ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 18 ท่านหลิน
บทที่ 18 ท่านหลิน
“ อะไรนะ? หลินอิ่งกล้าลงมือกับงูดำ เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า?”
“จบแล้ว เราจะโดนกันหมดเพราะไอคนไม่เอาถ่านนี่แหละ ชื่องูดำนี่ฟังดูก็โหดเหี้ยมแล้ว คราวนี้เราเจอปัญหาใหญ่แล้ว”
คนที่อยู่ในห้องต่างก็แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกด้วยเล็กน้อย กลัวว่างูดำจะพาลเรื่องนี้ใส่พวกเขา
หลินอิ่งมองหน้างูดำอย่าไม่แสดงสีหน้าใดๆ ถามต่อว่า “นายเป็นลูกน้องของเสิ่นซานเหรอ?”
“ใช่ ฉันเป็นคนของท่านเสิ่นซานของเมืองหนานเฉิง! คนที่อยู่ในแวดวงเมืองชิงหยูนต้องเคยได้ยินชื่อของท่านเสิ่นซานกันทั้งนั้น” งูดำพูดด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น แล้วพูดขู่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าตอนนี้นายคุกเข่าขอโทษกู ฉันก็อาจจะปล่อยนายไปได้ ไม่อย่างงั้นก็รอมาเก็บศพนายได้เลย!”
เพี๊ยะ!
หลินอิ่งตบไปที่หน้าของงูดำ ตบจนเขารู้สึกร้อนไปทั้งหน้า แถมยังมีเลือดซิบออกมาที่มุมปาก
“นาย! นายอยากตายเหรอ?” สีหน้าของงูดำเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาไม่คาดคิดว่า หลังจากที่พูดชื่อของท่านเสิ่นซานออกมา หลินอิ่งยังกล้าที่จะตบหน้าเขาอีก
“แม่งเอ้ย ไอคนไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ! ปล่อยพี่งูเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้นวันนี้ก็อย่าคิดที่จะเดินออกจากจื่อจินKTVไป!”
ลูกพี่ลูกน้องและลูกน้องของงูดำเริ่มตะโกนขึ้นมา แล้วหยิบแท่งเหล็กชี้ไปที่หลินอิ่ง เกือบจะพุ่งเข้ามาปะทะกับหลินอิ่งอยู่แล้ว
“พวกนายลองขยับดูสิ ”หลินอิ่งพูดอย่าเย็นชา แล้วล็อคคอของงูดำไว้ด้วยมือแค่ข้างเดียว
“อย่า…….พวกนายอย่าขยับ…”
หน้าของงูดำแดงและบวมไปหมด แทบจะโดนหลินอิ่งบีบจนหายใจไม่ออกแล้ว เขาสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้สีหน้าของเขาเหมือนพร้อมจะตายในทันที
ไม่รู้ว่าหลินอิ่งเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ แค่มือข้างเดียวก็กดเขาไว้ได้แน่นๆ
เขาอยู่ในวงการนี้มาตั้งหลายปี ถือว่าเป็นมือโหดด้านการต่อสู้ แต่พอมาเจอหลินอิ่งแล้ว เขากลับสู้อะไรไม่ได้เลย
“หลินอิ่ง นายรู้ไหมว่านายกำลังทำอะไร? นายคิดว่านายเก่งมากเหรอ? ตอนนี้ฉันโทรหาท่านเสิ่นซานแล้ว พอท่านสามมาถึง ฉันจะบอกให้ แม้กระทั่งจางหงซวนหัวหน้าของตระกูลจางมาก็ช่วยนายไม่ได้อยู่ดี!” ลูกพี่ลูกน้องของงูดำพูดขู่เขา “พวกนายทุกคน หนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
“หะ! พวกเขาเรียกท่านเสิ่นซานมาแล้วเหรอ? แล้วจะให้พวกเราทุกคนอยู่รอที่นี่เหรอ?”
“หลินอิ่ง นายอยากตายเอง แต่อย่าเอาพวกเราไปเกี่ยวด้วยสิ!”
พอได้ยินชื่อเสียงของท่านเสิ่นซาน เพื่อนของจางฉีโม่ที่อยู่ในห้องต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา พวกเขารู้สึกเกร็งกลัวเป็นอย่างมาก ต่างก็เริ่มโทษหลินอิ่ง รู้สึกว่าหลินอิ่งทำให้พวกเขาซวยไปด้วย
ท่านเสิ่นซานของเมืองหนานเฉิง มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เป็นคนที่มีอำนาจล้นฟ้า มีคำล่ำลืออยู่ประโยคหนึ่งมนเมืองชิงหยูน ในเขตเมืองหนานเฉิง ไม่มีเรื่องที่ท่านเสิ่นซานจัดการไม่ได้ คนใหญ่คนโตระดับนี้ พวกเขาจะกล้ามีเรื่องด้วยได้ยังไง!
หลินอิ่งส่ายหัว ถามพร้อมหัวเราะว่า “เสิ่นซานเก่งมากเลยเหรอ?”
“ขนาดท่านเสิ่นซานนายยังไม่รู้จักเลยเหรอ? ยังจะกล้าหาเรื่องคนไปทั่วอีก ช่างโง่จริงๆ”
“จริงด้วยที่ หลินอิ่งนายแยกไม่ออกแม้กระทั่งใครเป็นใคร ก็กล้าลงไม้ลงมือกับลูกน้องของท่านเสิ่นซาน ตอนนี้นายจบแล้ว!”
