ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 147 แทนที่จะรับผิดกลับมาเรียกร้องเงินชดใช้
บทที่ 147 แทนที่จะรับผิดกลับมาเรียกร้องเงินชดใช้
จางฉีโม่กับหลินอิ่งรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนเสร็จสิ้นไปอย่างงดงาม
ไปเดินเล่นริมแม่น้ำ และขับรถกลับไปที่วิลล่าหิมะมังกร
หลินอิ่งเดินกลับไปที่ห้องนอนบนชั้นสาม มองไปยังถุงขยะที่ไม่เข้ากัน โทรหาทั้งเจียงฉีและเสิ่นซานเพื่อจัดการเรื่องบางอย่าง
เช้าตรู่ วันรุ่งขึ้น
โต๊ะอาหารที่ชั้นหนึ่งรายล้อมไปด้วยผู้คนเป็นครอบครัวใหญ่ที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ สีหน้าของทุกคนก็แตกต่างกันไป
หลินอิ่งและจางฉีโม่ลงไปชั้นล่าง ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ หลี่ผูก็รีบนำซุปติ่มซำชั้นเลิศและโจ๊กที่ปรุงด้วยตัวเองมาเสิร์ฟให้
“เฮ้ๆๆ! นี่หมายความว่ายังไง? เรากินน้ำเต้าหูดื่มปาท่องโก๋ ทำไมพวกนายถึงได้กินของดีอย่างนี้? ดูถูกกันงั้นเหรอ?” ลู่ซีหย่วนกล่าวอย่างไม่ยินยอม เห็นของที่จางฉีโม่กับหลินอิ่งกินเกรดสูงกว่าของครอบครัวเขาระดับหนึ่ง ในใจก็รู้สึกอึดอัดมาก
“พวกนายอยากกินอะไร ทำเองไม่เป็นหรือไง?” หลินอิ่งพูดเรียบ ๆ พลางคนถั่วแดงไปด้วย
“คุณป้า พี่ฉี พวกคุณไม่สั่งสอนเจ้าหลินอิ่งนี่สักหน่อยเหรอ? ถึงได้ยังหยิ่งยโสขนาดนี้ ให้แต่ตัวเองกินของดี ๆ ให้พวกเรากินของห่วย ๆ จะมีเหตุผลแบบนี้ได้ยังไง?” ลู่เสี่ยวเจี้ยนกล่าวอย่างไม่ยี่หระ
“หลินอิ่ง นายทำแบบนี้มันใช้ได้เหรอ จัดให้ที่บ้านมีพ่อบ้านที่เชื่อฟังขนาดนี้ เพื่อจะรับใช้นายคนเดียวงั้นเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างเย็นชา มองไปที่หลี่ผูอย่างน่าเกรงขาม “แกรีบไปทำมาให้พวกเราทุกคน คนละถ้วยเดี๋ยวนี้!”
จู่ ๆ ก็ไฟลุกโชติ ผู้คนมากมายอย่างเขาล้วนกินอาหารเช้าจากแผงขายเพียงไม่กี่หยวน ทำไมเศษสวะอย่างหลินอิ่งถึงได้กินอย่างหรูหราขนาดนี้? แล้วยังให้พ่อบ้านทำมื้อเช้าให้เขาโดยเฉพาะอีก?
“ใช่! แกนั่นแหละไอ้แก่ จะเอาเงินโดยไม่ทำงานหรือไง? เร็วเข้า รีบไปทำมา” ลู่ซีหย่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“ขอโทษนะครับ ประธานหลินเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ผม ผมช่วยทำอาหารให้ได้แค่ประธานหลินกับคุณนายหลินเท่านั้นครับ” หลี่ผูพูดอย่างใจเย็น
“พ่อบ้านแก่ ๆ อย่างแกยังกล้าที่จะหยิ่งผยองอีกเหรอ? เชื่อไหมฉันจะว่าโยนแกออกไป” ลู่เสี่ยวเจี้ยนพูดอย่างกำเริบเสิบสาน
จางฉีโม่ไม่ค่อยยินดีนัก พูดว่า “พวกคุณอยู่ที่นี่ได้ก็พอแล้ว ยังจะอยากอยู่ฟรีกินฟรีอีก? อยากกินอะไรทำไมไม่รู้จักไปซื้อเองล่ะ?”
“โอ้โห เยี่ยมมาก อาศัยอยู่ที่นี่เหรอ?” ลู่ซีหย่วนพูดด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ “ยังไม่รู้ว่าพวกนายจะอยู่ได้นานแค่ไหน แล้วยังเอาวิลล่านี้มาพูดอีก?”
