ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 222 เข้าร่วมงานฉลองมโหฬาร
บทที่ 222 เข้าร่วมงานฉลองมโหฬาร
หลังจากจัดการเรื่องลาตินกรุ๊ปเสร็จ หลินอิ่งก็พักอยู่ที่เกาะเทียม 2 วัน
ลาตินกรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของกิจการอย่างเงียบๆ กลายเป็นหลินอิ่งกุมอำนาจอยู่ในมือ ส่วนวงการค้าเมืองชิงหยูนมองผิวเผินยังคงเงียบสงบ ไม่มีใครรู้ถึงความน่าสะพรึงภายใน
ในวันนั้น เซียวจวงถูกฮาเดสซ้อมจนเป็นง่อย จนเกือบจะเป็นมนุษย์พืช ถูกส่งกลับประเทศMในคืนนั้น หลังจากเรื่องราวผ่านไปก็ไม่มีคลื่นลมกระแสใดๆ แม้แต่เซียวซวนลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ของเซียวจวงก็ไม่รู้สถานการณ์ เพราะเรื่องน่าอายอย่างนี้ ตัวเซียวซื่อกรุ๊ปจะปิดข่าวโดยอัติโนมัติ
วันที่สอง คริสก็ได้รับคำเตือนจากเซียวซื่อกรุ๊ปประเทศM บอกว่าจะทำการแก้แค้นคริส คริสก็รีบรายงานข่าวถึงหลินอิ่ง แน่นอนหลินอิ่งก็กำชับคริสให้ตอบโต้อย่างแข็งกร้าว
หลินอิ่งไม่เห็นเซียวซื่อกรุ๊ปของประเทศMอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย กลุ่มนายทุนต่างชาติแบบนี้ มีมหาสมุทรกว้างใหญ่กั้นอยู่มาชี้มือชี้ไม้เรื่องวงการธุรกิจในประเทศหลุง เป็นเรื่องน่าขำซะไม่มี ถ้าเซียวซื่อจะมาล้างแค้นเขาที่เมืองชิงหยูน แน่นอนข้าศึกมาก็ต้องป้องกัน ไม่เห็นต้องกลัว
ทางฝั่งฉีโม่ ก็กลับเข้าทำงานตามปกติ คริสเองก็ถูกหลินอิ่งกำราบแล้ว ลาตินกรุ๊ปก็ถอนการโจมตีจากบริษัทเครื่องประดับจางซื่อโดยปริยาย
ในวันที่สาม ลาตินกรุ๊ปกับไห่หยางกรุ๊ปในเมืองชิงหยูนประกาศความร่วมมือพัฒนาโครงการเทคโนโลยีเมืองโลก และได้จัดงานฉลองธุรกิจอย่างมโหฬาร เชื้อเชิญบุคคลมหาเศรษฐีผู้มีหน้ามีตาแห่งวงการค้าตุงไห่ทั้งหลายมาร่วมงาน
งานใหญ่นี้ได้รับความสนใจไปทั่ววงการธุรกิจเมืองตุงไห่ เพราะจัดตั้งโดยกลุ่มนายทุนชั้นนำ 2 แห่ง โดยคริสกับเสิ่นซานเป็นผู้อำนวยการร่วมกัน งานจึงคึกคักกว่าปกติ
หลินอิ่งก็เตรียมตัวเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพราะอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจไว้
คริสหมากตัวนี้ แน่นอนสำเร็จรูปมาแล้วใช้งานได้เลย ใช้ทรัพยากรวงการธุรกิจและช่องทางของลาตินกรุ๊ปมาร่วมพัฒนาโครงการเทคโนโลยีเมืองโลก ต้องเป็นประโยชน์อย่างมากอยู่แล้ว
งานฉลองมโหฬารครั้งนี้จัดขึ้นที่หอประชุมจัดแสดงนิทรรศการเมืองโลกในเมืองโลก และเป็นการประชาสัมพันธ์เชื้อเชิญของโครงการเทคโนโลยีเมืองโลก
