ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 237 แก๊งหยางเหมิน
บทที่ 237 แก๊งหยางเหมิน
“ผมมาจากไหน? ระดับคุณยังไม่มีสิทธิ์รู้” มุมปากของหลินอิ่งโค้งขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “จะจัดการผมไม่ใช่เหรอ? แค่นี้ก็ยอมแล้วเหรอ?”
กงซุนฉางเฟิงสีหน้าตึงเครียด พูดว่า “คุณก็อย่างได้ใจเร็วไป เรื่องที่คุณสร้างไว้มากมาย ถึงแม้ผมจะทำอะไรคุณไม่ได้ ก็ต้องมีคนจัดการคุณได้”
พูดจบ กงซุนฉางเฟิงหันหลังกะทันหัน รวดเร็วมาก แค่พริบตาเดียวก็วิ่งไปไกลสิบเมตร เห็นชัดว่ากำลังวิ่งหนี
ความสามารถของหลินอิ่งเกินคาด เขาคนเดียวจัดการไม่ได้ อยู่ต่อก็รอตาย แบบนี้ก็ต้องหนีกลับไปรายงานข่าวให้กับกงซุนเฟยเจี้ยน ค่อยวางแผนใหม่
สู้ไม่ไหวก็อย่าฝืน ไม่ว่ายังไงเบื้องหลังกงซุนเฟยเจี้ยนก็มีคนมีฝีมือมากมาย ต้องมีวิธีจัดการหลินอิ่งแน่นอน
“แสดงตัวแล้ว ยังอยากไป?” หลินอิ่งส่ายหัว มองไปที่ฮาเดส
วินาทีต่อมา ฮาเดสก็รีบพุ่งไปข้างหน้า วิ่งไล่ตามกงซุนฉางเฟิงได้ทัน ต่อยเข้าไปที่หลังของกงซุนฉางเฟิงอย่างหนัก จนเขาต้องกระอักเลือด ดึงตัวกลับมา
เสียงดังปัง
ฮาเดสเหวี่ยงกงซุนฉางเฟิงลงพื้นอย่างแรง จากนั้นเดินไปด้านหลังหลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากได้ประเดิมฝีมือกับกงซุนฉางเฟิงแล้ว ฮาเดสก็รู้พอใจ
เขาก็ไม่ได้เจอคนมีฝีมือแบบนี้นานแล้ว นอกจากหลินอิ่งที่แขวนเขาต่อยแล้ว อีกอย่าง ครั้งนี้ได้ใช้วิชาที่ประธานหลินถ่ายทอดให้แล้ว ใช้ดีขนาดนี้ ความแตกต่างระหว่างระเบิดกับรถถังนั่นเอง
ถ้าไม่ได้รับการสอนจากประธานหลิน ลำพังแค่ร่างกายที่แข็งแรงกับความเร็วของร่างกายเขาแล้ว เขาชนะกงซุนฉางเฟิงง่ายๆไม่ได้แน่นอน อย่างมากก็แค่เสมอเท่านั้น
เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ทำให้ฮาเดสยิ่งมั่นใจที่จะเดินตามประธานหลิน สำหรับเขาแล้ว เขาเป็นนายที่ดีและแข็งแกร่งที่สุด เขาเองก็จะแข็งแกร่งไปด้วย
“คุณต้องการอะไร? คุณรู้ว่าเบื้องหลังผม……” กงซุนฉางเฟิงพูดเสียงเรียบ
“ผมรู้ว่าเบื้องหลังคุณคือใคร” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “วิชาการต่อสู้ของคุณ มาจากแก๊งหยางเหมิน ใช่ไหม?”
