ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 164 ตระกูลกงซุนติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงของท่าน
บทที่ 164 ตระกูลกงซุนติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงของท่าน
หลินอิ้งหัวเราะอย่างเยือกเย็น “จำสิ่งที่คุณพูดไว้ให้ดีนะครับ”
เมื่อพูดจบ หลินอิ่งก็เดินเข้าไป และมองดูกงซุนฉงหลงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขายื่นมือไปแตะที่ข้อมือแล้วหลับตาลงเบาๆ
“จำไว้ก็จำไว้! ไอ้หนุ่มยังทำเป็นชีพจร? ตอนนี้ข้าเรียนการรักษา นายยังใส่กางเกงเปิดเป้า (กางเกงที่คนในสมัยก่อนใส่ตอนยังเด็ก) อยู่เลย!” ลูเหลียงยู่พูดด้วยสีหน้าไม่แยแส เขาไม่เห็นหัวหลินอิ่งเลย
“เตรียมตัวกราบผมได้เลย ไอ้เด็กหนุ่มที่พลุ่นพล่านไม่รู้ตาย” กงซุนเฟยเทียนกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างเยือกเย็น
ล้อเล่นอะไรกัน พวกเขาจะไม่รู้อาการของนายท่านของตนได้อย่างไร? ใครจะรักษาหายได้?
ไอ้หลินอิ่งโง่ที่เพิ่งจะอายุ20ต้นๆ เนี่ยนะ ยังจะกล้าที่จะพนันเรื่องกราบเท้ากันอีก จะมารักษานายท่าน? วัยรุ่นกล้าหาญเกินไป!
ลูเหลียงยู่และกงซุนเฟยเทียนสบตาแล้วยิ้มออกมา มีแต่รอยยิ้มที่ร้ายๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“นี่……อาจารย์หลินครับ” สีหน้าของกงซุนเฟยหงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ไม่คาดคิดว่าหลินอิ่งไม่มีแม้แต่ลังเล เขาพนันเรื่องกราบเท้ากับลูเหลียงยู่ทันทีเลย นี่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปรึเปล่า?
โดยหลักแล้วลูเหลียงยู่ทำให้อาการของนายท่านคงที่แล้ว ถ้าเกิดว่าหลินอิ่งไม่สามารถรักษานายท่านให้หายได้ ก็นับว่าแพ้เขาแล้ว
เรื่องการกราบเท้า เป็นหลักฐานสำคัญเลย
กงซุนเฟยหงรู้สึกเป็นห่วงอย่างผิดปกติ ถ้าเกิดว่าหลินอิ่งไม่สามารถรักษานายท่านให้หายขาดได้ เขาก็จะไม่สามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้
คนที่ตนเชิญมาต้องไปกราบเท้ากงซุนเฟยเทียน? แล้วศักดิ์ศรีของหัวหน้าครอบครัวยังจะเอาอยู่ไหม?
แถมหลินอิ่งเป็นคนของทางนายท่านฉีเวิ่นติ่งอีกเสียด้วย นี่เขาก็จะทำให้นายท่านฉีโกรธเคืองอีกด้วยงั้นหรือ?
“ชิวอวี่ หนูว่าหลินอิ่งมั่นใจแต่ไหน?” กงซุนเฟยหงถามด้วยเสียงเบาๆ แล้วมองไปที่กงซุนชิวอวี่
สีหน้ากงซุนชิวอวี่กังวลเล็กน้อย กำลังครุ่นคิด เธอไม่สงสัยในความสามารถของลูกพี่ลูกน้องฉีหยิ่น แม้ว่าเธอไม่เคยเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องฉีหยิ่นรักษาคุณตาให้หายได้อย่างไร แต่ด้วยพลังแห่งความมั่นใจที่ส่งออกมานั้น เธอก็เชื่อว่าลูกพี่ลูกน้องสามารถรักษาคุณปู่ให้หายดีได้อย่างแน่นอน!
“ฉันเชื่อว่าเขาสามารถรักษาให้หายดีได้” กงซุนชิวอวี่พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
กงซุนเฟยหงพยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปที่หลินอิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลินอิ่งยกข้อมือของกงซุนฉงหลงไว้ สีหน้าปกติ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาทราบอาการของนายท่านอย่างละเอียดแล้ว
“โอ๊ยๆ อาจารย์หลินเล่นใหญ่จัง แสร้งได้เหมือนมากครับ ไหนบอกผมซิ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? นายท่านเป็นอะไรไป?” ลูเหลียงยู่พูดด้วยความสนุกสนานแล้วจ้องไปที่หลินอิ่ง
“ใช่ครับ คุณจับชีพจรมาตั้งนาน ทราบผลอะไรบ้างครับ?” กงซุนเฟยเทียนพูดพร้อมยิ้มอย่างเย็นชา “อาการที่เครื่องมือทางการแพทย์ที่ใหม่ที่สุดยังวินิจฉัยไม่ได้ คุณแค่จับชีพจรง่ายๆ ก็สามารถรู้ได้เลยหรือ?”