ช่วงเวลากลางวัน หลินอิ่งนั่งรถมาที่อาคารเมืองโลก เวลานี้ในลานอเนกประสงค์ชั้นล่าง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย รถหรูยี่ห้อดังจอดกันจนเต็ม ผู้ที่มาล้วนเป็นบุคคลที่มีฐานะของเมืองชิงหยูน
หลินอิ่งเดินเข้าโถงจัดนิทรรศการอย่างเรียบง่าย กวาดสายตาทั้งคู่ไปรอบๆ ฉับพลันก็เห็นเงาที่คุ้นเคยสองเงาเดินเข้ามาตรงหน้า เป็นเด็กหนุ่มสองนายที่ท่าทางไม่แยแส
“ประธานหลิน สวัสดีครับ คุณหนูใหญ่ของเรา……” ไอ้หกพูดขึ้นมา
“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่งพยักหน้า ขัดจังหวะคำพูดของไอ้หก
พอเห็นคนสองคนนี้ เขาก็รู้ว่าหวางหงหลิงก็มางานฉลองวงการธุรกิจมโหฬารในครั้งนี้
หลินอิ่งมองตามท่าทางมือของไอ้หก หวางหงหลิงนั่งห่างออกไปไม่ไกล มองมายังเขาด้วยสีหน้างงงวย
หลินอิ่งเดินตรงไปไม่ให้สุ้มให้เสียง นั่งลงตรงข้ามหวางหงหลิง ยกกาน้ำชาจากบนโต๊ะ รินชาร้อนให้กับตัวเอง
“นายมาได้อย่างไร?” หวางหงหลิงถามด้วยความสงสัย สายตาดูกังวลอย่างมาก
สองสามวันมานี้เธอให้ไอ้หกกับไอ้เจ็ดสะกดรอยตามหลินอิ่ง ปรากฏหลินอิ่งกลับหายไป โดยไม่รู้ว่าไปทำอะไร กำลังกังวลความปลอดภัยของหลิ่นอิ่งอยู่พอดี
อีกทั้งครั้งนี้ไห่หยางกรุ๊ปกับลาตินกรุ๊ปประกาศให้ความร่วมมือโครงการ ก็ทำให้เธอสับสน ไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง รู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เจียงฉีนอนอยู่ในโรงพยาบาล ยังไม่รู้ว่าไห่หยางกรุ๊ปถูกเซียวจวงฮุบไปแล้วหรือเปล่า
แต่นึกไม่ถึง หลินอิ่งอยู่ๆ ก็ปรากฏตัวในฉลองมโหฬารครั้งนี้
หลินอิ่งหัวเราแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนลงทุนไห่หยางกรุ๊ป มาร่วมงานเลี้ยงก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”
“ปกติ?” หวางหงหลิงใช้สายตาสงสัยมองดูหลินอิ่ง “สองสามวันก่อนไห่หยางกรุ๊ปกับลาตินกรุ๊ปยังสู้กันแทบทาย แล้ววันนี้ก็มาจับมือดำเนินสัมพันธ์ทางธุรกิจ แล้วยังเชิญผู้มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจมากมายจัดงานฉลองอย่างมโหฬาร อย่างนี้ก็ปกติเหรอ?”
หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในวงการธุรกิจ ไม่มีมิตรที่ถาวร มีแต่ผลประโยชน์ที่ถาวร ไม่ใช่เหรอ?”
“หึ” หวางหงหลิงทำเสียงหึ “หยุดแสดงทีเถอะ สรุปเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เซียวจวงไม่ได้ไปหาเรื่องนายแล้วเหรอ?”
