ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 193 จัดการใหม่ทั้งหมด
บทที่ 193 จัดการใหม่ทั้งหมด
เกาจีไท่ที่คุกเข่าอ้อนวอน หยางลี่ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคุกเข่าอยู่แทบเท้าหลินอิ่งอย่างไม่อายเลยสักนิด
“ประธานหลิน ฉันขอโทษด้วยจริงๆ! ฉันไม่ได้ตั้งใจสร้างความลำบากให้คุณเลยนะคะ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าคุณมีฐานะสูงส่ง!” หยางลี่อ้อนวอนอย่างทุกข์ใจ ท่าทางหวาดกลัวอย่างแท้จริง ท่าทางอวดดีก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะประธานเจียงพูดต่อหน้า เธอก็คงคิดไม่ได้โดยสิ้นเชิง ว่าหลินอิ่งจะเป็นคนใหญ่คนโตถึงระดับนี้?
คิดไม่ตกจริงๆ คนที่มีความสามารถอย่างหลินอิ่ง ก็ควรจะทำตัวโอ้อวดอย่างมากไม่ใช่หรือ? ทำไมออกไปไหนถึงทำตัวเงียบเชียบขนาดนี้?
หลินอิ่งยิ้มเย็นไม่กล่าวอะไร ตนเองยังไม่โวยวายเลยด้วยซ้ำ คนทั้งสองก็คุกเข่าลงไปเองเสียแล้ว เข่าอ่อนเกินไปแล้ว
“พวกคุณสองคนต่อไปอย่าอยู่ในวงการโทรทัศน์อีกเลย ธาตุแท้เป็นแบบนี้ จะผลิตสื่อโทรทัศน์และภาพยนตร์น้ำดีออกมาให้คนดูได้ยังไงกัน?” หลินอิ่งยิ้มเย็นกล่าว
“หา? ประธานหลิน คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมถูกนังสารเลวนี่ให้ร้าย! ผมกับคุณไม่มีความแค้นต่อกัน ทุกอย่างเป็นเพราะเธอเป่าหูผม!” เกาจีไท่โขกศีรษะไม่หยุด สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เริ่มด่าหยางลี่ที่อยู่ข้างตัว
“ประธานหลิน เรื่องราวไม่ใช่แบบนี้! เป็นเกาจีไท่ต่างหากที่ไม่รู้จักที่ตายคิดจะเล่นงานคุณ ฉันไม่ได้คิดจะเล่นงานคุณเลยนะคะ!” หยางลี่รีบโต้แย้ง เพียงไม่นานสุนัขก็กัดกัน เสียงดังเอะอะวุ่นวายไปหมด ท่าทางอัปลักษณ์สิ้นดี
หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์พลางหมุนกาย ยกแก้วชาดำแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่ม
“หุบปากให้หมดเดี๋ยวนี้!”
เจียงฉีตะคอก ทำเอาเกาจีไท่สองคนรีบหุบปากทันที
“นับแต่นี้ไป พวกเธอสองคนไสหัวออกไปจากเมืองโลกซะ” เจียงฉีพูดเสียงเฉียบขาด “กลับไห่หยางกรุ๊ปให้ทำงานจากระดับล่างสุดลงไป!”
“นี่ ประธานเจียง……คุณช่วยให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้งได้ไหม ละครโบราณเรื่องนี้อยู่ระหว่างการถ่ายทำ ยังต้องการ……” เกาจีไท่กล่าวด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ไม่มีนาย ทีมโปรดักชั่นนี้ก็เดินหน้าต่อไม่ได้แล้วเหรอ?” เจียงฉีพูดตัดบทเสียงเย็น “กระทั่งการเคารพผู้อื่นที่เป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุดนายก็ยังไม่มี สันดานต่ำตมเช่นนี้ นายยังจะไปสอนใครเป็นผู้กำกับอีก?”
บริภาษไปชุดหนึ่ง เกาจีไท่กับหยางลี่ถูกด่าจนเหมือนเอาเลือดหมามารดหัว* ทั้งสองจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เผยท่าทางประจบสอพลอออกมา
“ไป! อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตา!” เจียงฉีตะคอก
“ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้! ขอบคุณประธานหลินกับประธานเจียงที่ให้โอกาส!” เกาจีไท่และหยางลี่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม เหมือนยกภูเขาออกจากอก เหมือนได้รับพรจากสวรรค์ ลุกขึ้นโค้งคำนับถึงค่อยจากไป
ในมุมมองของเขา ล่วงเกินคนใหญ่คนโตอย่างเจียงฉีกับหลินอิ่ง แค่ให้พวกเขาคุกเข่าโขกศีรษะเท่านั้น ก็นับว่าเป็นบุญของพวกเขาแล้ว!
