ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 178 หยิ่งอวดดี?
บทที่ 178 หยิ่งอวดดี?
“คุณหู คุณพูดอะไร?” จางฉีนโม่พูดขมวดคิ้ว รู้สึกโมโหกับท่าทางไร้มารยาทนี้
หูจินวั่งท่าทางไม่ใส่ใจ ยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานจาง คุณจะเชิญผมไปช่วยบริษัทคุณเป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายทำโฆษณาไม่ใช่เหรอ?”
“คุณต้องรู้ด้วย ว่าผมมีแฟนละครเป็นล้าน จะสร้างผลกระทบได้เยอะขนาดไหน?” หูจินวั่งพูดอย่างอวดดี “เพราะฉะนั้น คุณก็ต้องแสดงความจริงใจ? สถานที่แบบนี้ นั่งอยู่กับคนแต่งกายบ้านนอกพวกนี้ ผมไม่มีใจจะคุยเรื่องงาน”
พูดจบ หูจินวั่งก็ยิ้มให้จางฉีโม่ สายตาเป็นประกาย
หลินอิ่งสำรวจดูนายหูจินวั่ง ส่ายหัวในใจ อีกคนที่เป็นของเล่นไร้ค่าที่ใช้ทุนนิยมมาห่อหุ้มหลอกลวงผู้บริโภค
“ฉีโม่ นี่ดาราดังนะ ไปเถอะ จองห้องอาหารเรื่องเล็กนิดเดียว?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดกล่อม “คนเขาสามารถโฆษณาสร้างผลกระทบให้กับบริษัท”
“คุณหู เราคุยเรื่องงานกันที่นี่เลย” จางฉีโม่พูดจริงจัง “ในงานเลี้ยงนี้ ฉันยังมีงานอื่นต้องคุย เป็นไปไม่ได้ที่จะล่าช้าเพียงเพราะคุณคนเดียว”
“ออ?” หูจินวั่งขมวดคิ้ว หมุนนาฬิกาในข้อมือ แล้วดู “ประธานจาง เวลาของผมก็มีค่าเช่นกัน ครั้งต่อไปคงไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว”
“ความจริง ประธานจาง ลำพังโครงสร้างบริษัทเครื่องประดับจางซื่อแล้ว มันไม่คู่ควรที่ผมจะไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้เลย”
หูจินวั่งพูดเสียงเรียบ “บริษัทที่ผมเป็นพรีเซนเตอร์ให้ล้วนเป็นบริษัทชื่อดังในประเทศ มีใครที่ไม่มีชื่ออยู่ในลำดับมหาเศรษฐีของประเทศ?”
จากการสร้างภาพโฆษณาของบริษัทแล้ว หูจินวั่งก็มีแฟนละครเป็นล้าน แน่นอนแฟนบางส่วนไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม แต่ว่าค่อนข้างมีชื่อเสียง
“ฉีโม่ ไม่จำเป็นต้องคุยกับเขา” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ ปฏิเสธไป
หูจินวั่งคนนี้ก็เคยได้ยินชื่อ ไม่รู้ว่าดังขึ้นมาได้ยังไง ไม่มีผลงานละครที่โด่งดัง แต่กลับโดยสื่อต่างๆยกยอขึ้นมาเอง
คนแบบนี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้บริษัทเครื่องประดับ เสียเงินโดยไร้ประโยชน์ เอาเงินทำลายชื่อเสียงตัวเอง
“คุณเป็นใคร? ผมพูดกับประธานจางอยู่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทรก?” หูจินวั่งถามหลินอิ่งด้วยความโมโห อารมณ์ร้อน
“คุณหู ขอโทษด้วย ไม่ต้องไปสนใจเขา เขาเป็นแค่ผู้ช่วยเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น” ลู่หย่าฮุ่ยพูด เห็นดาราดังโกรธ ก็รีบกล่าวคำขอโทษ
“เหอะ แค่ผู้ช่วยยังกล้าพูดมาก ผมว่าไล่ออกได้แล้ว” หูจินวั่งพูดด้วยสีหน้าดูถูก
ลู่หย่าฮุ่ยพูด “คุณหู คุณดู บริษัทเรามีความจริงใจอย่างยิ่ง คุณลองดูว่าคุณมีข้อเสนออะไร พูดมาเลยค่ะ”
“ก็ได้ เห็นแก่ประธานจาง ผมก็ไม่ถือสาคนต่ำต้อยพวกนี้ก็ได้” หูจินวั่งพูดอย่างหมดอารมณ์ “ข้อเสนอเดี๋ยวผมค่อยๆพูดกับพวกคุณ ความจริงแล้วก็ง่ายนิดเดียว”
“ผมจะอยู่ที่เมืองตุงไห่แต่7วัน ต้องถ่ายทำให้เสร็จภายใน7วัน ผมต้องการบอดี้การ์ดหนึ่งคน ติดตามผม24ชั่วโมง ออ แล้วก็ผมไปไหนมาไหนต้องมีทีมนักข่าว ทีมรถรับส่งหลักล้านหนึ่งทีม โรงแรมหรูที่สุดในเมืองชินหยูน อยู่กินนอนเดินทางต้องหรูที่สุดไม่ร้องพูดมาก เป็นแค่พื้นฐาน” หูจินวั่งพูดอย่างมั่นใจ “อีกอย่าง ประธานจาง ผมต้องการให้คุณกินข้าวกับผมทั้งสามมื้อ”
สีหน้าจางฉีโม่ไม่ค่อยดี ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว นี่อวดดีจน
หลินอิ่งหัวเราะ แล้วถาม “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ทูตแห่งประเทศ?”