ตอนที่กงซุนฉางเฟิงกับฮาเดสสู้กัน หลินอิ่งดูฝีมือกงซุนฉางเฟิงแล้ว ก็รู้ที่มาแล้ว
เขาใช้วิชาการต่อสู้ของแก๊งหยางเหมิน พูดไปแล้ว ก็เป็นเรื่องหัวโต แต่เฉพาะคนอื่นเท่านั้น
แก๊งหยางเหมินเป็นแก๊งที่มีตำนานสืบทอดกันมาเป็นร้อยปี มาจากประเทศหลุง อำนาจครอบคลุมทั่วโลก สำนักงานใหญ่ของแก๊งหยางเหมินก็อยู่ต่างประเทศ มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนของแก๊งหยางเหมินมากมาย ทศวรรษที่แล้วถือเป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหลุง
เพียงแค่ แก๊งหยางเหมินกันแก๊งมังกรเทียบกันแล้ว ก็เหมือนเสือปะทะสิงโต
“คุณ คุณรู้จักแก๊งหยางเหมิน?” กงซุนฉางเฟิงมองหลินอิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความมั่นใจที่หลงเหลืออันน้อยนิดก็หมดไป “หรือว่า คุณดูออก?”
เขาไม่รู้ฐานะเบื้องหลังของหลินอิ่ง แต่หลินอิ่งกลับดูฐานะเบื้องหลังเขาออกอย่างง่ายดาย นี่……ทำลายความมั่นใจของเขาจนหมด
หลินอิ่งรู้ได้ยังไง? ต้องรู้ว่า ถึงแม้หยางเหมินจะมีชื่อเสียงในวงการคนมังกรทั่วโลก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เคยได้เจอแก๊งหยางเหมินจริง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องดูวิชาการต่อสู้ของแก๊งหยางเหมินออก
“คุณรู้ว่าผมเป็นคนของแก๊งหยางเหมิน? คุณไม่กลัวเหรอ?” กงซุนฉางเฟิงถามอย่างไม่ยอมแพ้
ล้อเล่นอะไร แก๊งหยางเหมินอยู่ในระดับไหน? มีคำเลื่องลือในต่างประเทศว่า ที่ใดมีคนแดนมังกร ที่นั่นย่อมมีแก๊งหยางเหมิน
นั่นเป็นอำนาจที่สามารถต่อต้านเครื่องมือของประเทศได้
ไม่ว่ามหาเศรษฐีแห่งประเทศหลุงและบริษัทมหาอำนาจ ถ้าพูดถึงผลกระทบ เมื่อเทียบกับแก๊งหยางเหมินแล้วยังห่างกันมาก
“กลัว?” หลินอิ่งส่ายหัว “ถึงหัวหน้าแก๊งหยางเหมินมาด้วยตัวเอง ก็แค่มารนหาที่ตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลูกน้องกระจอกอย่างคุณ”
“ตระกูลกงซุนส่งคนมาที่เมืองตงไห่กี่คน?” หลินอิ่งมองไปที่กงซุนฉางเฟิง “บอกมา จะไว้ชีวิตคุณ สำหรับเรื่องแก๊งหยางเหมิน เหอะ สิ่งที่คุณรู้อาจน้อยกว่าผมก็ได้”
แก๊งหยางเหมินเข้ามายุ่งเรื่องตระกูลกงซุนแห่งตี้จิง แบบนี้ก็รู้เรื่องแล้ว ทำไมถึงได้กล้าขนาดนี้ ด้วยความสามารถของแก๊งหยางเหมินแล้วจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มมหาเศรษฐีประเทศหลุง จนควบคุมพวกมหาเศรษฐีได้
อำนาจลึกลับนี้ถือว่าอยู่อันดับต้นๆควบคุมทั่วโลก สำหรับความสามารถของกงซุนฉางเฟิงเป็นระดับนักสู้ภายใน ก็คงออกห่างจากสมาชิกด้านนอก ไม่ได้รับข้อมูลสำคัญอะไรมากมาย
คาดว่าคนมีฝีมือของแก๊งหยางเหมินที่ตระกูลกงซุนส่งมา เป็นคนอื่น
“คุณ……” กงซุนฉางเฟิงสีหน้าแดงก่ำและละอายใจ ตอนแรกมาจัดการหลินอิ่งอย่างมั่นใจ แต่กลับถูกเหยียบย่ำความมั่นใจจนหมดสิ้น ต้องล้มอยู่กับพื้นรอคนเชือด
ตอนแรกนึกว่าจะข่มขู่หลินอิ่งได้ แต่กลับโดนเขามองเบื้องลึกออกทุกอย่าง ช่างน่าละอาย
ท่าทางดูถูกแก๊งหยางเหมินของหลินอิ่ง กงซุนฉางเฟิงดูออกว่าไม่ใช่การแสดง แค่คิดไม่ตก ทำไมคนที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
“ตระกูลกงซุนส่งผมกับกงซุนเฟยเจี้ยนมาแค่สองคน” กงซุนฉางเฟิงพูด “ผมไม่ได้โกหก ในสายตาตระกูลกงซุน ผมเป็นแค่คนกล้าที่ฝีมือใช้ได้คนหนึ่ง…..”
