ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 171 แอบซ่อนพายุ
บทที่ 171 แอบซ่อนพายุ
“ลาตินกรุ๊ป?” จางฉีโม่ขมวดคิ้ว ตั้งแต่เธอได้เลื่อนขั้นเป็นประธาน ก็ได้ไปมาหาสู่กับคนในแวดวงธุรกิจบ่อยๆ ก็ต้องได้ยินเป็นธรรมดาเกี่ยวกับบริษัททุนต่างชาติในเมืองชินหยูน ลาตินกรุ๊ป
“ไม่ต้อง บริษัทเรามีเงินทุนเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับนายทุนต่างชาติ”
จากฉีโม่ปฏิเสธทันที
เธอเพิ่งรับช่วงบริษัทเครื่องประดับจางซื่อมาใช้เงินหมุนเวียนจากไห่หยางกรุ๊ปมาสองพันล้านแล้ว ถึงแม้ว่าอยากหาคนลงทุนร่วมหุ้นด้วย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้จางหงซวนแนะนำแน่นอน ใครจะไปรู้ว่าใจเขาคิดแผนการอะไรอยู่
“นี่? ประธานจางไม่พิจารณาสักนิดเหรอ? ลาตินกรุ๊ปตอนนี้ถือเป็นบริษัทระดับต้นๆในวงการธุรกิจของเมืองชินหยูนเลยนะ” จางหงซวนพูด
“ไม่ต้องพิจารณา” จางฉีโม่พูดอย่างเด็ดขาด ไม่ได้สนใจสองคนนั้นอีก แล้วเดินขึ้นรถไป อู่เจิ้งเปิดประตูเรียบร้อยแล้ว รีบเดินขึ้นรถ
รถขับออกไป ขับออกไปบนถนนที่คึกคัก ไม่ให้โอกาสจางหงซวนสองคนพูดอะไรเลย
“ยโสจริงๆ ไม่มีเราสองคนผู้ใหญ่อยู่ในสายตาเลย” จางหงจูนโมโหจนกัดฟันแน่น มองรถที่ขับไปด้วยความไม่พอใจ
สถานการณ์พลิกผันแล้ว จางฉีโม่ตัวเล็กๆ ตอนนี้กลับเชิดหน้าต่อหน้าพวกเขาได้แล้ว?
ไม่รู้ว่าจางฉีโม่เอาความสัมพันธ์พวกนี้มาจากไหน เชิญมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองตุงไห่เจียงฉีมาได้ เปิดหุ้นทั้งหมดของจางซื่อได้ ยังลงทุนให้จางฉีโม่ รับซื้อบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ
ทำให้กรรมการอย่างเขาสองคนต้องตกต่ำลงเรื่อยๆ สูญเสียทรัพย์สินมากมาย
“ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง นึกว่ามีเส้นสายอย่างเจียงฉี ก็ทำอะไรตามใจได้” จางหงซวนสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา พูดอย่างเย็นชา “หวางจื่อเหวินก็ไม่รู้ทำอะไร ติดต่อไม่ได้เลย สองวันก่อนฉันไปหาถึงบ้าน แต่กลับไม่รับแขก”
“เห้อ อย่าพูดเลย คนตระกูลหวางพึ่งไม่ได้หรอก ทำอะไรก็แค่เล่นๆ” จางหงจูนถอนหายใจพูด “ช่วงนี้ตระกูลหวางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ธุรกิจก็ไม่ค่อยทำ คนตระกูลหวางก็ไม่ค่อยเข้าสังคมแล้ว ฉันถามคนของตระกูลหวางหลายคน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแค่ว่าพ่อของหวางจื่อเหวินถูกถีบออกจากบ้านแล้ว…..ไม่ต้องหวังจะพึ่งตระกูลหวางแล้ว”
จางหงจูนสองคนมองหน้ากัน สีหน้าเคร่งเครียด
ตอนแรกคิดว่าได้เกาะขาหวางจื่อเหวิน แล้วถีบอูหยางออก แย่งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อมาครอง แล้วค่อยๆแก้แค้นครอบครัวจางฉีโม่ ให้พวกเขาก้มหัวขอโทษ
แต่คิดไม่ถึง ว่าจะมีเจียงฉีโผล่มากลางทาง กลับให้จางฉีโม่ขี่อยู่บนหัวพวกเขา ความคิดที่อยากจะแก้แค้นครอบครัวจางฉีโม่ ต้องสลายไปกลางอากาศ
“หวังจะพึ่งตระกูลหวางไม่ได้แล้ว แต่ว่า ช่วงนี้บริษัททุนต่างชาติอย่างลาตินกรุ๊ปฉันเริ่มมีเส้นสายบ้างแล้ว” จางหงซวนพูดอย่างจริงจัง “ได้ข่าวมาว่า ลาตินกรุ๊ป กับครอบครัวเมียฉันฝั่งตระกูลโจกำลังทำธุรกิจกัน และกำลังขยายธุรกิจในด้านต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจด้านเครื่องประดับ”
“โดยเฉพาะลาตินกรุ๊ปเข้ามาในเมืองชินหยูนก็เผชิญหน้ากับไห่หยางกรุ๊ปเลย เพราะฉะนั้น พวกเราสามารถหาโอกาสมารับมือกับจางฉีโม่” จางหงซวนวิเคราะห์อย่างมีหลักการ
