ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 232 ไปพบผู้มีอำนาจคนหนึ่งกับฉัน
บทที่ 232 ไปพบผู้มีอำนาจคนหนึ่งกับฉัน
คุยโทรศัพท์กับคริสเสร็จแล้ว หลินอิ่งวางโทรศัพท์ลง มองไปที่พวกจางหงจูน พูดเย็นชา “อะไรที่ควรพูดผมก็พูดแล้ว อยากได้ป้ายชื่อจางซื่อก็เอาไปเลย”
ชื่อบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ เติบโตมือชื่อเสียงได้เพราะฉีโม่ คนตระกูลจางอยากเอาไป ก็เอาไปเลย อนาคตจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว
“แกเป็นใคร? คำพูดฉันไม่ได้ยินหรือไง? หรือว่ากล้าไม่เห็นฉันในสายตา?” ซูนเฉียงชี้หน้าด่าหลินอิ่ง สีหน้าโมโห
“แกมันไอ้ลูกเขยไร้น้ำยา ใครให้สิทธิ์แกมาตัดสินอะไรที่นี่?” จางหงจูนหัวเราะดูถูก สีหน้าดูถูก มองไปที่ครอบครัวจางฉีโม่ “นี่เป็นความหมายของครอบครัวเธอใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น ก็อย่ามาว่าพวกเราไม่ไว้หน้าละกัน ถึงเวลาพวกเธอจะไม่มีหนทาง”
“ไม่อยากรับโอกาสไว้เอง ยังกล้ามาพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไม่ให้โอกาสครอบครัวเธออีก มาขอร้องพวกเราก็ไม่มีประโยชน์” จางหงซวนหัวเราะพูดอย่างเย็นชา
เท่าที่พวกเขาสองคนดูแล้ว หลินอิ่งความพินาศมาเยือนแล้วยังไม่รู้ตัว ประธานกงซุนมาจัดการเขาเองถึงเมืองชิงหยูนแล้ว เขายังคิดว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน ในสถานการณ์แบบนี้ยังกล้าอวดดี
“นี่ หลินอิ่ง แกมาวุ่นวายอะไร? เรื่องในบริษัทแกมีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน?” ลู่หย่าฮุ่ยต่อว่าขึ้นมา ไม่พอใจหลินอิ่งมาก
“พี่ใหญ่ พี่สาม อย่าไปฟังหลินอิ่งพูดไปเลื่อย เรื่องนี้ยังคุยกันได้” ลู่หย่าฮุ่ยรีบพูดขอร้องกับจางหงจูน
สำหรับเธอแล้ว ถ้าเสียชื่อของบริษัทจางซื่อไป มันก็เหมือนฟ้าถล่มลงมา พวกเขาแบกรับไม่ไหว
“คุยได้? ถ้าอยากคุยก็ได้ พวกเธอรับให้ไอ้ลูกเขยไร้น้ำยาคนนี้กราบขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้ แล้วก็ขอโทษประธานสองท่านด้วย” จางหงจูนพูดเสียงเย็นชา “สถานการณ์อะไรก็แยกแยะไม่ออก ยังกล้าพูดไปเรื่อยอีก คิดว่าพวกเราทำอะไรเขาไม่ได้หรือไง? ทำอะไรครอบครัวพวกเธอไม่ได้หรือไง?”
