ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 150 ให้ข้าวไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกคำหนึ่ง
บทที่ 150 ให้ข้าวไอ้ไร้น้ำยาอย่างแกคำหนึ่ง
“ชิวอวี่อยากไปเยี่ยมอิ่งเอ๋อ พวกหลานไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว อีกอย่าง ชิวอวี่มีเรื่องอยากขอให้หลานช่วย” พูดถึงตรงนี้ ฉีเวิ่นติ่งน้ำเสียงจริงจัง “อิ่งเอ๋อ ชิวอวี่กับแม่ของเธอหลายปีนี้กตัญญูกับปู่ดี ปู่ก็ไม่บังคับหลานนะ หลานดูว่าช่วยเธอได้ไหม”
“คุณปู่ เรื่องที่คุณปู่สั่ง ผมต้องทำให้ดีแน่นอน” หลินอิ่งตอบสีหน้าจริงจัง
ญาติคนเดียวบนโลกนี้ของเขาก็คือปู่ ปู่อายุขนาดนี้แล้วเปิดปากขอให้ช่วย ต้องพยายามช่วยถึงที่สุด อีกอย่าง จะมีสักกี่เรื่องบนโลกนี้ที่เขาทำไม่ได้
เมืองตงไห่ สนามบินนานาชาติชิงหยูน
ท่ามกลางแสงจันทร์มีบอดี้การ์ดใส่สูทยืนรอกันเป็นแถว หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อน แว่นขอบทอง สวยสง่า เดินมาอย่างช้าๆ
มีขบวนรถจองรออยู่นานแล้ว หน้ารถมีคนใส่สูทยืนรออยู่ ท่าทางเคารพ
นี่เป็นขบวนรถของตระกูลโจ ตระกูลโจซึ่งเป็นตระกูลใหญ่หนึ่งในสามของเมืองตงไห่ ขบวนรถออกมา ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง ต่างก็สนใจว่าตระกูลโจต้อนรับใครกันแน่ ต้องใช้ขบวนรถขนาดนี้
“คุณหนูกงซุน ถึงแล้วเหรอครับ ผมคือโจตง เป็นคนที่ตระกูลโจส่งมารับคุณโดยเฉพาะครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามายิ้มทัก
“ออ คนตระกูลโจเหรอ?” กงซุนชิวอวี่พยักหน้า ท่าทางใจไม่อยู่กับตัว กำลังคิดอะไรบางอย่าง
น้องสาวของคุณท่านตระกูลโจแต่งเข้าตระกูลกงซุนแห่งตี้จิง ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์กัน ครั้งนี้กงซุนชิวอวี่มาเมืองตงไห่ ภายในตระกูลกงซุนได้ข่าว ก็รีบแจ้งให้คนตระกูลโจ ต้องต้อนรับอย่างดี ในฐานะคนพื้นที่ต้องทำการต้อนรับคุณหนูกงซุนคนนี้เป็นอย่างดี
ต้องรู้ว่า กงซุนชิวอวี่เป็นหลานสาวที่นายท่านกงซุนรักที่สุด และยังเป็นหลานสาวของฉีเวิ่นติ่งของตระกูลฉี ช่วงนี้ตระกูลฉีโดดเด่นขนาดไหน?