ทันทีที่หลินอิ่งพูดประโยคนี้ออกมา เพื่อนในห้องต่างก็แสดงสีหน้าตกใจและสงสัยออกมา สีหน้าเยาะเย้ย ตอนแรกคิดว่าหลินอิ่งเก่งสะอีกที่กล้าลงมือกับงูดำ ที่แท้ก็เป็นแค่เป็นคนโง่ที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเท่านั้นเอง
“หึ ไม่กลัวตายจริงๆ หลินอิ่ง นายอาศัยที่ตัวเองต่อสู้เก่ง แล้วกล้ามาลงมือกับพี่งู นายรู้ไหมว่าในเมืองหนานเฉิง ท่านเสิ่นซานเป็นคนอะไร” หลี่ฮุยพูดอย่างเย็นชา ช่วยพูดหาเรื่องขึ้นมานี่เร็วกว่าลูกพี่ลูกน้องของงูดำอีก
คนพวกนี้ต่างก็กลัวท่านเสิ่นซานมาหาเรื่อง พอท่านเสิ่นซานมาถึง คืนนี้คงอดไม่ได้ที่จะมีเลือดสาดกันบ้าง ต่างคนต่างก็พยายามเอาตัวเองออกจากตรงนี้ไปให้ได้
“นายนี่มันต่ำตมสิ้นดี”
เพี๊ยะ!
หลินอิ่งตบไปที่ใบหน้าของหลี่ฮุย ตบจนตัวเขาหมุนอยู่กับที่ไปสองรอบ จนกลิ้งออกไปอยู่นอกห้อง
“หลินอิ่ง พอได้แล้วมั้ง เรารีบไปกันเถอะ ” สีหน้าของจางฉีโม่กังวลเล็กน้อย
เท่าที่เธอดูมา การกระทำนี้ของหลินอิ่งมันก็ใจร้อนเกินไป นี่มันเป็นการกระทำของผู้ชายที่มีแต่กำลังไม่มีสมองชัดๆ ไม่สนว่าตัวเองจะเก็บงานทีหลังได้ไหม มาก็ลงไม้ลงมือจนงูดำคุกเข่าลง จนทำให้กลายเป็นศัตรูกันในที่สุด เรื่องนี้กลายมาเป็นแบบนี้จนได้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรรับมือกับมันยังไงดี
แต่ว่า เธอเองก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยเพราะถึงไงยังแล้วหลินอิ่งทำแบบนี้เพราะเธอ
“พวกนายยังจะอยากไปหรอ? ฉันจะบอกให้นะ วันนี้ไม่ว่าใคร อย่าคิดจะหนีเด็ดขาด “ลูกพี่ลูกน้องของงูดำที่สักลายดอกไม้เต็มแขนพูดอย่างมั่นใจ
ปั้ง!
หลินอิ่งไม่ได้พูดอะไร แล้วแตะไปที่ชายลายสัก แตะจนเขากระเด็นไปอยู่นอกห้อง
หลังจากนั้น เขากันไปมองจางฉีโม่ สีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อมยิ้มพร้อมพูดว่า “ฉีโม่ ไม่เป็นไรหรอก เป็นแค่ปัญหาเล็กๆเท่านั้นเอง เธอรอฉันสักสองสามนาที ฉันไปจัดการเรื่องนี้หน่อย”พูดจบ หลินอิ่งก็ลากงูดำออกไปจากห้อง อย่างกับถือลูกไก่ไว้ในมือ
“หลินอิ่ง…..”จางฉีโม่มองดูแผ่นหลังของหลินอิ่งที่เดินจากไป กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็หยุดไว้
บนทางเดินนอกห้องที่ประดับมาอย่างหรู่หรา
งูดำและหลี่ฮุยคุกเข่าอยู่กับพื้นอย่างเชื่อฟัง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่อยากยืนก็ยืนขึ้นไม่ได้ เส้นประสาทที่เข่าของพวกเขาโดนหลินอิ่งเตะจนชาไปหมด ไม่มีเรี่ยวเอง
หลินอิ่งยืนเอามือไขว้หลังไว้ ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
ลูกน้องของงูดำที่อยู่ไกลๆไม่กล้าเข้ามาใกล้ ทำได้แค่มองดูพวกเขาอย่างดุร้าย
พวกเขากำลังรอ รอท่านเสิ่นซานพาลูกน้องมาด้วยตัวเอง อย่าพูดเลยว่าหลินอิ่งเก่งแค่ไหน ถึงแม้ว่าหลินอิ่งจะเป็นมังกร ก็ยังต้องนอนนิ่งๆเฉยๆเลย!
พวกเขาอยู่กันแบบนั้นมาประมาณ3นาที
มีชายร่างแกร่งในชุดสูทสิบกว่าคนเดินเข้ามา และในบรรดาบอดิการ์ดนี้ มีผู้ชายวัยกลางคนที่ดูผอม สวมใส่เสื้อสมัยราชวงศ์ถัง ในมือถือกำไลลูกประคำ ดูเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านสาม! ท่านมาสักที ท่านต้องเอาคืนให้ผมนะครับ !” งูดำเห็นคนช่วยชีวิตมาแล้ว ก็รีบตะโกนขึ้นมา
แต่ท่านเสิ่นซานดูเหมือนจะเมินงูดำไป แล้วมองไปที่แผ่นหลังของผู้ชายที่ยืนเอามือไขว้หลังไว้ ม่านตาหดขึ้นมาทันที และสีหน้าดูสงสัยเล็กน้อย
“ทะ……ท่านหลิน?