“พวกคุณไม่อยากอยู่ก็ไสหัวออกไปซะ ไม่มีใครให้พวกคุณเข้ามา” หลินอิ่งกล่าวนิ่ง ๆ
“หย่าฮุ่ย ซิ่วเฟิง ฟังดูสิว่ามันหมายความว่ายังไง ลูกเขยของพวกเธอเป็นพวกแบบไหนกัน?” ลู่ซีหย่วนกล่าวอย่างหัวเสีย
ลู่หย่าฮุ่ยและจางซิ่วเฟิงขมวดคิ้วมองไปที่หลินอิ่ง ตอนที่พวกเขากำลังจะพูดอะไรสักคำออกมา
ติ๊ดๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หลินอิ่งรับสาย
“ท่านหลิน สิ่งที่ท่านมอบหมายให้เมื่อคืนจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผมรอท่านอยู่ที่ด้านนอกวิลล่าหิมะมังกร” เสียงที่เสิ่นซานเคารพดังมาจากอีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์
“ดี” หลินอิ่งวางสายโทรศัพท์และมองไปที่จางฉีโม่ “ฉีโม่ ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการก่อน เดี๋ยวสักพักคุณก็โทรหาเบอร์ที่ผมให้คุณอีกที เพื่อนผมจะช่วยคุณจัดการเรื่องการเงินเอง”
“อืม ฉันรู้” จางฉีโม่พยักหน้าย่างหนักแน่น
หลินอิ่งไม่พูดให้มากความ ลุกขึ้นและออกจากวิลล่า และเดินออกไปจากวิลล่าหิมะมังกร
รถ Rolls-Royce Phantom ของเสิ่นซานจอดอยู่ที่ประตู หลินอิ่งขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังของรถแล้ว เสิ่นซานถึงได้สตาร์ทรถจากตำแหน่งคนขับ ไปทางแม่น้ำชิงหยูน
“ท่านหลิน ตามคำมอบหมายของท่าน เราได้ซื้อเกาะเทียมนั่นมาแล้ว รอให้ท่านไปดูว่า ควรสร้างใหม่ยังไงดี” เสิ่นซานกล่าวด้วยความเคารพในขณะที่ขับรถ
“ทำได้ดีมาก” หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อคืนโทรศัพท์ออกคำสั่งไป ให้เสิ่นซานไปซื้อเกาะเทียมที่แม่น้ำชิงหยูนมา ที่นั่นยังเป็นที่จอดเฮลิคอปเตอร์ของตนอีก
วิลล่าหิมะมังกรวิลล่านี้ถูกพ่อแม่ของฉีโม่ทำเอาบรรยากาศมาคุ อยู่อย่างอึดอัด เมื่อคฤหาสน์บนเกาะเทียมสร้างเสร็จแล้ว ค่อยถามฉีโม่ดูว่าอยากจัดสภาพแวดล้อมแบบไหน ค่อยย้ายเข้าไป
อีกด้านหนึ่ง ในวิลล่า สีหน้าลู่หย่าฮุ่ยและลู่ซีหย่วนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“เจ้าเศษสวะนี่ รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แสร้งทำเป็นเจรจาธุรกิจหลบหนีออกไปจากช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าว “ฉีโม่ เธอยังไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลินอิ่งชัด ๆ อีกเหรอ ทันทีที่ได้ยินว่าวิลล่ากำลังจะถูกคนยึดไป หลบทุกครั้งที่มีเรื่อง มันสมเป็นลูกผู้ชายเหรอ?”
“ไม่นะแม่ วิลล่าจะไม่ถูกยึดไป หลินอิ่งมีวิธีอยู่แล้ว เขาแนะนำเพื่อนเพื่อหาเงินทุนให้หนู” จางฉีโม่ กล่าวอย่างจริงจัง
“โอ้โห? เจ้าเศษสวะนั่น ยังมีเพื่อนเป็นแหล่งเงินทุนอีกเหรอ? พี่ฉีโม่ พี่เชื่อเรื่องตลกแบบนี้ด้วยเหรอ? น่าขำจริง ๆ ” ลู่เสี่ยวเจี้ยนกล่าวยิ้ม ๆ
ใช่ เจ้าเศษสวะนี่ นอกจากดีแต่พูดแล้ว ก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย” ลู่ซีหย่วนยืมคำถาม “ซิ่วเฟิงกับหย่าฮุ่ย พวกเธอรู้ไหมว่าทำไมลู่เวยไม่กลับมาเมื่อคืนนี้? เป็นเพราะเจ้าเศษสวะหลินอิ่งนี่แหละที่สร้างความบาดหมาง จนลู่เวยเลิกกับแฟนหนุ่ม ลู่เวยแทบจะปลงไม่ตก กลายเป็นเป็นโรคซึมเศร้า ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาล! พวกนายว่ายังไง? ”
“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” ลู่หย่าฮุ่ยถามอย่างสงสัย
ลู่ซีหย่วน เต็มไปด้วยความไม่พอใจและพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “หลินอิ่งไม่รู้ว่าจะประจบลูกพี่ลูกน้องที่รู้จักกับแฟนของลู่เวยได้ยังไง ดังนั้นเขาจึงพูดเรื่องไม่ดีของลู่เวยกับคนอื่น สาดน้ำสกปรก ทำให้ลูกสาวของฉันตอนนี้ไม่มีโอกาสแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย บัญชีนี้ พวกนายว่าควรคิดยังไงกันดี”
“ที่จริงไม่ใช่อย่างที่ลู่เวยพูด แฟนของลู่เวยมีภรรยาอยู่แล้ว เกี่ยวอะไรกันกับหลินอิ่ง” จางฉีโม่พูดอย่างโกรธ ๆ
ถ้าไม่ได้ต้องการรักษาหน้าแม่และน้าเอาไว้ ก็บอกเรื่องลู่เวยกับแฟนหนุ่มเมื่อคืนนี้ออกมาตามตรงแล้ว!