ไม่มีใครไม่รู้จักในประเทศหลุง แม้กระทั่งคนในเมืองตงไห่ก็รู้จักตระกูลฉี มีทายาทคนหนึ่งอย่างฉีหยิ่น และชายหนุ่มในตำนานที่ลึกลับมหาเศรษฐีแห่งประเทศหลุงฉีหยิ่น ก็คือพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของของกงซุนชิวอวี่
“คุณหนูกงซุน อยากไปเที่ยวไหนไหมครับ? เดี๋ยวผมพาไป ผมเป็นคนตงไห่เกิดและโตที่นี่ ไม่แค่เมืองชิงหยูน สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในเมืองอื่นผมก็รู้ดี” โจตงพูดด้วยรอยยิ้ม เอาใจอย่างที่สุด
“ไม่ต้องไปที่อื่น อยู่ในเมืองชิงหยูนนี่แหละ” กงซุนชิวอวี่พูดเสียงเรียบ
เธอไม่มีอารมณ์สนใจคนของตระกูลโจ ครั้งนี้ที่มาเมืองตงไห่เพื่อจะมาหาพี่ชายฉีหยิ่น
คิดไปคิดมา กงซุนชิวอวี่เดินไปด้วยหยิบมือถือออกมาด้วย สีหน้าตื่นเต้น กดเบอร์แล้วโทรออกไปอย่างระมัดระวัง
ขอร้องคุณตาอยู่หลายครั้ง ถึงได้เบอร์พี่ชายมา โทรครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะรู้แล้วว่าคนใส่เสื้อขาวนั้นก็คือฉีหยิ่น อีกอย่าง ฉีหยิ่นเป็นคนใหญ่โตขนาดนั้น เหยียบตระกูลเหวินล้มเพียงคนเดียว
“ฮัลโหล ใช่ ใช่พี่ฉีหยิ่นไหม?” กงซุนชิวอวี่พูดเสียงเบา รู้สึกกลัวเล็กน้อย
“ใช่” ในโทรศัพท์ทางโน้น เป็นเสียงของหลินอิ่ง
“พี่ พี่อยู่ไหน? หนูไปหาพี่นะ” กงซุนชิวอวี่พูด
“ไม่ต้อง หาพี่พักก่อน เดี๋ยวพี่ไปหาเธอเอง”
กงซุนชิวอวี่สีหน้าดีใจ กำลังจะเปิดปากขอบคุณ เสียงติ๊ด สายตัดไปแล้ว
หลินอิ่งวางสาย เดินไปลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เครื่องยนต์สตาร์ท ใบพัดหมุนแล้วบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ขับไปยังกลางเมืองชิงหยูน
เขาไม่อยากให้กงซุนชิวอวี่มาหาตัวเอง แล้วสร้างปัญหามากมาย ถ้าให้ผู้หญิงคนนี้ได้เจอฉีโม่ ก็คงพูดไม่จบแล้ว
เพราะฉะนั้น เด็ดเดี่ยวหน่อย ไปหาเธอด้วยตัวเอง ถามเธอให้ชัดเจนว่าเรื่องของตระกูลซุนเป็นอะไรกันแน่
จนต้องไปขอร้องคุณปู่ นั่นก็หมายความว่า เรื่องที่กงซุนชิวอวี่จะขอร้องเป็นเรื่องใหญ่ของตระกูลซุน
ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อย ด้วยความสามารถของตระกูลซุนเป็นไปไม่ได้ให้กงซุนชิวอวี่ไปรอขอร้องคุณปู่หรอก?
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
หลินอิ่งมาถึงร้านชาหยูนยู่นที่อยู่ในกลางเมือง ที่นี่เป็นร้านอาหารหรูแบบจีนผสมตะวันตก การตกแต่งหรู ก่อนที่จะเปิดร้านอาหารฟองซัมเมอร์ เป็นร้านอาหารระดับต้นๆในเมืองตงไห่ คนที่เข้ามาใช้บริการส่วนมากก็เป็นคนในสังคมผู้ดี
ที่นี่เป็นที่ของตระกูลโจในเมืองตงไห่ ภัตตาคารหยูนยู่นกรุ๊ป และเป็นบริษัทกิจกรรมภัตตาคารอันดับหนึ่งในเมืองตงไห่ เป็นถุงเงินสำคัญของตระกูลโจ ชั้นล่างของร้านชาหยูนยู่น มีรถหรูจอดเต็ม มีชายชุดสูทสิบกว่าคนยืนอยู่ เกือบยึดพื้นที่
นี่ก็ไม่แปลก เพราะฐานะของกงซุนชิวอวี่ ตระกูลโจต้องอยากเอาใจอยู่แล้ว
หลินอิ่งเดินเข้าไปช้าๆ แต่กลับถูกชายในชุดสูทสองคนกั้นไว้
“ไปบอกกงซุนชิวอวี่ ว่าหลินอิ่งหา” หลิงอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ
บอดี้การ์ดชุดสูทเฝ้าประตูสีหน้าลังเล หยิบมือถือขึ้นมาจะโทรรายงานพนักงานชั้นสอง
“เฮ้ ไม่ต้องโทรแล้ว เรื่องอะไรเล็กน้อยก็ต้องรบกวนคุณหนูกงซุนเหรอ?”
