถึงกลัวเจ้าสวะนั่นขนาดนี้ ทำไมลุงใหญ่ถึงได้โทรมาเตือนว่าผมหิว” ฉินเฟยคุกเข่าลงบนพื้น กุมท้องถามด้วยความสงสัย
“สวะ? ถ้าแกยังกล้าพูดว่าสวะอีกคำ ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้เลย!” ฉินอวี่คว้าฉินเฟยเอาไว้และทุบตี ระบายความโกรธของเขาอย่างบ้าคลั่ง
“ฉินเฟย แกกลับไปหาพ่อฉันกับฉันเดี๋ยวนี้! จากนั้น โทรหาพ่อของแกให้มาด้วย!” ฉินอวี่พูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “ถ้าประธานหลินไม่ซักถามเรื่องนี้อีก ฉันจะปล่อยพวกแกพ่อลูกไป ให้พวกแกไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ถ้าประธานหลินอยากซักถามเพิ่มอีก พวกแกสองคนเตรียมตัวออกจากตระกูลฉินไปได้เลย อย่าได้คิดจะเอาเงินไปแม้แต่แดงเดียว ไปขอทานข้างถนนเอาซะเถอะ! ”
หลังจากขู่ ฉินอวี่ก็ดีดนิ้วของเขา ครู่เดียวบอดี้การ์ดสองคนก็เข้ามา จับฉินเฟยเอาไว้
“หือ?” ทั้งร่างของฉินเฟยอ่อนแรงราวกับถูกไฟช็อต ถูกบอดี้การ์ดสองคนพยุงตัวไป ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
นี่เหมือนท้องฟ้าพังทลายลงมา สำหรับฉินเฟย สามารถเสียหน้าได้ ตบหน้าเขาได้ กระทั่งคุกเข่าก้มหัวเขาก็ทำได้ แต่เขาจะสูญเสียอำนาจและความมั่งคั่งไปไม่ได้! ถ้าเขาถูกเตะออกจากตระกูลฉิน มันแย่ยิ่งกว่าความตายซะอีก
ทำไม? เพียงเพราะทำให้สวะหลินอิ่งนั่นขุ่น? นี่? นี่มันเหลือเชื่อเกินไปไหม?
ฉินเฟยเสียใจเจียนตาย ถ้าเขารู้แต่แรกว่าหลินอิ่งยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คงไปประจบหลินอิ่งตั้งนานแล้ว เฮ้อ น่าเสียดาย ที่มีเงินมากมายก็ไม่สามารถย้อนเวลาได้
ในอีกด้านหนึ่ง อู่เจิ้งขับรถไปถึงศูนย์กลางของถนนอาหารซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์
รถจอดลงที่ร้านอาหารระดับสูงร้านหนึ่งที่ชื่อว่าร้านอาหารฟองซัมเมอร์
ร้านอาหารแห่งนี้มีเชฟใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลากหลายแขนงของประเทศหลุง แล้วยังมีเชฟใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารคลาสสิกจากนานาประเทศ เช่น ติ่มซำ แกงกะหรี่ อาหารตะวันออก อาหารตะวันตก อาหารทะเลสดๆที่ขนส่งทางอากาศมาจากมหาสมุทรอาร์คติก เพียงแค่อยากกิน ของอร่อยจากทั่วโลก ก็สามารถหากินได้จากที่นี่!
ร้านอาหารแห่งนี้เปิดใหม่ล่าสุดได้ไม่นาน เถ้าแก่เบื้องหลังคือเจียงฉีเศรษฐีใหญ่แห่งตุงไห่ ระดับร้านอาหารนั้นไร้ขีดจำกัด เหนือระดับของเมืองชิงหยูนแห่งนี้โดยสิ้นเชิง และมีการจำกัดฐานะ ในเมืองชิงหยูนมีเพียงไม่กี่คนที่มีสิทธิ์เข้า!