“เรื่องราวเป็นรูปธรรมก็ง่ายๆ เซียวจวงไสหัวกลับไปประเทศMแล้ว ลาตินกรุ๊ปก็เลยประนีประนอมกับไห่หยางกรุ๊ป” หลินอิ่งดื่มน้ำชา พูดอย่างเนิ่บๆ
“อ้อ?” หวางหงหลินมองดูสีหน้าของหลินอิ่ง ถ้าลองคิดดูขึ้นมา เธอก็มักจะรู้สึกเรื่องราวไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
ก่อนหน้าเธอให้ไอ้หกกับไอ้เจ็ดจับตาดูเซียวจวง เซียวจวงหายไปในเมืองชิงหยูนจริงๆ ไม่มีข่าวคราวเลย ก็แม้แต่เซียวซวนลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่อยู่ๆ ก็ลุกลี้ลุกลนไปจากประเทศหลุง เธอโทรถามเซียวซวนก็ไม่ได้รับข่าวใดๆ เลย พอลองคิดดู หวางหงหลิงก็พยักหน้าเหมือนหายห่วงพูดด้วยสีหน้าปกติว่า “อย่างนั้นเห็นที คงเพราะคำเตือนครั้งก่อนที่ฉันเตือนเซียวจวงได้ผล เขาเลยกลับประเทศMอย่างโดยดี”
เธอนึกขึ้นมาได้ คราวก่อนให้ไอ้หกกับไอ้เจ็ดพาคนไปสะกดรอยตามเซียวจวงถูกบอดี้การ์ดต่างชาติกลุ่มหนึ่งจับได้ ปรากฏเธอจึงโทรไปข่มขู่ชุดใหญ่ให้เซียวจวงตกใจ แล้วก็เพิ่มกำลังคนจับตาดู คิดว่าคงทำเซียวจวงตกใจกระมัง?
“อย่างนั้นดูท่านายก็รอดไปอีกเปราะแล้วสิ เรื่องนี้ นายต้องขอบใจฉันนะ” หวางหงหลิงพูดตามสิ่งที่ควรเป็น
หลินอิ่งถามด้วยความสนใจว่า “ขอบใจเธอ?เพราะอะไร?”
“ถ้าฉันไม่วางอำนาจ ส่งคนไปคุมคามเซียวจวง เขาจะยอมไปจากประเทศหลุงอย่างโดยดี เลิกล้มที่จะล้างแค้นนายเหรอ?” หวางหงหลิงถามกลับ
เธอนึกได้แต่สาเหตุนี้ ไม่อย่างนั้น จากนิสัยของเซียวจวงจะปล่อยหลินอิ่งไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
หลินอิ่งไม่ปฏิเสธไม่ได้ เผยรอยยิ้มที่มุมปาก
ไร้เดียงสาซะเหลือเกิน หวางหงหลินคิดว่าลาตินกรุ๊ปง่ายเกินไป แค่ไอ้หกกับไอ้เจ็ดคนพวกนั้นของเธอ จะไปข่มขู่เซียวจวงอยู่ได้อย่างไร? คนที่หนุนเซียวจวงอยู่เบื้องหลังคือคริส กองกำลังที่คริสสั่งการได้ เรียกได้ว่า ในตุงไห่นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครทำได้
“ก็ได้ ในเมื่อพูดอย่างนี้ ก็ต้องขอบใจเธอจริงๆ” หลินอิ่งพูดคล้อยตาม รินน้ำชาให้กับตัวเอง
หวางหงหลิงคิ้วขมวดเล็กน้อยพูดว่า “คนอื่นช่วยนายตั้งมากขนาดนี้ นายแค่ขอบใจแบบขอไปทีเหรอ? แม้แต่จะเลี้ยงอาหารสักมื้อก็ไม่ได้เหรอ?”
หลินอิ่งหัวเราะไม่พูด ไม่เอ่ยอะไรอีก
หวางหงหลิงส่งเสียง “หึ” อย่างเย็นชา สีหน้าไม่พอใจนัก พูดแบบหยอกล้อขึ้นมาว่า “ว่าแต่ฉันเห็นนายเจอความยุ่งยากใหญ่เข้าแล้วล่ะ ดูสิคราวนี้ใครจะช่วยนาย”
“ฉันจะมีเรื่องยุ่งยากอะไรเหรอ?” หลินอิ่งถามด้วยความสงสัย
“อะไรกัน? จางฉีโม่ได้บอกนายเหรอ? คนของตระกูลจางไปตั้งต้นใหม่ ถอนหุ้นออกจากบริษัทไปหมดแล้ว ไปก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อขึ้นมา แล้วก็จะฟ้องร้องจางซื่อกรุ๊ปของจางฉีโม่ เพื่อแย่งลิขสิทธิ์ชื่อเชิงพาณิชย์” หวางหงหลิงพูดอย่างเนิ่บๆ
“คนของตระกูลจางไปตั้งต้นใหม่?” หลินอิ่งขมวดคิ้ว ไม่ได้ยินฉีโม่พูดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