ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 230 ดื่มไม่ได้ก็ไสหัวไป
บทที่ 230 ดื่มไม่ได้ก็ไสหัวไป
“ขอโทษ ฉันไม่ดื่มเหล้าสองแก้วนี้” จางฉีโม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ในใจรู้สึกโมโห
“ดื่มไม่ไหวเหรอ? ฉีโม่อ่ะ นี่คือนายหลุยส์แห่งลาตินกรุ๊ปเลยนะ ไหนจะยังมีประธานอาวุโสซูนอยู่ตรงหน้าอีก เธอปฏิเสธการดื่มคารวะเหล้า? อย่างนี้ไม่เป็นการดูถูกลูกพี่ทั้งสองเหรอ?” จางหงซวนพูดด้วยความถากถาง
สายตาของหลุยส์กับซูนเฉียงเห็นได้ชัดว่ามองดูจางฉีโม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความดูแคลน ท่าทางตัวเองดูสูงส่ง
หลุยส์เป็นชายอ้วนผิวขาวรูปร่างท้วมคนหนึ่ง สวมเสื้อแจ็คเก็ต ใส่นาฬิกาปาเต๊ะฟิลลิป แต่งตัวโดดเด่นมีสไตล์ ส่วนซูนเฉียงเป็นชายวัยกลางคน สวมสูทพอดีตัว หน้าตาดูมีสง่าราศี
“พี่ใหญ่ พี่สาม ฉีโม่เด็กคนนี้ไม่ใช่คนดื่มเหล้าอะไร เป็นคนคอไม่แข็ง ดื่มไม่ได้หรอกนะ” จางซิ่วเฟิงพูดด้วยสีหน้าดูไม่ได้ รู้สึกอึดอัดใจ
ต่อหน้าซูนเฉียงกับหลุยส์สองพี่ใหญ่นี้ ครอบครัวเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินอยู่แล้ว
สองคนนี้ไม่ว่าคนไหน ก็เป็นบุคคลทรงอิทธิพลในเมืองชิงหยูน แค่ขยับปลายนิ้วมือ ก็พอให้พวกเขาครอบครัวลำบากแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ก็พอจะเห็นได้ว่าเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปที่จางหงจูนก่อตั้งขึ้นมาใหม่ มีการเตรียมการมาก่อนแล้ว อัญเชิญพระพุทธรูปสององค์นี้มาคุมสถานการณ์ ต่อไปเกรงว่าตัวเองและครอบครัวจะอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
“ฉันไม่สนว่าเธอจะดื่มเหล้าได้หรือไม่ได้ ขนาดเหล้าก็ไม่ดื่ม แล้วครอบครัวนายยังจะมาอยู่ในวงการค้า? จางฉีโม่เป็นคนแบบไหน? ไม่ดื่มคารวะเหล้าต่อรุ่นพี่ทั้งสอง?” จางหงซวนสั่งสอนอย่างไม่เกรงใจ “ทำตระกูลจางขายหน้าสิ้นดี!”