หลินอิ่งส่ายหัว ไม่อยากสนใจอีกาเหล่านี้แล้ว มองไปที่ฉีโม่ พูดว่า “พวกเราไปเถอะ ไม่มีอะไรต้องคุยกับพวกเขาแล้ว”
“อืม” จางฉีโม่พยักหน้า เห็นด้วยอย่างยิ่ง
พูดจบ หลินอิ่งหันหลังเดินจากไป จางฉีโม่เดินตาม
“ครอบครัวพวกเธอทำอะไรกัน? ไม่เห็นประธานสองท่านอยู่ในสายตาเหรอ?” จางหงจูนพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องหน้าลู่หย่าฮุ่ยสองผัวเมีย
“ไม่ พี่ใหญ่ อย่าเข้าใจผิด ครอบครัวเราไม่ได้คิดแบบนั้น นี่มันไอ้โง่หลินอิ่งคิดเอง มันไม่ใช่ตัวแทนครอบครัวเรา มีปัญหาอะไรก็ไปหามัน” ลู่หย่าฮุ่ยรีบพูด “เขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับครอบครัวเราแล้ว ฉีโม่ถูกมันหลอกลวง เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับลูกเอง เรื่องนี้ เราค่อยมาคุยกันดีๆ”
“ใช่ พี่ใหญ่ สำหรับเรื่องชื่อบริษัทจางซื่อ ครอบครัวเราจริงใจอย่างยิ่ง” จางซิ่วเฟิงพูดสีหน้าจริงจัง “พี่ใหญ่ รอผมเจรจากับฉีโม่ดีแล้ว ค่อยโทรหาพี่ ค่อยเชิญพวกพี่ออกมากินข้าวคุยกันอีกที”
“ไม่จำเป็นแล้ว โอกาสเคยให้ครอบครัวพวกเธอแล้ว แต่พวกเธอมันไม่รักษาโอกาสเอง” จางหงจูนพูดด้วยน้ำเสียงมีเชิงกว่า โบกมือไปมา “ครอบครัวพวกเธอรอขายหน้าในเมืองชิงหยูนก็พอ อย่างอื่นฉันไม่พูดมากแล้ว มาขอร้องฉันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ส่งแขก”
ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว ลู่หย่าฮุ่ยผัวเมียสีหน้าไม่ดี ยังอยากพูดขอร้องอะไรอีก แต่กลับโดนพนักงานรักษาความปลอดภัยไล่ออกจากร้าน
“เชอะ น้องหงจูน เดี๋ยวเอาข้อมูลของไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งมาให้ฉัน ฉันจะหาคนไปจัดการมัน กล้ามาอวดดีต่อหน้าฉัน” ซูนเฉียงพูดเสียงเย็นชา ตั้งใจจะหาคนไปจัดการหลินอิ่งที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
“ผมมาประเทศหลุงตั้งนาน ยังไม่เคยเจอใครกล้าอวดดีต่อหน้าผมแบบนี้ ต้องจัดการมันให้หนักเลย” นายหลุยส์พูดด้วยความไม่พอใจ “ได้ยินว่าเป็นไอ้ไร้น้ำยา ช่างกล้าอวดดี”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เวลาเดียวกัน มือถือซูนเฉียงดังขึ้น เขาสีหน้าดีใจ รับโทรศัพท์อย่างยิ้มแย้ม
“ครับ ครับ ได้ครับ ได้ครับ” ซูนเฉียงรับโทรศัพท์ พยักหน้าไม่หยุด ท่าทางยิ้มแย้มดีใจ
“น้องหงจูน งานเปิดบริษัทฉันไม่อยู่แล้วนะ ตอนนี้มีธุระต้องไปทำ” ซูนเฉียงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ประธานซูน เรื่องอะไร? รีบร้อนขนาดนี้?” จางหงจูนถาม
“ฮาฮา ฉันกับคุณหลุยส์จะไปพบคนมีอำนาจคนหนึ่ง ไว้ค่อยคุยกัน” ซูนเฉียงพูดด้วยรอยยิ้ม เหมือนถูกรางวัล อารมณ์ดีมาก
“ได้ ประธานซูน คุณหลุยส์ ไว้เจอกันใหม่ ผมไปส่ง” จางหงจูนยิ้มแย้ม ลุกขึ้นส่งซูนเฉียงและนายหลุยส์ออกจากงาน
เมื่อทั้งสองจากไปแล้ว จางหงจูนกับจางหงซวนสบตากันยิ้ม ใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างได้ใจ
“ไอ้ลูกเขยไร้น้ำยาหลินอิ่ง กล้าทำให้ประธานซูนกับคุณหลุยส์โกรธ คอยดูสักวันมันตายแน่” จางหงจูนพูดอย่างเย็นชา
“ก็ใช่ไง ดูท่าทางมัน ไปถึงไหนก็สร้างแต่ศัตรู ฉันว่า พวกเราไม่ต้องลงมือเลย มีคนมากมายที่อยากเหยียบมันตาย” จางหงซวนพูดเย็นชา “พวกเราแค่เอาชื่อบริษัทเครื่องประดับจางซื่อมา คอยดูว่าครอบครัวจางฉีโม่จะยืนอยู่ในเมืองชิงหยูนยังไง ครั้งนี้ต้องตีให้ครอบครัวมันกลับไปสภาพเดิม ก็เป็นแค่ครอบครัวที่รวยกะทันหันเท่านั้น”
พูดไป ทั้งสองก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
พวกเขาหมั่นไส้ครอบครัวจางฉีโม่อยู่แล้ว มีสิทธิ์อะไรได้ขึ้นไปอยู่ที่สูง อยู่ดีกว่าครอบครัวพวกเขา?
