ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 239 ไปเสียเที่ยว
บทที่ 239 ไปเสียเที่ยว
รู้สึกคำพูดของหลินอิ่งมีแรงอาฆาต กงซุนเฟยเจี้ยนตัวสั่น
เขารู้สึกได้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หลินอิ่งช่างกล้าไม่ใส่ใจตระกูลกงซุน ต้องจัดการเขาในเมืองชิงหยูนให้ได้
“หลินอิ่ง แกต้องคิดให้ดีนะ แกฆ่าฉันแล้วมีอะไรดีกับแก? นอกจากหาเรื่องตระกูลกงซุนแล้ว แกไม่ได้อะไรเลย” คำพูดกงซุนเฟยเจี้ยนเริ่มอ่อนลง พูดจาดีขึ้น “ไม่อย่างนั้นนั่งลงคุยกันก่อน บางทีก่อนหน้านี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด ต้องรู้ว่า นายรักษานายท่านจนหาย สำหรับตระกูลกงซุนแล้วก็ถือว่ามีบุญคุณ”
กงซุนเฟยเจี้ยนคิดดีแล้ว ไม่ว่ายังไง สถานการณ์ตอนนี้ ในเมืองชิงหยูนสู้กับหลินอิ่งไม่ไหวแน่ คงทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้
ยอมเขาก่อน จะได้ไม่ต้องตายในมือไอ้บ้านี่ รอได้โอกาสใหม่ ค่อยกลับไปที่มณฑลหยางเหมิน ค่อยรายงานเรื่องนี้กับพี่รองกงซุนเฟยเทียน ค่อยจัดคนมาจัดการกับหลินอิ่ง
“บุญคุณ? เหอะ หาคนมาจัดการคนมีบุญคุณ นี่เป็นวิธีการตอบแทนบุญคุณของตระกูลกงซุนเหรอ?” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“กงซุนเฟยเจี้ยน ไม่ต้องทำตัวเสแสร้งต่อหน้าผม ความสามารถตระกูลกงซุนแค่นี้ ผมไม่ได้ใส่ใจ” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“วันนี้ผมมาหาคุณ แค่มาสั่งสอนคุณหน่อย” หลินอิ่งพูดช้าๆ
พูดจบ หลินอิ่งส่งสายตาให้กับฮาเดส
“สั่งสอน? หมายความว่าไง?” กงซุนเฟยเจี้ยนงง ไม่รู้ว่าหลินอิ่งต้องการทำอะไร
ดูแล้วหลินอิ่งก็ไม่เหมือนจะฆ่าล้างแก๊ง แต่ดูแล้วก็ไม่ได้จะปล่อยเขาไป
ปัง
ขณะที่กงซุนเฟยเจี้ยนกำลังสงสัย ฮาเดสก็พุ่งเข้าไป เหมือนสัตว์ดุร้าย ท่าทางน่ากลัว
ฮาเดสยกมือตบหน้ากงซุนเฟยเจี้ยน จนเขาล้มลงตกจากเก้าอี้ กระเด็นไปไกลสิบเมตร กระแทกลงพื้นอย่างแรง หน้าบวมไม่ว่า ยังเลือดเต็มปาก
“แคกแคก” กงซุนเฟยเจี้ยนไอไปสองที ฟังร่วงไปสองซี่ สายตาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม มองหลินอิ่งอย่างอาฆาต
“แก แกจะเป็นศัตรูกับตระกูลกงซุนให้ถึงที่สุดใช่ไหม?” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดอย่างโมโห รู้สึกอาบอายอย่างที่สุด “ถ้าฉันไม่พยักหน้า แกไม่มีวันได้คืนดีกับตระกูลกงซุนแน่นอน จากนี้ไปสิ่งที่แกจะได้เจอก็คือการตามฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
เป็นผู้มีอำนาจของตระกูลกงซุนแห่งตี้จิง กงซุนเฟยเจี้ยนยังไม่เคยได้รับการเหยียดหยามแบบนี้เลย โดนตบที่หน้าจนฟันหัก
“ดูแล้วสมองคุณยังไม่เข้าใจ” หลินอิ่งพูดเรียบเฉย “ผมขอบอกคุณ ตระกูลกงซุน ผมไม่เคยใส่ใจ”
หลินอิ่งค่อยๆลุกขึ้น พูดว่า “ผมแค่รำคาญที่มีแมลงวันอย่างคุณคอยรบกวนชีวิตผม”
พูดตบ หลินอิ่งโบกมือ ฮาเดสพยักหน้ารับรู้ สีหน้าเย็นชาเดินเข้าไปหากงซุนเฟยเจี้ยน
“แก แกจะทำอะไร?” กงซุนเฟยเจี้ยนท่าทางหวาดกลัว เผชิญหน้ากับคนร่างใหญ่อย่างฮาเดส เขารู้สึกกดดันอย่างมาก
เสียงดังปัง ฮาเดสเหยียบไปที่ขาของกงซุนเฟยเจี้ยน สะเทือนจนพื้นเป็นรอยร้าว ใช้แรงอย่างหนัก
“อ๊าก”
กงซุนเฟยเจี้ยนร้องเสียงดัง สีหน้าซีดเซียว หายใจหอบแรง
ถูกฮาเดสถีบมาทีหนึ่ง กงซุนเฟยเจี่ยนเจ็บเจียนตาย ร่างกายท่อนร่างเหมือนไม่มีความรู้สึก
กระดูกที่ขาเหมือนแตกละเอียด จนขาเปลี่ยนรูป กระตุกอยู่กับพื้น สีหน้าเจ็บปวด
“ครั้งนี้ เอาแค่ขา กลับไปบอกกงซุนเฟยเทียน ถ้ากล้าส่งคนมาหาเรื่องอีก ผมจะไปตัดหัวเขาที่มณฑลเกาหยางด้วยตัวเอง” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ แต่ในคำพูดเต็มไปด้วยความอาฆาต
“อู้ย……” กงซุนเฟยเจี้ยนร้องเสียงสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความโมโห
เขาคิดไม่ถึง หลินอิ่งจะโหดขนาดนี้ ไม่ได้ฆ่าเขา แต่ทำให้เขาอึดอัดยิ่งกว่าฆ่าเขาอีก หักขาเขาไปข้างหนึ่ง ครึ่งค่อนชีวิตที่เหลือต้องนั่งบนรถเข็น
ยังต้องส่งคำพูดไปให้พี่รองอีก ทำแบบนี้ หลินอิ่งไม่ได้มีตระกูลกงซุนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ไม่กลัวการกลับมาแก้แค้นแม้แต่น้อย
เอาความกล้ามาจากไหน?