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงแหลมก็แว่วมา ห้ามบอดี้การ์ดไว้
ผู้หญิงอายุน้อยสองคน เงยหน้าสูง เดินมาด้วยสีหน้าหยิ่งยโส
“คนอะไรก็จะมาเอาใจคุณหนูกงซุนเหรอ? น้ำหน้าอย่างนายก็จะมาเจอราชินีแห่งตงไห่? ดูสภาพอย่างนาย คุกเข่าเลียเท้าก็ไม่มีโอกาส” ผู้หญิงกระโปรงฟ้าดูหลินอิ่งอย่างดูหมิ่น
“รู้ว่าฉันเป็นใครไหม? ฉันคือโจยู่ถานแห่งตระกูลโจ รู้ตัวก็รีบไสหัวไป” โจยู่ถานพูดอย่างไม่เกรงใจ
ล้อเล่นอะไร คุณหนูกงซุนเป็นคนระดับไหน ความสวยงาม ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ตั้งแต่ข่าวที่เธอมาเมืองชิงหยูนลือออกไป ผู้คนมากมายต่างก็อยากมามองให้เห็นกับตา หรืออยากมาเข้าแถวเอาใจ
แต่กับผู้ชายตรงหน้านี้ แต่งตัวเสื้อผ้าตลาดนัด ยังไม่รู้จักอายยังอยากมาเอาใจคุณหนูกงซุน?
“ออ? พี่ยู่ถาน คนนี้ก็หลินอิ่งที่หนูเคยบอกพี่ไง ก็คือไอ้ไร้น้ำยาจองตระกูลจางไง ยังหน้าไม่อายทำตัวเป็นหมาเห่าเครื่องบิน เกาะคุณหนูใหญ่ตระกูลหยางกิน ก็ไอ้ไร้น้ำยานั้นไง” ทันใดนั้น ผู้หญิงแก้มแดงปากแหลมที่ยืนข้างผู้หญิงกระโปรงฟ้า พูดหัวเราะเยาะขึ้นมา
หลินอิ่งเอียงหน้าไปมอง ถึงรู้ว่า คนที่ยืนอยู่ข้างโจยู่ถานคือจางจี้หนิง เดินตามอยู่ข้างหลังเหมือนสาวใช้
“ออ? มันก็คือหลิงอิ่งที่เธอเคยพูดเหรอ?” โจยู่ถานมองหลินอิ่งหัวจรดเท้า ตาเป็นแวว “มิน่าถึงเกาะผู้หญิงกินได้ หน้าตาใช้ได้ ทำไม ยังอยากฝันจะไปเอาใจคุณหนูกงซุนอีกเหรอ? อีกหน่อยทำตัวดีๆต่อหน้าฉัน เผลอๆฉันจะให้ข้าวนายกินสักคำ”
โจยู่ถานสีหน้าหยิ่งยโส ทำตัวเหมือนตัวเองอยู่เหนือกว่า ยื่นนามบัตรไปใบหนึ่ง
หลินอิ่งส่ายหัวยิ้มอย่างเย็นชา
“ทำไม? ให้นามบัตรนาย ยังจะรับหรือไม่รับ?” โจยู่ถานพูดอย่างหยิ่งยโส ไม่พอใจอย่างมาก
เธอเป็นถึงคุณหนูตระกูลโจ ให้โอกาสไอ้ไร้น้ำยาแล้ว แต่กลับกล้าทำตัวแบบนี้? ผู้ชายไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่ง ตอนนี้น่าจะมาเลียขาตัวเองเพื่อเอาใจทันที