ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 235 โจมตี
บทที่ 235 โจมตี
“ประธานหลิน ท่านอภัยให้พวกเราเถอะครับ” ซูนเฉียงพูดขอร้อง สีหน้าหม่นหมอง ร่างกายเหมือนถูกแอลกอฮอล์เผา รู้สึกไม่สบายตัว
“ประธานหลิน ผมผิดไปแล้ว ถ้าท่านยอมให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะจัดการจางหงจูนสองพี่น้องให้ตายแน่ เป็นความคิดของสองพี่น้องทั้งนั้น” หลุยส์พูดอย่างมึนเมา ขอร้องอย่างน่าสงสาร
พวกเขาสองคนก็ถือว่าเคยผ่านงานเลี้ยงสังสรรค์กินเหล้าเจรจาธุรกิจมามากมาย ดื่มเหล้าก็สู้คนทั่วไปได้ แต่นี่มันเหล้าขาวทั้งขวด ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ในใจทั้งสองก็รู้สึกหดหู่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ดื่มเหล้าเคารพคนอื่น จากฐานะพวกเขาแล้ว ในงานดื่มเหล้า มีแต่คนเข้าแถวมาดื่มเคารพพวกเขา ไม่เคยอยู่ในสภาพทรหดขนาดนี้มาก่อน ยังต้องขอร้องคนอื่นหลังดื่มเหล้าขาวไปทั้งขวด
หลินอิ่งยังคงไม่แสดงกิริยาอะไร สีหน้าเฉยชานั่งอยู่กับที่ ยื่นมือที่ด้านข้างที่ฮาเดสยืนอยู่
ฮาเดสหยิบเหล้าขาวห้าสิบดีกรีหนึ่งลังขึ้นมาจากพื้น หยิบออกมาหนึ่งขวด เปิดฝา ยื่นให้หลินอิ่ง
หลินอิ่งถือขวดไว้สีหน้าเฉยชา เทเหล้าขาวลงในถ้วยที่ถูกดื่มจนหมด และเทใหม่จนเต็ม
“ประธานหลิน นี่ นี่มัน……” ซูนเฉียงพูดติดอ่างขึ้นมา มองหลินอิ่งที่กำลังเทเหล้าอย่างตกใจ อย่าพูดปฏิเสธ แต่ก็ไม่กล้า
“นี่อะไร? ปัญญาอ่อนสองคน อะไรกัน? ประธานหลินเทเหล้าให้พวกแก พวกแกยังกล้าพูดอีก? ต้องดื่ม กล้าเหลือสักหยดพวกแกได้พิการแน่ ยังกล้าพูดมากอีก?” คริสด่าซูนเฉียงกับหลุยส์ยาวเป็นท่อน ด่าจนทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเกรงกลัว
“ประธานหลิน ผมควรตาย เหล้านี้ผมควรดื่ม ดื่มเคารพท่านครับ” ซูนเฉียงฝืนพูด ลุกขึ้นยกถ้วยที่หลินอิ่งเทจนเต็มอย่างเคารพ แล้วดื่มจนหมดถ้วย
แต่ว่า รอบนี้ซูนเฉียงกับหลุยส์ดื่มช้ามาก เหมือนดื่มยาพิษ ดื่มไม่ลง เหมือนบังคับกรอกลงไป
ทั้งสองคนดื่มไม่ลง แต่ก็ไม่กล้าเอาถ้วยออกจากปาก เนื้อตัวสั่นไม่หยุด ได้แต่ฝืนดื่มลงไป ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ไม่อาจคาดคิด
พวกเขาถือว่าได้รับรู้แล้ว ความรู้สึกของพ่อตาประธานหลินที่ถูกบังคับให้ดื่มเหล้า ว่าเขารู้สึกยังไง
ผ่านไปประมาณสามสี่นาที ทั้งสองคนก็วางถ้วยลงอย่างสะเปะสะปะ นั่งลงที่ตัวเอง เหล้าไหลออกจากมุมปาก ทรมานอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องฝืนยิ้ม
“ประธานหลิน ท่านว่า……” ซูนเฉียงยิ้มพูดขอร้อง คำพูดยังพูดไม่ถึงครึ่ง ใบหน้าก็แข็ง
ฮาเดสเปิดเหล้าขาวอีกสองขวดยื่นมา หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา รับเหล้าขาวมา
“ประธานหลิน ดื่มไม่ได้แล้วจริงๆ ผม พวกเราดื่มไม่ได้แล้ว ขอพักก่อนนะครับ” ซูนเฉียงขอร้องอย่างน่าสงสาร ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ประธานหลิน ขอร้อง เหล้าที่ท่านเทให้พวกเราต้องดื่มให้หมดแน่ แต่ตอนนี้ดื่มไม่ลงแล้วจริงๆ ปล่อยพวกเราไปเถอะ ผมรู้ว่าผิดไปแล้ว” หลุยส์ขอร้องด้วยเสียงหอบ
เหล้าขาวหนึ่งลิตรลงท้อง ก็เกือบจะเอาชีวิตเขาทั้งสองคนแล้ว ความรู้สึกนี้ไม่ใช่คนที่จะทนรับได้ ถ้าดื่มต่อ ต้องส่งโรงพยาบาลแน่