“กงซุนเฟยเจี้ยน? พาผมไปหาเขาตอนนี้” หลินอิ่งขมวดคิ้ว คิดไปครู่หนึ่ง มองไปที่ฮาเดส “ไปขับรถ พาเขาไปด้วย”
ฮาเดสเชื่อฟังเหมือนหุ่นยนต์ หันหลังก็เดินไปที่ลานจอดรถ ส่วนกงซุนฉางเฟิงล้มนอนอยู่กับพื้นขยับไม่ได้ รู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธหลินอิ่ง
“ผม ประธาน ประธานหลิน ไว้ชีวิตผมด้วย ผมยินดีให้ความร่วมมือกับท่าน” กงซุนฉางเฟิงพูดอ้ำๆอึ้งๆ “กงซุนเฟยเจี้ยนอยู่ที่เมืองตงไห่ เขาให้ผมจับตาดูคุณมาสักพักแล้ว เรื่องเปิดบริษัทใหม่ของบริษัทจางซื่อ ก็เป็นความคิดของเขา…..”
“ออ?” หลินอิ่งรู้สึกสนใจ คิดไม่ถึงว่านั่นเป็นความคิดของกงซุนเฟยเจี้ยน ก็แปลก ลำพังสมองของจางหงจูนจะคิดแผนการแย่งชื่อบริษัทได้ยังไง
“อยากมีชีวิต ต่อไปนี้ก็ฟังคำสั่งผม” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
แก๊งหยางเหมินมาหาถึงที่ น่าสนใจ เรื่องนี้ต้องทำการวางแผนดีๆหน่อย
“ครับ” กงซุนฉางเฟิงพูดอย่างหวาดกลัว
กงซุนฉางเฟิงถูกท่าทางอำนาจของหลินอิ่งทำให้รู้สึกหวาดกลัว คนคนนี้ไม่ได้มีแก๊งหยางเหมินกับตระกูลกงซุนอยู่ในสายตาเลย
และความสามารถที่แสดงออกมา ก็มองถึงเบื้องลึกไม่ได้ เพียงแค่บอดี้การ์ดติดตามคนเดียวก็มีฝีมือสูงขนาดนี้
ยิ่งหลินอิ่งแสดงความใจเย็นเรียบเฉยแค่ไหน ในใจเขายิ่งรู้สึกกลัว น่ากลัวกว่าเข้ามาต่อสู้ทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม เพราะนี่หมายถึงไม่มีเขาอยู่ในสายตา วินาทีต่อไปอาจจะให้บอดี้การ์ดทำเขาให้ตายเลยก็ได้……
ไม่นาน ฮาเดสก็ขับรถlincolnสีดำมา ใช้มือเดียวดึงตัวกงซุนฉางเฟิงเข้ารถ เหยียบคันเร่ง ขับเข้าไปในเมือง…..