ถ้าอยากเข้าไป นั่นก็ต้องให้หลินอิ่งพยักหน้ายินยอม เจียงฉีถึงได้กล้าที่จะเชิญแขกนักธุรกิจมาทานอาหารที่ชั้นหนึ่ง เพราะชั้นสองและสามถูกประธานหลินจองไว้เป็นพิเศษ ใครก็ไม่กล้าขึ้นไป
ต้องรู้ว่า ไม่นานมานี้แม้แต่เจ้าชายแห่งดูไบมาทานอาหาร ก็ยังตกใจมาก กระทั่งถามว่าเถ้าแก่ว่าสามารถเปิดร้านในดูไบบ้างได้ไหม เขามีเงิน สามารถลงทุนด้วยเงินได้มากเท่าที่ต้องการ
แน่นอนว่า เถ้าแก่เจียงฉีปฏิเสธ ล้อเล่นอะไรกัน นี่คือร้านอาหารที่ท่านหลินสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อคุณนายหลิน แค่เจ้าชายดูไบจิ๊บจ๊อยคนหนึ่ง ยังคิดจะเอาอย่าง
หลินอิ่งและจางฉีโม่สองคนขึ้นไปที่ชั้นสอง พนักงานเสิร์ฟแถวหนึ่งโค้งคำนับอย่างมืออาชีพ
เมื่อมาถึงชั้นสอง การตกแต่งภายในที่หรูหราเกินคำบรรยาย และในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายของความเรียบหรูมีระดับ กล่าวสั้น ๆ ก็คือรสนิยมที่เหนือกว่าความหรูหรา!
ทั้งสองนั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศและแสงไฟเยี่ยมมาก แบบฉบับของชุดดินเนอร์ใต้แสงเทียน
สายตาจางฉีโม่มองไปรอบ ๆ ดูเหมือนจะพอใจกับสภาพแวดล้อมนี้มาก ในขณะเดียวกันใบหน้าก็แดงเล็กน้อย ดูเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอทานอาหารตามลำพังกับหลินอิ่ง แล้วยังอยู่ในบรรยากาศที่สวยงามเช่นนี้อีก
ไม่นาน สาวเสิร์ฟก็ลากรถเข็นอาหารขึ้นมา นำหม้อที่ปิดด้วยฝาคริสทัลออกมา กลิ่นหอมอบอวลก็ทำให้ภายในใจผู้คนรู้สึกมีความสุข!
“หลินอิ่ง คุณ เตรียมของขวัญอะไรไว้ให้ฉัน?” จางฉีโม่ถาม ใบหน้าของเธอแดงขึ้น
หลินอิ่งยิ้ม หยิบกล่องคริสทัลออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และพูดว่า “นี่ไงล่ะ”
จางฉีโม่ดูสงสัย จากนั้นหลังเปิดกล่องคริสทัล สีหน้าตกตะลึง กัดริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี
“นี่ นี่มัน King of the World คุณได้มาได้ยังไง?” จางฉีโม่ถามด้วยความประหลาดใจ จู่ ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ “คุณคงไม่ได้ซื้อมันมา จากการประมูลครั้งนั้นใช่ไหม?”
หลินอิ่งยิ้มและไม่พูดอะไร จางฉีโม่ตกใจมาก หลินอิ่งยอมรับแบบเงียบ ๆ แล้ว เขาจะมีเงินขนาดนี้ได้ยังไง? 100 กว่าล้านเชียวนะ
อย่างไรก็ตาม จางฉีโม่คิดอยู่พักหนึ่ง หลินอิ่งบอกว่าไปที่ตี้จิงคราวก่อน เขาคงไม่ได้เป็นลูกชายของมหาเศรษฐีสักคนในตี้จิงหรอกใช่ไหม ไม่สิ หรือว่าจะเป็นทายาทเศรษฐีนอกสมรส?