น่าตลกจริง ความต้องการมากมายขนาดนี้ ความจริงแล้วเป็นแค่ตัวตลก
“นายพูดอะไร? ที่นี่นายมีสิทธิ์อะไรมาพูด?” หูจินวั่งพูดอย่างโมโห “แค่ดูนายก็รู้ว่าไม่เคยเข้าสังคมอะไรใช่ไหม? ที่ขอมาเป็นแค่พื้นฐานของผมเท่านั้น สำหรับนายแล้ว คงคิดไม่ถึงรู้สึกเสียดสีละซิ?”
“ออ? ก็ถูก เพราะว่านายกับฉันมันคนละระดับกันอยู่แล้ว ได้ยินว่านายชื่อหลินอิ่ง เป็นลูกเขยไร้น้ำยาของประธานจาง? เป็นผู้ชายที่เกาะประธานจางกินไปวันๆ?” หูจินวั่งพูดจาเสียดสี “พูดกับคุณอย่างพวกนาย มันทำให้ฉันต้องลดฐานะตัวเอง”
“หลินอิ่ง ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจอะไรเลย พูดอะไรอยู่นี่?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดสั่งสอน สีหน้าเร่งรีบ
เท่าที่เธอดู หลินอิ่งตั้งใจสร้างเรื่อง อิจฉาหูจินวั่งที่เขาเด็กกว่าและยังเป็นดาราชื่อดัง
“คุณหู ข้อเสนอที่คุณพูดมามันเยอะเกินไป อันนี้บริษัทเราให้ไม่ได้ ไม่จะเป็นต้องร่วมงานกัน” จางฉีโม่พูดอย่างเด็ดขาด ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ตั้งแต่นั่งตำแหน่งประธานบริษัท สำหรับเรื่องธุรกิจแล้ว เธอไม่ใช่อ่อนแอตัดสินใจอะไรไม่ได้เหมือนในชีวิตประจำวัน
“ประธานจาง คุณหมายความว่าอะไร? ดูถูกผมหูจินวั่งเหรอ?” หูจินวั่งโมโห ยิ้นเย็นชาพูดว่า “ผมไว้หน้าบริษัทเครื่องประดับจางซื่อของคุณเต็มที่แล้ว แค่บริษัทเล็กๆ ยังมาอวดดีกับผม? ถ้าไม่เห็นว่าคุณหน้าตาดี ผมจะคุยเรื่องงานกับคุณเหรอ? พวกคุณคู่ควรเหรอ?”
“ผู้จัดการ ไม่ต้องคุยกับบริษัทจางซื่อแล้ว อีกอย่าง ลงข่าวให้ผมด้วย ว่าบริษัทพวกเขาพูดจาไม่มีหยาบคาย” หูจินวั่งหันกลับไปอย่างยโส สั่งกับผู้จัดการส่วนตัว “บริษัทเครื่องประดับจางซื่อของพวกคุณอย่าคิดร่วมงานกับบริษัทไหนเลย งานที่ผมหูจินวั่งไม่รับ ไม่มีคนกล้ารับ”
“นี่? หลินอิ่ง ดูซิ ทำเสียเรื่องอีกละ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวถึงได้ฟังคำพูดหลินอิ่งจัง ธุรกิจพังหมด
“แน่นอน อยากจะขอร้องผมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ไอ้ลูกเขยไร้น้ำยานั่นมาคุกเข่าขอโทษ ประธานจางกินข้าวกับผม แล้วขอโทษ ผมก็จะไม่ถือสา” หูจิงวั่งพูดอย่างสบายใจ
“ออ? ขอโทษคุณ?” หลินอิ่งมองหูจินวั่งอย่างสนใจ
“ผมขอพูดความจริงนะ ไอ้ขยะอย่างนาย ขอโทษผม ก็ถือว่าไว้หน้านายแล้ว” หูจินวั่งพูดอย่างดูถูก
“คุณบอกให้ใครขอโทษคุณ?”
ในเวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง มองไปที่หูจินวั่ง
หูจินวั่งมองไปตามเสียงด้วยความโมโห กำลังจะระบายอารมณ์ เห็นคนที่เดินมา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้ม “หา? ประธานเจียงนี่เอง ประธานเจียงมีเวลาได้ยังไง?”
เจียงฉีมาแล้ว เห็นหลินอิ่งใบหน้าไร้อารมณ์กับจางฉีโม่ที่สีหน้าไม่ค่อยดี ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยดี
ช่วงที่ประธานหลินไม่อยู่ ถูกลาตินกรุ๊ปแย่งผลกำไรไปในธุรกิจมากมาย ตอนแรกก็กลัวประธานหลินต่อว่าอยู่แล้ว อารมณ์ก็ไม่ค่อยดี วันนี้เตรียมตัวจะรายงานอย่างดี ปรากฏว่ามาเจอคนโง่ไม่รู้เรื่องอย่างหูจินวั่ง
“ประธานเจียง บริษัทจะโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เหรอครับ? ผมยินดีถ่ายโฆษณาให้ประธานเจียงฟรีเลยครับ” หูจินวั่งพูดอย่างเอาใจ อยากเอาใจมหาเศรษฐีแห่งเมืองตุงไห่คนนี้
“คิดว่าตัวเองเป็นอะไร? ยังมาอวดดีที่นี่?” เจียงฉีด่าอย่างโมโห