“ข่าวนี้ฉันก็ได้ยินมาจากซูนเหิงเหมือนกัน บริษัทนี้เบื้องหลังใหญ่โต เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับสามต้นๆในลาตินอเมริกา แม้แต่เจียงฉี ก็ไม่ได้มีเงินเหมือนลาตินกรุ๊ป” จางหงจูนพูดอย่างจริงจัง “เจียงฉีสักวันก็ต้องถูกลาตินกรุ๊ปทำให้ล่มแน่นอน ถึงเวลาจางฉีโม่ไม่มีที่พึ่งแล้ว ยังจะยโสโอหังได้อีกไหม”
“เฮอะ” จางหงจูนทำเสียงสูง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ใช่ หัวหน้าระดับสูงของลาตินกรุ๊ป ออกหน้าเชิญจางฉีโม่ด้วยตัวเอง ยังปฏิเสธอย่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง พวกเราเอาเรื่องนี้เป็นหัวข้อ รออีกสองวันพวกเราติดต่อไปเอง เชิญคุณฮาพิของลาตินกรุ๊ปกินข้าว ขอแค่คุณฮาพิยอมช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือกับพวกเรา ก็เอาบริษัทเครื่องประดับจางซื่อกลับมาได้แน่นอน”
พูดไป ทั้งสองก็สบตากันยิ้ม รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เหมือนความสำเร็จอยู่ในเอื้อมมือ เสมือนตัวเองได้อำนาจในการครอบครองบริษัทเครื่องประดับจางซื่อแล้ว
บริษัทเครื่องประดับจางซื่อเป็นบริษัทที่คุณปู่สืบทอดลงมา พวกเขาสองคนต้องเป็นผู้สอบทอดที่แท้จริง จางฉีโม่คนรุ่นหลังไม่รู้ที่ต่ำที่สูง นับประสาอะไรพวกเขาสองคนต้องทำงานภายใต้เธอแล้วฟังคำสั่งเธอ?
“ไม่ทราบว่า ใช่คุณจางหงซวนกับจางหงจูนใช่ไหมครับ?”
เวลาเดียวกัน ผู้ชายชุดดำสีหน้าเย็นชาเดินเข้ามา มีรถ Bentley สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ที่ไม่ไกล ในรถมีคนนั่งอยู่ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโต
“คุณเป็นใคร? รู้จักพวกเราได้ยังไง?” จางหงซวยมองชายชุดดำอย่างระวังตัว
พวกเขาสองคนฟังออกแล้ว ว่าชายชุดดำมีสำเนียงของคนต่างพื้นที่ ชัดเจนมากว่าเป็นคนตุงไห่ แถมยังรู้จักพวกเขาสองคนอีก รู้สึกแปลกมาก
“อันนี่คุณสองคนไม่ต้องใส่ใจ เถ้าแก่ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณสองคน เชิญมากับผม” ชายชุดดำพูดด้วยสีหน้าเฉยชา เหมือนเป็นการออกคำสั่ง ซึ่งทำให้จางหงซวนสองคนไม่พอใจอย่างมาก
“เถ้าแก่นายเป็นใคร? ใหญ่โตมาตากไหน?” จางหงซวนพูดแล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ให้ลูกน้องมาทำตัวใหญ่โต? ดูถูกเราสองคนเหรอ?”
มันช่าง เพิ่งถูกจางฉีโม่ต่อล้อต่อคำ ยังรู้สึกโมโหอยู่ นายคนนี้ก็เข้ามาทำตัวโอหัง?
“จากฐานะคุณสองคน เถ้าแก่ผมจะดูถูกก็เป็นเรื่องปกติ” ชายชุดดำเหมือนพูดเรื่องปกติ ท่าทางหยิ่ง
“ผมขอถามคุณสองคนหน่อย พวกคุณรู้จักหลินอิ่งใช่ไหม? มีความแค้นกับหลินอิ่งสองผัวเมีย?” ชายชุดดำถามอย่างจริงจัง
พอได้ยินคำนี้ จางหงจูนสองคนอารมณ์โกรธที่กำลังจะระเบิดออกมาก็กลั้นเอาไว้ สบตากัน รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ธรรมดา คนต่างถิ่นนี้มาหาจางฉีโม่กับหลินอิ่ง?
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณ?” จางหงจูนถามเสียงต่ำ “อย่ามาทำลึกลับกับพวกเรา มาหาพวกเราเรื่องอะไร?”
“สิ่งที่ควรให้พวกคุณรู้ เถ้าแก่ต้องบอกพวกคุณแน่นอน ตามผมมาก็พอ” ชายชุดดำพูดเสียงเย็นชา “พวกคุณสองคน ไม่มีสิทธิ์รู้มากเกินไป”
“นาย กล้ามาโอหัง…..” จางหงจูนกับจางหงซวนกำลังจะระบายความโกรธออกมา แต่สีหน้ากลับซีดไปทันที มองผู้ชายในชุดดำอย่างไม่น่าเชื่อ
ท่อนเหล็กที่ห่อด้วยหนังสือพิมพ์ อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“เถ้าแก่มีเรื่องจะสั่งให้พวกคุณสองคนทำ ไม่อย่างนั้น พวกคุณก็มีชีวิตไม่ถึงคืนนี้” ชายชุดดำพูดช้าๆ ยื่นมือไปดึงทั้งสองคน ลากตัวเดินไปข้างหน้า