จางฉีโม่คิดอย่างดุเดือด แต่ก็คิดไม่ออกว่า หลินอิ่งเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน ไม่ต้องคิดมันแล้วละกัน ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเธอ และถึงแม้ว่าเขาจะมีหนึ่งล้านล้าน ก็เป็นเรื่องของเขาอยู่ดี
“ฮึ! คุณนี่ทำลายกิจการตระกูลเก่งจริง ๆ การประมูลคราวที่แล้วตั้ง 50 ล้านจะทุบก็ทุบ” จางฉีโม่กรอกตามองหลินอิ่ง พูดปากอย่างใจอย่าง ในความจริงแล้วในใจเธอรู้สึกสุดประมาณ
“เลิกพูดถึงเรื่องพวกนั้นได้แล้ว” หลินอิ่งยิ้ม “ผมใส่ให้คุณนะ”
จางฉีโม่หน้าแดงและไม่พูดจา เป็นการตอบตกลงอย่างเงียบ ๆ
หลินอิ่งสวมจี้ King of the World เส้นนี้ให้กับจางฉีโม่ด้วยท่าทางจริงจังหนักแน่น เพียงพริบตาเดียว ออร่าทั่วร่างของจางฉีโม่ก็ถูกขับให้เด่นออกมา ราวกับไข่มุกสุกใสจากท้องทะเลปรากฏขึ้นบนโลก ไร้ซึ่งสิ่งสกปรกเจือปน
“เอาล่ะ ปกติแล้วฉันคงไม่ใส่หรอก มันดูสูงส่งเกินไป” จางฉีโม่พูด ในใจก็คิดที่จะเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี
“ตามที่คุณต้องการ” หลินอิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากคิดไปมา หลินอิ่งก็พูดว่า “ฉีโม่ คุณอยากเป็นเป็นประธานไหม?”
“อะไรนะ? ประธาน? คุณหมายถึงจางซื่อกรุ๊ปเหรอ?” จางฉีโม่ถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่” หลินอิ่งพยักหน้า
อูหยางและนิ่งซวนกลับไปถึงตี้จิงแล้ว เรื่องของจางซื่อกรุ๊ปยังไม่ได้จัดให้เรียบร้อย
ความจริงจะช่วยฉีโม่เปิดบริษัทเครื่องประดับด้วยตัวเองก็ได้อยู่ แต่ว่าฉีโม่ไม่มีทางเห็นด้วยกับความคิดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทเครื่องประดับจางซื่อยังเปิดโดยจางตี้งติ่งปู่ของฉีโม่ ควรให้ฉีโม่ฉีโม่รับช่วงต่อจากปู่
“ล้อเล่นอะไรกัน นี่ ไม่จำเป็นหรอก มันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก” จางฉีโม่กล่าว “แม้ว่าคุณจะมีเงิน แต่ฉันก็ไม่อยากให้คุณใช้เงินเพื่อฉันมากเกินไป โดยเฉพาะในด้านธุรกิจ ฉันคิดว่าฉันต้องอาศัยความสามารถของตัวเอง”
“นอกจากนี้ จางซื่อกรุ๊ปกำลังเฟื่องฟู หากต้องการย้ายเข้าไปแบบมือเปล่า แล้วกลายเป็นประธาน ไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งพันล้านหรือสองพันล้านด้วย” จางฉีโม่กล่าวอย่างเคร่งเครียด “แม้ว่าคุณมีเงินที่จะซื้อมันมา แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะสามารถช่วยคุณเพิ่มความมูลค่ามันได้ บางทีคุณอาจจะสูญเสียมาก หรือบางทีอาจขาดทุนย่อยยับเลยก็ได้”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ตรงตามที่คาดไว้ฉีโม่ยอมจริง ๆ ด้วย
“ฉีโม่ ในด้านเครื่องประดับ คุณมีความมั่นใจในตัวเองไหม?” หลินอิ๋งถามอย่างจริงจัง
“มีอยู่แล้ว” จางฉีโม่ตอบโดยไม่ต้องคิด
หลินอิ่งยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อคุณมีความมั่นใจ ผมจะช่วยคุณติดต่อเครือข่ายแหล่งทรัพยากรเอง ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ทำบริษัทการเงินอยู่ มันสนับสนุนเงินทุนให้คุณได้เป็นพันล้าน แต่คุณต้องชดใช้คืนด้วยความสามารถของคุณเอง แล้วแบบนี้ละฉีโม่ คุณจะรับคำท้านี้ไหม?”
ดวงตาของจางฉีโม่มีความกระหายอย่างเห็นได้ชัด ลังเลอยู่นาน จึงพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “ฉันมีความมั่นใจนี้ ฉันสามารถยึดจางซื่อกรุ๊ปและก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้!”