“วันนี้ประธานหลินเทเท่าไหร่ พวกแกสองคนก็ต้องดื่ม พูดมากอีก ฉันจะหาจนทำให้แกสองคนล่มจมแน่” คริสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เท่าที่คริสดูแล้ว ประธานหลินถือว่าเหลือหนทางให้ซูนเฉียงกับหลุยส์แล้ว ถ้าหากประธานหลินให้เขาจัดการสองคนนี้ แค่คำพูดที่เขาสองคนพูดต่อประธานหลินเมื่อครู่ ก็ต้องโยนพวกเขาลงทะเลแล้ว
“ไม่ ไม่ครับ คุณคริส ประธานหลิน ผม ผมยังดื่มได้ ดื่มต่อได้” ซูนเฉียงพูดอ้ำๆอึ้งๆ ตกใจจนหน้าซีด รีบยกถ้วยขึ้นดื่มอย่างสุนัข
กรอกเหล้าที่ขมมากลงไป ระหว่างกึ่งเมากึ่งตื่น ซูนเฉียงกับหลุยส์ด่าจางหงจูนจางหงซวนในใจไปหนึ่งรอบ คิดว่าถ้ากลับไปแล้วต้องจัดการไอ้โง่สองคนนั้นแน่ ทำให้พวกเขาต้องมาเดือดร้อน
เหล้าขาวถ้วยที่สามดื่มไปครึ่งถ้วย ซูนเฉียงก็ล้มลงไปกับพื้น เหล้าไหลออกมาจากมุมปาก น้ำตาก็ไหลลงมา ปากก็พูดจาพึมพำ เมาจนจำอะไรไม่ได้แล้ว
หลุยส์ก็ไม่ไหวเช่นกัน ใบหน้าแดงก่ำ ร่างอ้วนพุงป่องขึ้น ล้มกลิ้งลงไปกับพื้น ร้องเสียงดัง
หลินอิ่งค่อยๆลุกขึ้น มองไปที่คริส พูดเสียงเรียบ “คุณจัดการต่อเลย ผมไปก่อนแล้ว”
“ครับ ประธานหลิน” คริสพยักหน้า ส่งหลินอิ่งออกจากห้องรับรองอย่างเคารพ
หันกลับมา คริสมองสองคนที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้นอย่างน่าเกลียด ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ดูสภาพของซูนเฉียงกับหลุยส์แล้ว คงต้องส่งเข้าโรงพยาบาลไปรักษาสักครึ่งเดือน
เดินออกจากร้านอาหาร หลินอิ่งเดินนำฮาเดส ไปที่ลานจอดรถ
ตอนที่หลินอิ่งเดินไปถึงทางแยก หนุ่มชุดดำเดินผ่านไป ทันใดนั้น หมัดก็ชกมากะทันหัน เสียงดังปัง
จากการไม่ได้ป้องกันตัว หลินอิ่งยื่นมือปัง ถูกหมัดนั้นสะเทือนจนถอยไปหลายก้าว เพิ่งทรงตัวได้
คนชุดดำก็วิ่งเข้ามาตรงหน้า ในมือถือมีดสั้นทิ่มไปที่หน้าอก
ความเร็วนั้นคนธรรมดาก็ตั้งตัวไม่ทัน หลินอิ่งยื่นมือไปปัง ป้องกันหน้าอกตัวเอง เสียงดังตั๊ก มีดแทงเข้าไปที่ฝ่ามือเขา จากนั้นก็สู้กลับ
มีดแรกไม่โดน คนชุดดำก็หยิบมีดอีกใบหนึ่งออกมา หลินอิ่มเริ่มตอบสนองทัน เสียงดังตั๊ก มีดแทงเข้าไปที่กำแพง จนเป็นหลุม และมีรอยแตก แค่นี้ก็รู้ว่าแรงหนักขนาดไหน
การต่อสู้อย่างสายฟ้าแลบ ไม่ถึงสามวินาที คนชุดดำก็โจมตีเสร็จ แล้วถอยห่างออกไปเป็นสิบก้าว ฝีมือรวดเร็ว แสดงให้รู้ว่าคือมืออาชีพ
หลินอิ่งขมวดคิ้ว มองไปที่คนชายชุดดำ เปิดปากถาม “แกเป็นใคร?”
เขาดูออก ชายชุดดำคนนี้ฝีมือระดับนี้ ไม่ธรรมดาแน่ เขาไม่ได้เจอคนเลือดเย็นฝีมือระดับสูงแบบนี้นานแล้ว
“กงซุนฉางเฟิง” ชายชุดดำตอบอย่างเฉยชา
“ตระกูลกงซุนส่งแกมา?” หลินอิ่งมองกงซุนฉางเฟิงสายตาเย็นชา
ชัดเจนว่า คนฝีมือระดับนี้มีเพียงตระกูลกงซุนแห่งตี้จิงเรียกใช้ได้ ในเมืองเล็กๆอย่างเมืองชิงหยูน คนฝีมือระดับสูงแบบนี้อยู่ไม่ได้แน่
“ฝีมือนายเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน” กงซุนฉางเฟิงพูดอย่างมั่นใจ “เป็นคนฝึกศิลปะโบราณเหมือนกัน ฉันเป็นคนรักคนมีฝีมือ ถ้านายยอมให้มือข้างหนึ่งพิการ ไม่ต่อสู้แล้วไปกับฉัน ฉันสามารถช่วยนายขอร้อง ให้ไว้ชีวิตนายได้”
“ไว้ชีวิตเหรอ?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “นายมั่นใจแค่ไหน?”