หลังรอจนทั้งสองคนจากไป เจียงฉีก็มายืนอยู่ข้างกายหลินอิ่ง สีหน้าเก้อกระดาก ไม่รู้ว่าควรอธิบายกับประธานหลินยังไง
โครงการเมืองโลกเป็นโครงการที่ประธานหลินตัดสินใจทำขึ้นมา ผู้ดูแลทั้งสองทำผลลัพธ์ได้แย่เช่นนี้ แถมยังทำขายหน้าต่อหน้าประธานหลิน ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเช่นกัน
หลินอิ่งกล่าวเสียงเรียบ “เรื่องของเมืองโลก คุณไปจัดการใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเอง ฐานภาพยนตร์นี้เชิญคนที่เป็นมืออาชีพสักสองสามคนมาดูแล”
“ครับ ประธานหลิน” เจียงฉีพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่ในใจ จากนั้นก็หมุนตัวไปยังห้องทำงานของทีมโปรดักชั่นเพื่อจัดการงาน
หวางหงหลิงมองอย่างประหลาดใจอยู่ด้านข้าง มองสำรวจหลินอิ่งใหม่อีกครั้งด้วยดวงตาเป็นประกาย
“เขาคงไม่ใช่นายทุนใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังไห่หยางกรุ๊ปหรอกนะ?” หวางหงหลิงพูดกับตัวเองในใจ
การแสดงออกของเจียงฉีเหมือนเป็นน้องเล็กคนหนึ่ง ที่เห็นหลินอิ่งเป็นเหมือนเจ้านายผู้สูงส่ง
ความสามารถอันใหญ่โตเช่นนี้ของหลินอิ่งมาจากไหนกัน? ตระกูลกงซุนแห่งตี้จิง?
เป็นดังคาด หลินอิ่งกับกงซุนชิวอวี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เฉกเช่นเพื่อนธรรมดาที่แสดงออกมาให้เห็น ไม่อย่างนั้นทำไมกงซุนชิวอวี่ถึงช่วยเขา แอบมอบผลประโยชน์มากมายให้เขาเช่นนี้กันล่ะ?
คิดไปคิดมา แววตาหวางหงหลิงก็เปลี่ยนเป็นริษยาขึ้นมา ในใจเต็มไปด้วยความชิงชัง
หลินอิ่งมองหวางหงหลิงแวบหนึ่ง กล่าวว่า “คุณกับเจียงฉีเจรจาธุรกิจกันไปถึงไหนแล้ว?”
“คุณไม่รู้ก็ไปถามเจียงฉีสิ? เขาเป็นพาร์ตเนอร์ของคุณ คุณมาถามฉันทำไม?” หวางหงหลิงแค่นเสียงพูดอย่างเย็นชา
“งั้นถือเสียว่าผมไม่ได้ถามแล้วกัน” หลินอิ่งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ผมยังมีธุระ ขอไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน”
พูดจบ หลินอิ่งก็หมุนกายเดินไปทางฐานภาพยนตร์ เขาไม่อยากจะเสวนากับคนอารมณ์ฉุนเฉียวเท่าไหร่นัก
“เดี๋ยวสิ” หวางหงหลิงรีบขวางหลินอิ่งไว้ พูดว่า “ธุระทั้งวันของคุณนี่ทำอะไรกันล่ะ? คราวก่อนบอกว่าจะดื่มชากับฉัน ก็ไม่มีเวลาอีก”
“แล้วก็ยังมีครั้งก่อนนู้นอีก คุณบอกกับฉันว่าคุณกับกงซุนชิวอวี่เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา แล้วจากนั้นล่ะ หายไปอยู่เมืองชิงหยูนหลายวัน ไม่รู้ไปสมคบคิดกันทำอะไร” หวางหงหลินแค่นเสียงเย็น “คุณเองก็เสแสร้งเกินไปหรือเปล่า?”
“เสแสร้ง?” หลินอิ่งถามอย่างสงสัย ไม่รู้จริงๆ ว่าในหัวของหวางหงหลิงกำลังจินตนาการถึงอะไรอยู่กันแน่ เรื่องของกงซุนชิวอวี่เมื่อคราวก่อนยังจดจำไม่ยอมลืม
หลินอิ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ความคิดของคุณมีปัญหาหรือเปล่า?”