อีกอย่างยังนั่งตำแหน่งประธานบริษัทอีก มีสิทธิ์อะไร?
ครั้งนี้ ไม่มีชื่อบริษัทจางซื่อแล้ว และไม่มีเงินทุนคอยสนับสนุน ดูว่าครอบครัวเธอจะเล่นอะไรได้อีก
อีกด้านหนึ่ง ซูนเฉียงกับหลุยส์นั่งอยู่บนรถสีดำ คนขับรถขับรถออกจากลานจอด พวกเขานั่งอยู่ข้างหลังสีหน้าสบายใจ
“คุณหลุยส์ ข่าวดีนะเนี่ย เมื่อครู่คุณคริสโทรหาผม” ซูนเฉียงพูดอย่างได้ใจ “ท่านบอกว่าจะพาผมไปพบผู้มีอำนาจท่านหนึ่ง ดูแล้ว คงจะให้โอกาสใหญ่กับพวกเราแน่”
ได้พึ่งพาต้นไม้ใหญ่อย่างคริสแล้ว ซูนเฉียงก็รู้สึกพอใจมาก ฐานะในตระกูลซูนต้องเติบโตขึ้นอีกแน่นอน แม้กระทั่งความอับอายที่ลูกชายซูนเหิงสร้างไว้ก็หายไปทันที ถ้าได้ความช่วยเหลือจากคุณคริสแล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่คุณปูที่บ้าน ก็ต้องไว้หน้าเขาพอสมควร
“ฮาฮา แสดงความยินดีด้วย ประธานซูน ถ้าได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่อย่างคุณคริส อนาคตของคุณก้าวไกลแน่” หลุยส์พูดด้วยสายตาอิจฉา สีหน้าก็มีความดีใจด้วย
เป็นรองประธานลาตินกรุ๊ปอย่างหลุยส์ ก็แค่เคยเจอหน้าคุณคริส ฐานะหน้าที่เขายังไม่มีสิทธิ์พอที่จะได้คุยกับเขา
นั่นมันผู้ใหญ่ที่มีอำนาจจริงๆ ได้รับโอกาสจากคนใหญ่โตอย่างคริสถือว่าเป็นบุญมากแล้ว แค่คิดไม่ถึง ยังได้มีโอกาสแนะนำให้เจอคนใหญ่โตอีก
ขนาดคนใหญ่โตอย่างคุณคริสเรียกว่าคนใหญ่โตอีก แค่คิดก็รู้ได้ว่า ต้องเป็นคนที่มีอำนาจเงินทองมหาศาลแน่นอน
พวกเขาสองคนรู้สึกว่า ได้มีโอกาสพบเจอกับคนใหญ่โตระดับนี้ ก็เหมือนได้รับของขวัญตกจากท้องฟ้า อนาคตต้องเจริญแน่
คิดแค่นี้ ทั้งสองก็ดีใจจนอธิบายไม่ถูกแล้ว รอไม่ไหวที่จะได้เจอกับคนใหญ่โตที่คริสจะแนะนำแล้ว