กงซุนเฟยเจี้ยนกัดฟันแน่น อย่างไม่พอใจ
“ไม่พอใจเหรอ? คำพูดของประธานหลิน ไม่ได้ยินเหรอ?”
ฮาเดสยื่นมือไปบีบคอกงซุนเฟยเจี้ยนไว้ เสียงดังฮวา ดึงเขาลอยขึ้นจากพื้น
“หวู อ๊าก”
กงซุนเฟยเจี้ยนถูกมือของร่างใหญ่บีบคอไว้ สีหน้าซีดขาวทันที ร้องเสียงโอดโอย เหมือนจะขาดลมหายใจ
“ประธานหลิน นายคนนี้ไม่เคารพท่านแบบนี้ ให้ผมจัดการมันเลยไหม” ฮาเดสพูดจาจริงจัง “ไอ้โง่นี่ขนาดคนมีอำนาจมันยังไม่เคารพ ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกแล้ว”
“ไม่……อย่าฆ่าผม……” กงซุนเฟยเจี้ยนสีหน้าหวาดกลัว พูดจาอ้ำๆอึ้งๆ
คราวนี้ เขาโดนท่าทางของฮาเดสทำให้ตกใจสุดขีด เหมือนจะบีบคอเขาให้ตายทันที
“ปล่อยมัน ให้มันไป” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“ครับ” ฮาเดสเหวี่ยงกงซุนเฟยเจี้ยนไปไกล กระแทกลงกับพื้น
กงซุนเฟยเจี้ยนสูดหายใจเข้าแรงๆ น้ำหูน้ำตาไหลออกมา กางเกงก็เปียกแล้ว ท่าทางน่าสมเพช
บอดี้การ์ดข้างกายหลินอิ่งคนนี้น่ากลัวมาก ดูเหมือนการฆ่าคนเป็นเรื่องปกติเหมือนกินข้าวดื่มน้ำ อย่างกับคนบ้า หุ่นยนต์ฆ่าคน
“หลิน ประธานหลิน ผมจะกลับไปรายงานกงซุนเฟยเทียนเอง” กงซุนเฟยเจี้ยนพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว
หลินอิ่งไม่ได้พูดมาก หันกลับไป ฮาเดสตามอยู่ข้างหลัง
ทิ้งกงซุนเฟยเจี้ยนไว้ ให้นายคนนี้กลับไปส่งข่าว คำพูดก็บอกกงซุนเฟยเทียนแล้ว ก็รอดูว่าเขาจะรู้หน้าที่ไหม
ถ้าฟังไม่เข้าไป ยังมาหาเรื่องเขาอีก แบบนั้นเขาก็ต้องไปที่มณฑลหยางเหมินด้วยตัวเอง
เมื่อหลินอิ่งจากไปแล้ว กงซุนเฟยเจี้ยนเหมือนยกภูเขาออกจากอก รู้สึกวางใจ เหมือนได้กลับมาจากประตูผี
กงซุนเฟยเจี้ยนรีบโทรศัพท์ ไม่มีเวลาแม้แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าสกปรกบนตัว ให้บอดี้การ์ดสองคนพยุงตัว รีบลงไปชั้นล่าง
ตอนนี้เขาคิดแค่อยากรีบหนีจากเมืองผีนี่ มีหลินอิ่งอยู่นี่ นรกชัดๆ ไม่มีความปลอดภัยสำหรับเขาแม้แต่น้อย ใครจะไปรู้ว่าหลินอิ่งจะเปลี่ยนความคิดเมื่อไหร่ เดี๋ยวให้บอดี้การ์ดกลับมาฆ่าเขา