หลินอิ่งไม่ได้สนใจตัวตลกสองคนนี้ เขามองไปที่กงซุนเฟยหงด้วยสายตาที่นิ่งสงบ และพูดอย่างนิ่งๆ “นายท่านกงซุนโดนยาพิษเรื้อรัง เป็นยาพิษที่ตรวจหาได้ยาก มีแค่พิษฤทธิ์เบาๆ สำหรับชายหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรงแล้วมันไม่มีผลอะไร แต่สำหรับผู้ที่อายุเท่านี้แบบนายท่านกงซุน มันมีพิษที่อาจทำให้ถึงชีวิตได้”
“นี่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ล้มลงไป มันทำให้สุขภาพร่างกายของนายท่านแย่ลง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“อะไรนะ? นายท่านโดนยาพาเรื้อรังงั้นหรือ?” สีหน้าของกงซุนเฟยหงตกใจอย่างมาก เขาถามด้วยความเหลือเชื่อ
“ไม่ใช่มั้ง? อาจารย์หลิน คุณพูดไปเรื่อยไม่ได้นะครับ”
“ใช่ๆ อาหารการกินทุกอย่างของนายท่านพวกเราตรวจเช็กดูอย่างละเอียด จะถูกวางยาได้อย่างไร?”
คนของตระกูลกงซุนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา พวกเขาตกใจกับคำพูดน่าตะลึงที่หลินอิ่งพูดออกมา
นี่นายท่านเป็นเช่นนี้เพราะโดนยาพิษเรื้อรังงั้นหรือ? นี่มันน่าตกตะลึงเกินไปรึเปล่า? นั่นก็หมายความว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่รอบๆ ตัวนายท่านน่ะสิ?
แต่คนที่สามารถเข้าใกล้นายท่านได้ ล้วนก็เป็นเหล่าคนที่เป็นหลักในตระกูลกงซุน รอบๆ ตัวนายท่านมีบอดี้การ์ดยอดฝีมือคอยปกป้องไว้ และก็จะตรวจเช็กอาหารที่กินในทุกๆ วันอย่างละเอียด
ขนาดนี้ยังโดนวางยาได้? นี่ ใครกล้าลงมือกับนายท่านของตระกูลกงซุน จุดประสงค์คืออะไร?
เมื่อครุ่นคิดแล้วมันน่ากลัวจริงๆ
สีหน้าของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เปลี่ยนผันไปมา
“อาจารย์หลินครับ คุณแน่ใจหรือไม่? คุณปู่ของฉันโดนยาพิษเรื้อรังใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างงั้นต้องทำอย่างไร?” กงซุนชิวอวี่เองก็ถามด้วยความเป็นห่วง เขาเป็นห่วงสุขภาพของคุณปู่มากๆ
หลินอิ่งกล่าวอย่างนิ่งๆ “แน่นอนว่าผมแน่ใจได้”
ฝีมือแค่นี้ปิดบังหมอธรรมดาๆ ไปได้ และยังปิดบังเครื่องมือทางการแพทย์ได้อีกด้วย
เสียดาย สำหรับคนที่มีพลังภายในอย่าชำนาญอย่างเขา มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาสองเห็นมันจนถึงต้นตอของการเกิดของอาการ
อีกอย่าง เขาเรียนวิชาการแพทย์กับอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก บนโลกนี้คงมียาพิษเพียงไม่กี่ตัวที่เขาไม่สามารถดูออกได้
“พูดจามั่วๆ ! พูดจาเรื่อยเปื่อย!” ลูเหลียงยู่ทำเสียงหึ และปฏิเสธทันที “นายท่านกงซุนเป็นเช่นนี้เพราะร่างกายชราลง นายกลับบอกว่าท่านโดนยาพิษ? นี่นายปองร้ายหรือ ใช้คำพูดที่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมาขู่กัน? ทุกคนดูให้ดีนะครับ นี่เป็นกลการหลอกลวงที่เห็นได้โดยทั่วไป มันชัดเจนเกินไป”
“หลินอิ่ง นายเอ่ยปากมาก็พูดเลยหรือ” กงซุนเฟยเทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น เมื่อได้โอกาสเขาก็เริ่มเยาะเย้ยขึ้นมา “คนแบบนายที่เอ่ยปากมาก็บอกว่าอาการของคนไข้หนักมาก เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคำพูดที่พวกหมอตุ้มตุ๋นชอบใช้กัน ลักษณะนักต้มตุ๋นชัดๆ”
หลังจากทั้งสองคนพูดอะไรแบบนี้ออกมา คนในตระกูลกงซุนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างก็ดูสับสน ใช่ ท่าทางแบบนี้ที่เอ่ยปากก็พูดมาเลย มันเหมือนกับพวกนักต้มตุ๋นพวกนั้นมาก
แม้แต่กงซุนเฟยหงเองก็เริ่มสงสัยเล็กน้อย
ถ้าจะบอกว่านายท่านถูกคนอื่นวางยา เขาก็ยังไม่แน่ใจ มันหนักหนาเกินไปและรอบตัวๆ นายท่านมีการรักษาความปลอดภัยที่สูงมาก ใครที่จะทำเช่นนี้ได้?