“เอาอย่างนี้ ฉันจะขอร้องประธานอาวุโสทั้งสองให้ ว่าจะให้ใครดื่มแทนได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เหล้าก็รินแล้ว เหล้าขาวเต็มสองแก้วนี้ยังไงก็ต้องดื่ม!” จางหงจูนพูดอย่างมาดมั่นเต็มที่
“นี่……” สีหน้าจางฉีโม่เขียวปัด กัดริมฝีปาก
จางหงจูนนี่มันวางท่าข่มเหงรังแกกันชัดๆ
เดิมทีเธอมาหาจางหงจูนกับจางหงซวนเพื่อเจรจาเรื่องแบรนด์เครื่องประดับจางซื่อ นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเชิญบุคคลสองผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้มา คราวนี้ยิ่งเป็นการฉวยโอกาสหาข้ออ้างสร้างความลำบาก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรไปล่วงเกินคนทั้งสองนี้ บริษัทเกิดเหตุการณ์วิกฤติหลายอย่างแล้ว แล้วยังมาล่วงเกินคนทั้งสองนี้ เกรงว่าต่อไปปัญหาจะใหญ่ยิ่งขึ้น
เอะ ไม่รู้ว่าหลินอิ่งมาถึงแล้วเหรอยัง จะต้านคนชั่วร้ายทั้งสองคนนี้ได้หรือเปล่านะ
จางฉีโม่มีความกระวนกระวาย ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่คิดถึงหลินอิ่งให้มาช่วย
“ประธานจาง นายหลุยส์ รองประธานจางฉีโม่แห่งเครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปดื่มเหล้าไม่ได้ วางท่ามากจริงๆ ท่านทั้งสองว่า ให้พ่อแม่ของเขามาดื่มคารวะแทนดีไหม?” จางหงซวนพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ มองไปยังหลุยส์กับซูนเฉียง
“อ้อ คุณจางดื่มเหล้าไม่ได้ใช่ไหม? อย่างนั้นก็ไปจากโต๊ะกินเลี้ยงเถอะ จากระดับของเธอก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งเสมอโต๊ะเสมอเก้าอี้เดียวกับโต๊ะกินเลี้ยงฉันได้ ขนาดเหล้ายังดื่มไม่ได้ อย่างนั้นก็ไสหัวไปซะ ต่อไปฉันจะไม่ให้พวกเธอได้ทำธุรกิจอัญมณีในเมืองตุงไห่” หลุยส์ไม่พอใจอย่างมาก มองดูจางฉีโม่พูดอย่างไม่เกรงใจ
ซูนเฉียงทำเสียง “หึ” เย็นชา วางมาดพูดว่า “ไม่ต้องหาคนดื่มคารวะแทนแล้ว การให้เธอดื่มถือว่าเป็นการให้เกียรติครอบครัวพวกเธอแล้ว ไอ้เครื่องประดับจางซื่อกรุ๊ปของพวกเธอ ก็ช่างมันเถอะ ต่อไปอย่าทำให้น้องหงจูนต้องขายหน้าคนอื่น พวกเธอไม่มีคุณสมบัติเป็นตัวแทนตระกูลจาง”
เห็นได้ชัด สองคนนี้มาเพื่อเสริมฉากให้กับจางหงจูน ฉะนั้นพูดจาเลยไม่ไว้หน้ากัน เห็นชัดๆ ว่าจงใจทำให้ครอบครัวจางฉีโม่หนักใจ
“ไม่ ท่านประธานอาวุโสทั้งสอง ครอบครัวเราไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้” ลู่หย่าฮุ่ยลนลานพูด ตระหนกตกใจเอาอย่างมาก กลัวจะล่วงเกินคนอื่น
“ซิ่วเฟิง คุณมัวยืนทื่ออะไรอยู่ รีบมาดื่มคารวะประธานอาวุโสทั้งสองสิ ดื่มเหล้าแค่นี้ จะสักเท่าไหร่เชียว?” ลู่หย่าฮุ่ยรีบชี้นิ้วบงการขึ้นมา
สีหน้าจางซิ่งเฟิงขมขื่น มองดูเหล้าขาวสองแก้วใหญ่ที่อยู่บนโต๊ะ ก็รู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมา
“ท่านประธานอาวุโสทั้งสองอย่าถือสานะ เหล้าสองแก้วนี้ผมขอดื่มละกัน” จางซิ่วเฟิงเผยยิ้ม แข็งใจพูด ยกเหล้าขาวขึ้นมาหนึ่งแก้ว
ช่วยไม่ได้ ไม่ควรล่วงเกินคนอื่นนี่ เหล้านี่ต่อให้ลงคอลำบาก ก็ต้องดื่มลงไป
ท่าทางของจางหงจูนเผยให้เห็นการเย้ยหยันพูดว่า “น้องห้าอ่ะ เหล้าสองแก้วแจกแจงเป็นการคารวะประธานอาวุโสทั้งสอง ถ้านายจะดื่ม ก็ต้องดื่มรวดเดียวให้หมดถึงจะได้สิ”
“เอ่อ……ลุงใหญ่ อย่างนี้จะไม่รังแกกันเกินไปหน่อยเหรอ!” จางฉีโม่พูดด้วยความโมโห
“รังแกคน?ฉีโม่ ดูเธอสิพูดอะไรของเธอน่ะ?” จางหงซวนพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “ได้ดื่มเหล้าคารวะท่านประธานอาวุโสทั้งสอง ถือเป็นความโชคดีของครอบครัวพวกเธอแล้ว ดื่มเหล้าไม่ได้ ก็รีบไสหัวไปซะ อย่ามาทำขายหน้าคนที่นี่!”