“ฮ่าๆ” หวางหงหลินยิ้มเย็น ทำสีหน้าท่าทางไม่ยอมแพ้ “คนของเมืองชิงหยูนต่างรู้กันทั่ว คุณกับจางฉีโม่ไม่ได้ลงรอยกันอย่างที่เห็นสินะ? มิหนำซ้ำ คุณอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น ก็เลยมาพึ่งกงซุนชิวอวี่ คุณรู้ไหม? เทียบกับจางฉีโม่และกงซุนชิวอวี่แล้ว ฉันช่วยเหลือธุรกิจคุณให้ใหญ่โตได้ดีกว่านั้นมาก!”
หลินอิ่งมองหวางหงหลิงแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
แววตาหวางหงหลิงโกรธเคืองอย่างมาก มือที่กำหมัดอยู่กำลังสั่น ทั้งยังรู้สึกหวาดหวั่นหลินอิ่งเล็กน้อย ราวกับเกรงกลัวอะไรหลินอิ่งสักอย่าง
เธอรับรู้ได้ถึงเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างหนึ่งจากบนตัวหลินอิ่ง หรือจะบอกว่ามันทำให้เธอรู้สึกถึงกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่น
ลักษณะพิเศษเช่นนี้ เธอยังไม่เคยพบเห็นจากตัวของผู้ใด
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วคุณก็กลับไปเถอะ คุณเคยช่วยผม หากทางเซียวซื่อกรุ๊ปมีปัญหายุ่งยาก ผมอาจจะช่วยคุณได้บ้าง” หลินอิ่งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็หมุนกายเดินจากไป
หวางหงหลิงกัดริมฝีปาก เอาแต่จ้องมองเงาหลังของหลินอิ่ง ท่าทางไม่ยินยอมอย่างยิ่ง
ไม่รู้จริงๆ ว่าหลินอิ่งกำลังเสแสร้งอะไรอยู่! เห็นๆ อยู่ว่าเขากำลังพึ่งพาบารมีของกงซุนชิวอวี่แห่งตี้จิงมาพัฒนาธุรกิจ แต่ก็ยังคอยแต่จะปฏิเสธเธออยู่ร่ำไป
ในมุมมองของหวางหงหลิง เธอต่างหากถึงจะเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับหลินอิ่งที่สุด
ตามสืบมาหลายวันขนาดนี้ เธอสามารถมองออกว่า จางฉีโม่ไม่เคยยอมรับหลินอิ่งเป็นสามีโดยสิ้นเชิง ส่วนกงซุนชิวอวี่คงไม่ต้องพูดถึง เขาจะเต็มใจช่วยหลินอิ่งได้ยังไง? มีเพียงเธอต่างหาก ที่ยินดีทำเพื่อหลินอิ่งอย่างสุดจิตสุดใจ!
แต่นึกไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะปฏิบัติกับเธออย่างเฉยชาเช่นนี้?
หวางหงหลิงแววตาเด็ดเดี่ยว ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ จากนั้นก็หมุนกายเดินไปทางรถยนต์ส่วนตัว เธอตัดสินใจแล้วว่า จะต้องพิสูจน์ให้หลินอิ่งเห็น ว่าเธอต่างหากที่เป็นคนที่ดีที่สุดคนนั้น
อีกด้านหนึ่ง หลินอิ่งมาถึงห้องทำงานประธานของฐานภาพยนตร์ เจียงฉีกำลังจัดการงานอยู่ภายในห้องทำงาน เพิ่งจะหาคนของทีมโปรดักชั่นมาเทศนาไปชุดหนึ่ง
“ประธานหลิน ผมหาผู้ดูแลกับผู้กำกับมาใหม่แล้ว” เจียงฉีลุกขึ้นพูดอย่างนอบน้อม
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย เดินอาดๆ ตรงมายังที่นั่ง จากนั้นก็พลิกดูรายงานผลการทำงานสองสามแผ่น
ก๊อกๆ!
เวลานี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามา จากนั้นก็มีหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดโบราณตามสมัยนิยมคนหนึ่งเดินเข้ามา ดูท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
“เป็นคนของไห่หยางกรุ๊ปใช่ไหม? ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันปี้ซินหยู่ถ่ายละคร สต๊าฟและผู้กำกับของทีมโปรดักชั่น จะต้องทำตามที่ฉันพูด พวกคุณเป็นถึงฝ่ายลงทุน ไม่แจ้งฉัน ก็เปลี่ยนตัวผู้กำกับใหม่แล้ว? พวกคุณไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาใช่ไหม? คุณรู้ไหมว่าค่าตัวฉันแพงมากแค่ไหน? นี่เป็นการฉีกสัญญา! พวกคุณรู้ไหม?”
———————————
*เอาเลือดหมามารดหัว หมายถึง ถูกด่าจนเละเทะ ถูกด่าไม่มีชิ้นดี