“ไอ้แซ่หลิน ในเมื่อนายกล้าพูดว่านายท่านถูกวางยาพิษเรื้อรัง ถ้าอย่างงั้นขอถามหน่อยว่านี่คือยาพิษชนิดใด? ” ลูเหลียงยู่ถามอย่างผู้ชนะ
“ผมไม่รู้ และผมไม่จำเป็นต้องรู้” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นนักต้มตุ๋นจริงด้วย นายกล้าพูดได้อย่างไรถ้าไม่รู้” กงซุนเฟยเทียนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เขาเป็นนักต้มตุ๋นจริงด้วย เขาบอกว่าท่านถูกวางยาพิษ แต่เมื่อฉันถามเขาว่าโดนพิษอะไร เขากลับบอกว่าเขาไม่รู้?
เขาทำเหมือนทุกคนในที่นี้เป็นเด็กสามขวบหรือไง? หลอกง่ายงั้นหรือ?
เวลาเดียวกัน สายตาของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่หลินอิ่งก็ดูหมิ่นมากขึ้น
“ไม่จำเป็นต้องรู้” หลินอิ่งพูดเบา ๆ “พิษแบบนี้ สามารถแก็ได้อย่างง่ายดาย”
“เก่งจริงๆ เลย ช่างโอ้อวดเหลือเกิน สมควรที่เป็นคนที่สามารถหลอกลวงจนมีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ในเมืองตุงไห่จริงๆ ” ลูเหลียงยู่กล่าวอย่างแปลกประหลาด “จริงๆ นะ ถ้าพูดเรื่องหน้าด้านไม่มีใครสู้ได้ กล้าหลอกลวงขนาดนี้เป็นนักต้มตุ๋นมืออาชีพอย่างแน่นอน!”
หลินอิ่งหัวเราะเยาะเย้ย “คุณเตรียมตัวกราบผมได้เลย”
เมื่อพูดจบ จากนั้นหลินอิ่งหยิบกล่องสีเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบเสวียนเหมินสิบสองเข็มออกมา เข็มทองสิบสองอันนี้มีความยาวต่างกัน เมื่ออยู่ในมือของเขาก็ดูยอดเยี่ยมด้วยเทคนิคที่ราบรื่นและลื่นไหล
ผู้คนในเหตุการณ์มองดูจนตาลาย และพวกเขาเห็นไม่ชัดว่าเขาลงเข็มอย่างไร เข็มทองทั้งสิบสองเล่มถูกแทงเข้าไปในตำแหน่งต่างๆ ของนายท่านแล้ว
“อะไรนะ? นายใช้เข็มทองเป็นด้วยหรือ? ใครปล่อยให้นักต้มตุ๋นอย่างนายทำเช่นนั้น หากนายท่านเป็นอะไรไป นายจะต้องตาย!” กงซุนเฟยเทียนพูดอย่างโกรธ ๆ
“นายท่านกงซุนหายดีแล้ว” หลินอิ่งจับข้อมือของกงซุนฉงหลงไว้และเคาะหลาย ๆ ครั้งที่ข้อมือ เขาสะบัดมือ แล้วเก็บเข็มทองคำสิบสองเล่มไป ใส่กล่องลงในกระเป๋าเสื้อและหันหน้าเดินจากไป
“โอเค นายไร้ยางอายสิ้นดี กำลังเล่นเหมือนเด็กหรือ? ” ลูเหลียงยู่พูดประชด คน ๆ นี้น่าตลกสิ้นดี
“อะแฮ่ม! ” ขณะนั้น ใบหน้าที่ขาวซีดของกงซุนฉงหลงเริ่มฟื้นมามีร่องรอยของเลือด เขาไอเลือดสีดำออกมาหลายรอบและตื่นขึ้นมาในที่สุด
หื้ม? พ่อ ท่านตื่นจริงๆ แล้วเหรอ? “ใบหน้าของกงซุนเฟยหงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสายตาที่มองไปทางหลินอิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง” อาจารย์หลิน ตระกูลกงซุนเป็นหนี้บุญอันใหญ่หลวงต่อคุณ! ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มีสีหน้าไม่น่าเชื่อ พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลินอิ่งนักต้มตุ๋นคนนี้ทำได้อย่างไร?