ฟังแล้วเหมือนจะเมินหน้ากัน จางซิ่วเฟิงจึงลนลานพูดขึ้นว่า “ฉีโม่ พี่สาม พวกเธอไม่ต้องพูดแล้ว เหล้าแก้วนี้ฉันจะดื่มเอง”
พูดเสร็จ จางซิ่วเฟิงก็ยกเหล้าขาวขึ้นมาหนึ่งแก้ว หลับตากรอกคอลงไปรวดเดียว อึกๆ อึกๆ ประมาณ 250 มิลลิลิตได้ ดื่มไปตั้งหลายอึก ยังเหลืออีกนิดเดียว ก็แข็งใจดื่มไม่ไหวแล้ว ไถลวางแก้วเหล้าลง ท่าทางทรมาน ใบหน้าแดงก่ำ
ระดับเหล้าของจางซิ่วเฟิงก็ทั่วไป อยู่เหล้าขาว500มิลลิกรัมก็ลงสู่ท้อง ท้องไส้ปั่นป่วนแทบจะอาเจียนกันเลย
“ประธานซูน นายหลุยส์ ต่อไปต้องให้คุณช่วยดูแลในวงการธุรกิจด้วย” สีหน้าจางซิ่วเฟิงเขียวปัดแต่พูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ท่าทางของซูนเฉียงกับหลุยส์ราบเรียบ มองดูเหล้าขาวที่อยู่ในแก้วอย่างเฉยเมย ส่ายหน้า เหมือนไม่ค่อยพอใจ
“น้องห้า ไม่ใช่ว่าฉันจะว่านายนะ มิน่าหลายปีมานี้ ถึงได้ไม่มีอนาคต ดื่มเหล้าขาวแค่นี้ก็ไม่หมด ยังต้องเหลือแค่นี้ไว้ทำไมกัน? ช่างน่าขายหน้าและก็ผิดหวัง!” จางหงซวนถากถางอย่างไม่เกรงใจ ชี้นิ้วไปที่เหล้าขาวในแก้วไวน์
ใบหน้าจางซิ่วเฟิงแดงก่ำ พูดอย่างกระอึกกระอัก “แค่นี้… ผม… ผมจะดื่มตอนนี้เลยแล้วกัน”
เมื่อกี๊เหล้าที่เขาดื่มไปถึงขีดจำกัดแล้ว เหลือแค่นั้นไม่ใช่ว่าไม่อยากดื่ม แต่กรอกลงไปไม่ได้แล้วจริงๆ !
“พ่อ!ไม่ต้องดื่มแล้ว พวกเราไปเถอะ เหล้าอย่างนี้จะดื่มไปทำไม?” จางฉี่พูดขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วก็รู้สึกถูกสบประมาท
ลุงใหญ่กับลุงสามทำเกินไปแล้วจริงๆ นี่เรียกว่าดื่มเหล้าที่ไหนกัน?เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพ่อหนูชัดๆ !
“ไม่ได้นะ ฉีโม่ ถ้าไปแล้ว จะเกิดปัญหาได้นะ” ลู่หย่าฮุ่ยรีบพูดขึ้น เพราะกลัวจะล่วงเกินคนอื่น จึงส่งสายตาให้จางฉีโม่
“ดื่มเหล้าไม่ได้แล้วยังจะมาโมโห?เป็นพวกที่เชิดหน้าชูตาไม่ได้จริงๆ หึ ดื่มไม่ได้ก็ไสหัวไปซะ!” ซูนเฉียงพูดด้วยเสียงเย็นชา ท่าทางไม่แยแส