“หย่าฮุ่ย ฟังนะ แม้กระทั่งฉีโม่ก็ยังถูกหลินอิ่งหลอก ว่าหลินอิ่งเก่งเกินไปในการทำลายข้อกล่าวหา เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าเทียบกับแฟนของลูกสาวฉันไม่ได้ เขาเลยสมคบคิดที่จะทำร้ายผู้คน เลวจริง ๆ ” ลู่ซีหย่วนพูดด้วยความโกรธ “หย่าฮุ่ย ฉันจะบอกให้นะ อย่าได้คิดว่าทำลายเรื่องดี ๆ ของลูกสาวฉัน แล้วจะจบแค่นี้ พวกแกจะต้องชดใช้เงินให้ครอบครัวฉัน ค่ายา และค่าความเสียหายทางจิตใจ! อย่างน้อยก็หนึ่งล้านให้ครอบครัวเรา!”
“อะไรนะ? หนึ่งล้าน คิดเรื่องเงินจนบ้าไปแล้วหรือไง? และถึงจะเป็นเรื่องจริง ถ้าจะหาพวกคุณก็ไปหาหลินอิ่ง” ลู่หย่าฮุ่ยสีหน้าดูตกใจและเป็นกังวล เมื่อได้ยินว่าต้องชดใช้ เร่งด่วนมาก
“ลุง ลุงกำลังพูดถึงอะไร? นี่ลุงแบล็กเมล์ใช่ไหม” จางฉีโม่ตกใจ ไม่คาดคิดว่าลู่ซีหย่วนจะพูดเรื่องแบบนี้
ลู่ซีหย่วนกล่าวว่า “ฉันไม่ได้มาหาหลินอิ่ง เจ้าเศษสวะนั่นทั้งเลวทั้งไม่มีเงิน เขาเป็นลูกเขยของครอบครัวพวกเธอ ทำให้ลูกสาวของฉันจิตใจย่ำแย่จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และยังขวางไม่ให้ลูกสาวฉันได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยอีก! ครอบครัวของพวกเธอต้องเอาเงินมาชดใช้! ถ้าไม่ชดใช้ อย่าหาว่าฉันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็แล้วกัน! ”
“ซีหย่วน พอเปิดปากก็จะเอาหนึ่งล้าน มันหมายความว่ายังไง” จางซิ่วเฟิงเองก็โกรธขึ้นมาบ้าง นี่มันต่างอะไรกับการปล้นชิงทรัพย์?
“รังแกลูกสาวของฉัน ยังจะไม่ชดใช้อีกเหรอ? อย่าคิดว่าครอบครัวของเราไม่มีเส้นสายในเมืองชิงหยูนนะ!” ลู่ซีหย่วนกล่าวอย่างดุเดือด “เศรษฐีใหญ่แห่งตุงไห่เจียงฉี เคยได้ยินไหม? ช่วงบ่ายเสี่ยวเจี้ยนลูกชายของฉันกำลังจะไปทำงาน เป็นผู้จัดการที่บริษัทเจียงฉีแล้ว! มีอนาคตที่สดใส! ”
ลู่เสี่ยวเจี๋ยนสีหน้าภาคภูมิใจ และพูดอย่างลำพอง “ใช่ บ่ายนี้ฉันจะไปรายงานตัวที่ไห่หยางกรุ๊ป พ่อทูนหัวของฉันเป็นถึงประธานของไห่หยางกรุ๊ป! พวกคุณไม่จ่ายเงินชดเชยพี่สาวฉัน ทีนี้ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นนะ ฮ่า ๆ เมื่อถึงตอนนั้นส่งคนมาจัดการพวกคุณ อย่าหาว่าหลานชายไม่ไว้หน้าพวกคุณละกัน!